ชวนคุยกับ “หลิน เขมิกา” ถึง “การตลาดไร้รอยต่อ” ที่ทำให้ Lykke Yogurt เดินหน้าได้ต่อเนื่อง

“จากการฝากขายตามสถานที่ต่างๆ ขยับขยายสู่การขายออนไลน์ และมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง”

คือรูปแบบการเติบโตของธุรกิจกรีกโยเกิร์ต Lykke Yogurt ซึ่ง หลิน – เขมิกา จิวะพรทิพย์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแบรนด์ บอกกับเราว่า กว่าจะมีวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปนัก ถ้าเลือกใช้เครื่องมือได้เหมาะสม

Lykke Yogurt เกิดจากการมองเห็นโอกาส

หลิน เขมิกา เกริ่นว่า Lykke Yogurt ต่อยอดมาจากสตูดิโอออกกำลังกาย Physique 57 Bangkok ของเธอเอง เพราะเห็น Insight บางอย่างของลูกค้า และมองว่านั่นคือโอกาสที่น่าสนใจ

“ตอนที่ทำ Physique 57 Bangkok เราได้รับความเห็นจากลูกค้าว่าอยากให้มีอาหารที่ดี มีประโยชน์ กินแล้วไม่หนักท้อง โปรตีนสูง สามารถกินก่อนและหลังออกกำลังกายได้ ซึ่งพอดีที่เราและเพื่อนที่เป็นผู้บริหารด้วยกัน อยากสร้างแบรนด์โยเกิร์ตของตัวเองอยู่แล้ว เลยมองว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะทำกรีกโยเกิร์ตขาย”

“Lykke Yogurt ชูจุดเด่นการเป็นกรีกโยเกิร์ตที่ทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ คุณภาพดี 2 อย่าง คือ นมวัว และจุลินทรีย์ ไม่มีการเติมสารกันบูด สารกันเสีย นมผง หรือน้ำตาล และผลิตด้วยขั้นตอนแบบดั้งเดิม ตั้งแต่ต้มนม หมัก เก็บเนื้อ แยกเนื้อ ตีเนื้อให้เนียนนุ่ม ทำให้โยเกิร์ตอร่อย คุณภาพดี และมีความเหนียวนุ่ม”

จากขายออฟไลน์สู่การเพิ่มช่องทางออนไลน์

อย่างที่บอกไปว่า Lykke Yogurt เป็นธุรกิจที่ต่อยอดจาก Physique 57 Bangkok ช่วงแรกเราเลยไปวางขายตามฟิตเนส สตูดิโอออกกำลังกาย และร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพก่อน แล้วถึงจะเริ่มเปิดหน้าร้านของตัวเองที่ The Common ศาลาแดง แต่ตอนนั้นเปิดได้ไม่นานก็ต้องปิดชั่วคราว เพราะมีโควิด-19 นั่นทำให้เราต้องปรับตัว หันมาขายทางออนไลน์แทน และเมื่อหน้าร้านกลับมาเปิดได้ เราก็ยังคงขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ควบคู่กันไป

‘การตลาดไร้รอยต่อ’ กลยุทธ์ที่ทำให้ Lykke Yogurt เติบโต

การทำธุรกิจที่มีทั้งหน้าร้าน และระบบออนไลน์รองรับแบบนี้ ในทางการตลาดเรียกว่า O2O Marketing หรือการตลาดที่ผสมผสานระหว่างโลกออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การทำการตลาดลักษณะนี้เดินหน้าต่อไปได้ คือ การเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ จากทั้ง 2 ฝั่ง เข้าด้วยกัน (Online to Offline)

แน่นอนว่า หลิน เขมิกา ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โดยเธอเลือกใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ครอบคลุมลูปของธุรกิจ ตั้งแต่การพูดคุย สื่อสารกับลูกค้า ปิดการขาย และมีบริการจัดส่งในแพลตฟอร์มเดียวกัน อย่าง LINE เพื่อทำให้ทั้งหน้าร้าน และการขายออนไลน์ ทำงานประสานกันอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าลูกค้าจะไปทดลองซื้อสินค้าที่หน้าร้าน แล้วกลับมาซื้อซ้ำผ่านทางออนไลน์ หรือจะซื้อผ่านออนไลน์ เพื่อไปรับหน้าร้าน หรือให้จัดส่งถึงบ้าน ก็ทำได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ เธอยังเสริมว่า อีก 2 เหตุผลที่ต้องเป็น LINE ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ใช้แพลตฟอร์มนี้ และมีบริการ LINE for Business ที่รวบรวมเครื่องมือต่างๆ ในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้คนทำธุรกิจ โดยสำหรับ Lykke Yogurt ได้เลือกใช้เครื่องมือที่ดังนี้

• LINE Official Account (LINE OA)

“ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มต้นธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการขาย หรือช่องทางสื่อสารกับลูกค้า เราเลือกที่จะใช้ LINE OA เป็นหลัก อย่างในตอนที่มีโควิดจนต้องปิดหน้าร้านของเราเอง และไม่สามารถไปขายตามสตูดิโอต่างๆ ได้ เราก็ใช้ช่องทางนี้ในการสื่อสารว่าเราจะขายของยังไง ผ่านทางไหนบ้าง หรือตอนที่ยังไม่มี LINE SHOPPING เราก็ใช้ช่องทางนี้ในการรับออเดอร์ และส่งออเดอร์ไปที่ครัว ผ่าน Organic Method ของเราเอง”

• Premium ID

“อีกหนึ่งอย่างที่เราทำ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้าอยากทัก หรือตามหาเรา คือ Premium ID เพื่อทำให้ ID ของ LINE OA เป็นชื่อแบรนด์ @Lykke เวลาซื้อโฆษณาไป หรือมีคนพยายามเสิร์ชหาเรา ก็จะสามารถเสิร์ชเจอได้ง่ายๆ”

• LINE SHOPPING

“พอมี LINE SHOPPING เกิดขึ้นมา เราก็เปลี่ยนมาให้ลูกค้าสั่งออเดอร์ทางนี้แทน บวกกับทาง LINE เองก็มีโปรโมชั่นเกี่ยวกับการจัดส่ง ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น เป็นระบบมากขึ้น คือ สื่อสารกับลูกค้าผ่านทาง LINE OA และส่งต่อให้ลูกค้าสั่งออเดอร์ผ่าน LINE SHOPPING ซึ่งข้อดีของการสั่งสินค้าผ่านช่องทางนี้ คือ ความสะดวกสบาย เพราะลูกค้าจะใส่ข้อมูลที่อยู่ในการจัดส่ง และวิธีการจ่ายเงินแค่ครั้งเดียว”

• LINE Ads

“ลูกค้าที่เราพูดคุยอยู่แล้ว อยู่บนพื้นฐานของ LINE OA เพราะฉะนั้นการทำโฆษณาผ่าน LINE Ads ก็เป็นเรื่องที่ Make Sense และอีกอย่างที่สำคัญมาก คือเวลาที่คนเห็นโฆษณาที่เรายิงออกไป เขาก็จะเห็นบนแพลตฟอร์มของ LINE ถ้าเขาสนใจ และกดเข้ามา ก็จะยังอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน ไม่ต้องย้ายไปแพลตฟอร์มอื่น เป็นอีกเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มความไร้รอยต่อให้กับธุรกิจ”

“แต่ก่อนจะไปถึงจุดที่ลูกค้าเห็นโฆษณาแล้ว Add Friend เข้ามา เราควรที่จะเรียนรู้ให้ได้ก่อนว่า กลุ่มลูกค้าของเราเป็นใคร แล้วค่อยส่งโฆษณานั้นไปถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เพื่อให้เขาเห็น และกลับมาหาเรา ซึ่งข้อดีของเครื่องมือนี้ คือ ไม่ว่าจะกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังไง ก็มั่นใจได้ว่าจะมีคนจำนวนมากเป็นกลุ่มลูกค้าของเรา”

เทรนคนเสริมการตลาดไร้รอยต่อ

อย่างไรก็ตาม การตลาดไร้รอยต่อจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าขาดเรื่องการเทรนด์คน ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง Lykke Yogurt แบ่งปันเรื่องนี้ว่า ได้ลงทุนลงแรงกับการเทรนคน 2 กลุ่ม คือ เทรนด์คนภายในให้เข้าใจว่า LINE for Business มีเครื่องมืออะไรบ้าง เครื่องมือใดที่จะถูกหยิบมาใช้ในธุรกิจ และต้องใช้เครื่องมือต่างๆ นั้นได้ รวมถึง เทรนด์ลูกค้า ให้เข้าใจถึงข้อดีของ LINE SHOPPING ว่ามีความสะดวกสบาย และปลอดภัยสำหรับการสั่งซื้อสินค้า จนเขาสามารถซื้อของผ่าน LINE SHOPPING ได้ด้วยตัวเอง

“ต้องยอมรับว่าตอนนี้ ยอดขายมากกว่า 50% มาจากอีคอมเมิร์ซ ดังนั้นในฐานะผู้ประกอบการ ก็ควรจะต้องเรียนรู้ว่าการค้าขายในอนาคต ไม่ได้พึ่งพาหน้าร้านอย่างเดียวแล้ว แต่ต้องพึ่งพาช่องทางออนไลน์ด้วย ซึ่งการใช้ช่องทางออนไลน์ จะต้องมีการเปิดใจเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง และรู้จักนำเครื่องมือมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ”