Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ปี 2021 ที่ผ่านมา Huawei ทำกำไรเพิ่มขึ้นมา 75.9% สูงสุดเป็นประวัติการณ์  แม้ยอดขายอุปกรณ์ สมาร์ทโฟนจะลดลง จากการควบคุมการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทำให้ธุรกิจสมาร์ทโฟนต้องหยุดชะงัก และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบการบริการทั่วโลก

หากยังจำกันได้ ครั้งหนึ่ง ช่วงปี 2018 Huawei เคยตกระกำลำบาก เมื่อความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน กระทบมาถึงบริษัท นำไปสู่การจับกุมผู้บริหารระดับสูงของ  Huawei จนเป็นเรื่องราวดราม่าใหญ่โต

ที่ไปที่มาของการถูกจับกุมในครั้งนี้คืออะไร แล้วส่งผลต่อภาพรวมธุรกิจอย่างไรบ้าง TODAY Bizview จะพาไปย้อนรอยกันในบทความนี้ 

[ สหรัฐฯคว่ำบาตร Huawei จากความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ]

ที่ผ่านมา Huawei มีความตึงเครียดจากปัจจัยต่างๆ และการถูกคว่ำบาตร 

เรื่องราวเริ่มต้นจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯเผยว่า Huawei มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัย และอาจมีการสอดแนมจากจีน โดยที่ผ่านมา Huawei ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้มาตลอด

ย้อนกลับไปในปี 2018 เหมิง หว่านโจว ซีเอฟโอของ Huawei และลูกสาวของผู้ก่อตั้ง ถูกจับกุมโดยสหรัฐอเมริกาในข้อหาที่ เหมิงโกหกต่อธนาคารฮ่องกง หลอกให้สถาบันการเงินแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ทำธุรกิจกับอิหร่าน ซึ่งอิหร่านถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตร และห้ามทำธุรกิจด้วย

Huawei ขายอุปกรณ์โทรคมนาคมให้อิหร่านผ่าน Skycom Tech ซึ่งเป็นบริษัทลูกลับๆ ของ Huawei ตั้งอยู่ในฮ่องกง ซึ่งการทำธุรกรรมในครั้งนี้ถือว่าผิดกฎหมายของสหรัฐฯ

โดยอัยการบอกว่า เหมิง มักเดินทางเข้ามาในสหรัฐเป็นประจำ เพื่อที่จะจัดการธุรกรรม แต่หลังจากที่สหรัฐฯประกาศออกหมายจับ เหมิงจึงเปลี่ยนเส้นทางไปแคนาดา และต่อเครื่องที่แม็กซิโกแทน 

เมื่อทางการแคนาดาทราบเรื่อง จึงออกหมายจับ เหมิง และดำเนินการทางกฎหมายต่อ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จีนจึงจับกุมชาวแคนาดาสองคน เพื่อที่จะกดดันให้แคนาดาปล่อยตัวเหมิงออกมา

จนปี 2019 สถานการณ์เริ่มวิกฤตมากขึ้นสำหรับ Huawei เมื่อสหรัฐฯ นำโดย โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดฉากคว่ำบาตร บล็อกการเข้าถึงชิปประมวลผล และส่วนประกอบอื่นๆ รวมถึงบริการต่างๆ ผ่าน Google เช่น การเข้าถึงเพลง แผนที่ และบริการสมาร์ทโฟนอื่นๆ ด้วย

ซึ่งในปี 2020 ทำเนียบขาวได้เพิ่มมาตรการควบคุม Huawei โดยห้ามไม่ให้ผู้ผลิตทั่วโลก ผลิตชิปที่ออกแบบโดย Huawei จากการใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ

Huawei จึงดำเนินธุรกิจที่ความเสี่ยงน้อยที่จะถูกคว่ำบาตรน้อยลง เช่น การออกสมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำอย่าง ‘Honor’ เพื่อที่จะฟื้นยอดขาย และเลี่ยงการถูกคว่ำบาตรเหมือนแบรนด์แม่อย่าง Huawei

ล่าสุดในเดือนกันยายนที่ผ่านมา เหมิงได้รับการปล่อยตัวภายใต้ข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐที่จะยกเลิกข้อกล่าวหา เพื่อแลกกับการที่ เหมิงรับผิดชอบในการบิดเบือนการติดต่อของ Huawei กับอิหร่าน ในขณะเดียวกัน ชาวแคนาดาสองคนได้รับการปล่อยตัวหลังจากเหมิงกลับมายังจีนเช่นกัน

[ เหมิงแถลงว่า Huawei พ้นจากวิกฤตแล้ว ]

หลังจาก เหมิง ได้รับการปล่อยตัวจากทางการแคนาดาใน 6 เดือนที่ผ่านมา Huawei ได้ออกมาเผยว่า ทางบริษัทได้ออกมาจาก ‘โซนมืด (black zone)’ แล้ว หลังจากธุรกิจต้องหยุดชะงักจากการคว่ำบาตร

“การคว่ำบาตรในครั้งนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเราเป็นอย่างมาก แต่ Huawei อาจฟื้นตัวในขณะที่กำลังพัฒนาธุรกิจไลน์ใหม่ สำหรับ Huawei ในปี 2021 เราผ่านโซนสีดำของหายนะนี้ไปแล้ว และภายในไม่กี่เดือนหลังจากที่ฉันกลับมา เราจะพยายามไล่ตามให้ทัน” 

จาการคว่ำบาตรในครั้งนี้ สิ่งที่ Huawei ต้องเผชิญมากที่สุดคือ ‘ความไม่แน่นอน’ ซึ่งอาจจะดูเป็นคำตอบทั่วไป แต่บริษัทต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรอย่างต่อเนื่อง และการสูญเสียการเข้าถึงตลาดอย่างมาก จากการถูกกล่าวหาว่าอุปกรณ์ของ Huawei มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางไซเบอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน

การคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ยังสร้างปัญหาด้านซัพพลายเชนอย่างต่อเนื่อง และความต้องการ 5G ถูกชะลอตัวในจีน เป็นสาเหตุหนึ่งของการสูญเสียรายได้

[ ถ้าเช่นนั้น กำไร Huawei มาจากไหน ]

ถึงแม้จะมีความกดดันจากปัจจัยภายนอก จึงทำให้รายได้ของบริษัทลดลง แต่ผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามความคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก และยังสามารถทำกำไรได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย

Huawei รายงานว่า ในปี 2021 รายได้ของบริษัทอยู่ที่ 6.37 แสนล้านหยวน (9.99 หมื่นล้านดอลลาร์) ลดลงจากปี 2020 ที่ 28.6% โดยระบุว่ากำไรเพิ่มขึ้นเป็น 1.13 แสนล้านหยวน (1.78 หมื่นล้านดอลลาร์)

ยอดขายที่ลดลงมาจากสินค้าแผนกผู้บริโภค (สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และอุปกรณ์สวมใส่) มากที่สุด ซึ่งสินค้าหมวดนี้ ลดลงไปถึง 50% ภายในหนึ่งปี ซึ่งน่าจะเป็นผลโดยตรงจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และการสูญเสียการเข้าถึงตลาดอื่นๆ

แต่ Huawei ยังมีหน่วยธุรกิจที่ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรด้วย โดยทางบริษัทกล่าวว่า ปีที่ผ่านมา หน่วยที่ดูแลลูกค้าภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐ มีรายได้ 1.02 แสนล้านหยวน (1.61 หมื่นล้านดอลลาร์) ซึ่งทางบริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์สำหรับการขนส่ง การเงิน พลังงาน และการผลิต 

ส่วนหน่วยที่ให้บริการโทรศัพท์และผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมียอดขาย 2.82 แสนล้านหยวน (4.42 หมื่นล้านดอลลาร์)

ธุรกิจการให้บริการด้านเครือข่ายของ Huawei สร้างรายได้ทั้งหมด 2.815 แสนล้านหยวน ส่งผลให้ผู้ให้บริการเครือข่ายทั่วโลกใช้งานเครือข่าย 5G มากขึ้น  

Huawei ยังบอกด้วยว่าได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการและพันธมิตร โดยลงนามในสัญญาเชิงพาณิชย์มากกว่า 3,000 ฉบับสำหรับการใช้ 5G ในภาคอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่ โรงงานผลิตเหล็กและเหล็กกล้า ธุรกิจท่าเรือและโรงพยาบาล

การลงทุนในด้านนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนา เพิ่มขึ้นเป็น 1.43 แสนล้านหยวน เทียบเท่ากับ 22.4% ของรายได้ทั้งหมดของ Huawei ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 15.9% ในปี 2020 หรือเท่ากับ 1.45 แสนล้านหยวน (2.3 หมื่นล้านดอลลาร์) นับว่าสูงสุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

นอกเหนือจากการสร้างความสำเร็จทางธุรกิจ Huawei ยังมีกิจกรรมคืนสู่สังคมและมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชนที่ทำธุรกิจด้วย 

ในช่วงของการแพร่ระบาดโควิด-19 Huawei ส่งมอบเทคโนโลยี 5G สำหรับการแพทย์ระยะไกล (telemedicine) อุปกรณ์ของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และโซลูชันระบบคลาวด์ให้กับโรงพยาบาลและชุมชนต่างๆ ด้วย

[ อนาคตของ Huawei จะเป็นอย่างไร? ]

Huawei มีแผนที่จะชดเชยความขาดแคลนทางการเงิน ด้วยการขยายระบบนิเวศซอฟต์แวร์อื่นๆ ตลอดจนเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา 

กัว ปิง ประธานกรรมการบริหารแบบหมุนเวียนตามวาระของ Huawei กล่าวว่า “ณ ตอนนี้ Huawei กำลังทำงานเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) พลังงานแสงอาทิตย์ หรือแม้กระทั่ง “ยานพาหนะอัจฉริยะ” และเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ 

เรากำลังเพิ่มความพยายามในด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐานและเทคโนโลยีล้ำสมัยเป็นสองเท่า “เราจะไม่แก้ปัญหาของเราด้วยการออม”

เป็นไปได้ว่าการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ บีบให้ Huawei ต้องเปลี่ยนแนวทางธุรกิจ และต้องพร้อมรับกับ ‘ความไม่แน่นอน’ ตลอดเวลา

สำหรับใครที่อยากย้อนอ่านเหตุการณ์ฉบับละเอียด กดอ่านได้ที่นี่ สรุปที่มาที่ไป ทำไม Huawei ถูกแบน https://workpointtoday.com/why-huawei-is-banned/ 

ที่มา : AP, The Register, Blognone, Abel Deng Speech Huawei Thailand 2021 Annual Report

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า