นายกฯ นั่งหัวโต๊ะประชุมติดตามการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล วอน ‘สายการบินพาณิชย์’ ส่งเครื่องบินมาช่วยเพิ่ม เร่งเจรจาขอเปิดน่านฟ้า หวังได้รับความเห็นใจ หลังไทยไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ความสูญเสียสูง ขณะที่ผู้ประสงค์ขอกลับไทยเพิ่มต่อเนื่อง ล่าสุดขยับเป็นประมาณ 6,000 คน

ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงหลังร่วมประชุม ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (RRC) ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ที่กระทรวงการต่างประเทศ ในช่วงเย็นวันนี้ (12 ต.ค. 66) หลังเดินทางกลับจากภารกิจเยือนประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่วันที่ 8-12 ต.ค. 66
โดยนายเศรษฐา กล่าวว่า เมื่อลงเครื่องที่บก.น. 6 ตนก็ตรงมาประชุมที่นี่ทันที เพราะมีกังวลมาก เรื่องความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสได้ขยับความรุนแรงขึ้นไปอีก และมีคนไทยที่อยู่ในเขตอันตรายแสดงความจำนงจะกลับประเทศประมาณ 6,000 คน ซึ่งวันนี้เป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ล็อตแรกเข้ามาแล้วแต่ก็ยังมีอีกเยอะมากที่เราต้องลำเลียงกลับมาก
นายเศรษฐา ระบุว่า มีความเข้าใจถึงความเป็นห่วงเป็นใยของญาติพี่น้อง และก็ความกังวลของผู้ที่อยู่ตรงนั้นเองมีหลายเรื่องมีหลายปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการบิน ปัจจุบันได้ไม่ถึง 1 ไฟลท์ ทางกองทัพอากาศ จะนำเครื่องบิน C 130 กับ Airbus A340 เริ่มบินเข้าไปวันแรกคือวันที่ 14 ต.ค. จะนำคนไทยกลับเข้ามาประมาณ 140 คน และจะมีการขนเสบียงไปให้ด้วย แต่ตนก็สั่งการไปว่าลำเดียว และจะมีอีกครั้งคือวันที่ 20 กว่า มันเป็นอะไรที่น้อยมากแล้วก็ช้ามาก ในที่ประชุมก็เห็นร่วมกันว่า ให้มีการสั่งการเตรียมตั้งแต่วันนี้ ให้เครื่องบินพร้อมตั้งแต่วันนี้ โดยสายการบินพาณิชย์ในประเทศที่ให้คำตอบส่งเครื่องบินมาช่วยอพยพ คือ นกแอร์ 2 ลำ แอร์เอเชีย 2 ลำ ส่วนการบินไทย พรุ่งนี้ (13 ต.ค. 66) จะให้คำตอบว่า จะมีมาได้หรือไม่
ส่วนกรณีการบินไทย นายกฯ ระบุว่า น่าเห็นใจ เพราะไม่มีเครื่องบิน บินไปกรุงเทลอาวีฟ เป็นเรื่องของงานเอกสาร เครื่องบินมีประกันหรือไม่ การบินไทยอาจจะช่วยไปรับคนไทยที่ส่งต่อมาได้ เชื่อว่า การบินไทยมีความตระหนักดี เรื่องความเดือดร้อนของพี่น้องทุกคน ได้สั่งการทางอ้อมไปแล้ว เพราะสั่งทางตรงไม่ได้ ให้คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นพิเศษ

ภาพจาก กระทรวงการต่างประเทศ
นายกฯ อธิบายเพิ่มว่า เรื่องบางเรื่องที่คิดว่าจะบินออกไปได้เลยก็ไม่ใช่ เพราะต้องเป็นเที่ยวบินพิเศษ ผ่านน่านฟ้า ถึง 4 ประเทศ ในอดีตต้องใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะบินผ่านน่านฟ้าได้ แต่กระทรวงการต่างประเทศ เร่งให้เป็น 2 วัน หมายความว่าถ้าตกลงใช้เครื่องบินออกไป ต้องใช้เวลาเจรจา อย่างเร็วที่สุด 48 ชั่วโมง จึงขอให้เครื่องบินทั้ง 4 ลำ และจะอีกกี่ลำก็ตาม เตรียมพร้อมทันทีและขอให้เป็นความสำคัญสูงสุด
ทูตไทยประจำอิสราเอล ได้แจ้งมาว่า ความพร้อมที่คนไทยจะเดินทางออกมาจากจุดเสี่ยง ทำได้วันละประมาณ 200 คน ถ้าส่งเครื่องบินไปได้วันละลำก็สามารถลำเลียงได้ แต่ถ้าวันละลำเกือบเดือนจึงจะพาผู้ประสงค์กลับไทยออกมาได้หมด ดังนั้นต้องคิดวิธีในการที่จะทำให้รวดเร็วขึ้น ปัญหาเรื่องเอกสารบางคนอาจหายไป ก็ได้สั่งการท่านทูตว่าเรื่องเอกสารเป็นเรื่องรอง เรื่องความปลอดภัยเป็นเรื่องที่สำคัญสูงสุด
นอกจากนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ก็ได้เสนอในที่ประชุมเรื่องการนำคนไทยออกมาพักในประเทศที่ 3 ก่อน แล้วจึงส่งเครื่องบินไปรับต่อมาไทย ทีมงานก็กำลังพิจารณากันอยู่ แต่ก็อีกมุมที่จะสร้างความยากว่า ถ้าพาไปพักที่ประเทศที่ 3 เขาจะให้พักหรือไม่ ทั้งนี้มีเจ้าหน้าที่จากสถานทูตใกล้เคียงพยายามจะเข้าไปช่วยเรื่องงานเอกสาร แต่ยืนยันว่าเรื่องเอกสารไม่ใช่เรื่องจำเป็น ส่วนลำเลียงการคนทางเรือก็เจอปัญหาใหญ่เพราะต้องผ่านฉนวนกาซา
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ก็วิงวอน ถ้าเกิดสายการบินเอกชนไหนที่พอจะช่วยได้มีเครื่องบินเหลืออยู่ ก็หวังว่าจะมาร่วมด้วยช่วยกันตรงนี้ กระทรวงการต่างประเทศก็พร้อมจะช่วยประสานการบินผ่านน่านฟ้าหลายประเทศ เพราะถือเป็นภาวะสงคราม ยืนยันว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
เรามีการเจรจาตลอดเวลา ทุกช่องทาง ต้องมีความหวัง ต้องพยายาม ต้องกดดัน เพราะว่าเราเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง ต้องยอมรับว่า ถ้าเกิดดูจากตารางที่มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่มีความขัดแย้ง แต่เรามีการสูญเสียสูงสุด 20 กว่าคนแล้ว เชื่อว่าหลายประเทศก็ให้ความเห็นใจ เพราะฉะนั้นเรื่องของการที่เราจะได้รับการอำนวยความสะดวกในการผ่านน่านฟ้า ก็วิงวอน ขออ้อนวอน ซึ่งเราพยายามทำให้เสร็จโดยเร็ว
ส่วนจากการรับศพคนไทย นายเศรษฐา ชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ ท่านทูตบอกว่าเร่งอยู่ และกดดันทางอิสราเอลพอสมควร แต่เรื่องการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลก็สำคัญ เพราะว่า ถ้าเสียชีวิตเนื่องจากในภาวะสงคราม ทางรัฐบาลอิสราเอลจะมีเงินชดเชยให้ส่วนหนึ่ง แต่ถ้าเรานำศพกลับมาก่อน ที่ยังไม่ออกหลักฐานมา อาจไปเคลมเงินได้ช้า
สรุปคนไทยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล ตามรายงานทางการวันนี้ (12 ต.ค. 66)
– เสียชีวิต 21 ราย
– บาดเจ็บ 14 คน
– ถูกจับเป็นตัวประกัน 16 คน
– ประสงค์ขอกลับไทยประมาณ 6,000 คน
15 คนไทยกลุ่มแรกจากอิสราเอลกลับถึงไทยแล้ว-เปิดใจเล่านาทีชีวิตหนีตายถูกยิง