เป็นเวลา 5 เดือนแล้ว ที่ ‘ชัชชาติ’ ใช้เวลาวันหยุด ลงพื้นที่สัญจรไปรับฟังปัญหา คุยสารทุกข์สุกดิบกับลูกจ้าง กทม.
นายขัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สัญจรเขตบางรัก ตามนโยบายผู้ว่าฯ สัญจร 50 เขต ซึ่่งเขตบางรักเป็นเขตที่ 14 ของการสัญจร โดยในวันนี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รับประทานอาหารกลางวันร่วมกับลูกจ้างประจำของสำนักงานเขต จำนวน 5 คน ประกอบด้วย
1. นางสาวราตรี ขำงิ้ว ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป (กวาด) บ2 ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ อายุ 57 ปี
2. นางสาวประเดิม วิชา ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป (กวาด) บ1 ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ อายุ 39 ปี
3. นายรณชัย บุญธรรมโชติ ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป (เก็บขนมูลฝอย) ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ อายุ 33 ปี
4. นายสุทธิพันธ์ ยอมาดาร์ พนักงานขับเครื่องจักรกลขนาดเบา (เก็บขนมูลฝอย) อายุ 47 ปี ฝ่ายรักษาความสะอาดฯ
5. นายสุชาติ บุญโสพิศ ตำแหน่ง พนักงานทั่วไป (ระบายน้ำ) อายุ 45 ปี ฝ่ายโยธา
ซึ่งทั้ง 5 คนได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนของลูกจ้างให้ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับ ผู้ว่าฯ กทม.
ระหว่างมื้ออาหารผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้พูดคุยกับพนักงานอย่างเป็นกันเอง มีการสอบถามทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัว เรื่องการทำงานและเรื่องทั่วไป อาทิ ที่พักอาศัย ชีวิตครอบครัวปัญหาจากการทำงาน นอกจากนี้ได้พูดคุยถึงความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่และพื้นที่ที่ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งให้กำลังใจในการทำงานกับทุกคน โดยเมนูอาหารวันนี้ ได้แก่ ข้าวหมกไก่ เกาเหลาเนื้อ และโรตีมะตะบะ จากชุมชนซอยวัดม่วงแคมัสยิดฮารุณที่สะท้อนวัฒนธรรมชาวชุมชน ข้าวหน้าเป็ด จากร้านอาหารเก่าแก่ตำนานโอชาเกิน 100 ปี ผลไม้ มะม่วง และไอศครีม
ทั้งนี้ การรับประทานอาหารร่วมกับลูกจ้างเป็นหนึ่งในนโยบายของผู้ว่าฯ ชัชชาติ เพื่อพบปะพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ รับฟังปัญหาและสอบถามสารทุกข์สุกดิบ อีกทั้งเป็นการให้ความสำคัญกับคนงานของเขตที่เปรียบเสมือนโซ่ข้อสุดท้ายที่เชื่อมต่อกทม.กับประชาชน อยู่ใกล้ชิดพื้นที่และปัญหามากที่สุด โดยเริ่มครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ค. 65 จากกิจกรรมผู้ว่าฯ กทม. สัญจร ณ สำนักงานเขตจตุจักร
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เขตบางรักเป็นเขตที่ไม่ใหญ่มาก มีพื้นที่ 5.536 ตร.กม. มีประชากรประมาณ 40,000 คน แต่เป็นเขตเศรษฐกิจ สำหรับปัญหาหลักๆ ที่เร่งด่วน คือ เรื่องรายได้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ จากการที่เปลี่ยนการเก็บภาษีโรงเรือนและที่ดิน ที่เก็บตามรายได้ตามอัตราประมาณ 12.5 % ของรายได้ ก่อนที่จะมีสถานการณ์โควิด เราเก็บภาษีได้ประมาณ 950 ล้านบาท พอเปลี่ยนไปเป็นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งปีนี้เก็บครบ 100 %แล้ว ลดจาก 950 ล้านบาท เหลือ 730 ล้านบาท เพราะมีการเปลี่ยนรูปแบบการเก็บ จากรายได้มาเป็นราคาประเมินของที่ดินกับสิ่งปลูกสร้าง ทำให้รายได้ของเขตลดลง ถามว่าทำไมต้องดูที่เขตบางรัก เพราะมีการประเมินค่อนข้างละเอียดและเก็บครบเพราะพื้นที่ไม่ใหญ่ ต้องเร่งประสิทธิภาพในการเก็บ อาจจะต้องหาตัวอื่นเข้ามาประกอบ เช่น ภาษีป้าย หรือมิติอื่น เพราะเป็นสิ่งสำคัญ เปลี่ยนรูปแบบการเก็บเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคงต้องเร่งรัดและดูเรื่องรายได้เพิ่มเติม
เรื่องที่ 2 คือ เรื่องหาบเร่แผงลอย เขตบางรักเป็นเขตที่มีคนทำงานจำนวนมาก กลางวันจะมีพนักงานที่ต้องหาอาหารกลางวันทาน จะเห็นว่าตามถนนหนทางบางจุดจะมีปัญหาเรื่องหาบเร่แผงลอย ได้มีการผลักดันโดยทางเท้าถนนสีลมจะมีการปรับปรุงใหม่ ซึ่งได้ให้นโยบาย ผอ.เขตว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจัง เพราะว่าทางเท้าที่ทำใหม่จะเริ่มมีหาบเร่แผงลอยกลับเข้ามา นโยบายคือห้ามเพิ่มจำนวนหาบเร่ ห้ามกีดขวาง ต้องมีทางให้คนเดินได้ โดย กทม. เริ่มหาพื้นที่ทดแทนให้ เช่น อยู่เส้นทางหลักบนถนนสีลม หรืออาจจะดูซอยที่มีที่ให้ผู้ค้าขยับเข้าไปได้ เช่น ศาลาแดงซอย 2 หรือพื้นที่เอกชนบางจุด ที่สามารถนำหาบเร่แผงลอยเข้าไปอยู่พื้นที่ที่ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ รวมถึงอีกมิติหนึ่งคือการทำศูนย์อาหาร (hawker center) ที่สวนลุมพินี ประตู 5 ซึ่งเป็นร้านหาบเร่ที่มารวมกัน ถ้าเป็นไปได้ก็นำผู้ค้าบางส่วนย้ายเข้าไปในจุดนั้น ทางออกสุดท้ายคือคุยกับผู้ประกอบการในถนนสีลมให้แจ้งมาหากขาดแคลนแรงงาน เช่น ขาดแม่บ้าน รปภ. เพราะในช่วงโควิดบางคนกลับไปบ้านแล้วไม่ได้กลับมา
“ถ้าเราสามารถเปลี่ยนคนที่ทำหาบเร่แผงลอย โดยความต้องการที่ตรงกันได้ (matching) ให้เขาหลุดจากการเป็นหาบเร่ริมถนน มีงานที่มีความมั่นคงขึ้น การแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอย คงไม่ใช่มิติที่จะไล่อย่างเดียว ต้องมองผลกระทบในแง่เชิงสังคมด้วย แต่เน้นว่าห้ามมีจำนวนที่เพิ่มขึ้น เพราะว่าไม่ใช่สวัสดิการสังคม แต่เป็นเหมือนสิ่งที่ทำต่อเนื่องมา ปัญหาหนึ่งคือ เขาเบียดเบียนพื้นที่สาธารณะอยู่ อย่างที่บอกต้องมีหลายมาตราการ จุดอื่นของสีลมที่มีปัญหาก็จะพยายามไล่ให้ครบ” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ในส่วนของทางเดินเท้าให้เขตกำหนดเส้นทาง เพราะมีนโยบายเรื่องเมืองเดินได้ ซึ่งเขตมีงบประมาณที่เราจัดสรรให้ได้ในการซ่อมถนนทางเท้า ให้จัดลำดับทางเท้าที่ต้องปรับปรุงคุณภาพเร่งด่วน และใช้งบของเขตทำให้ได้ก่อน ถ้าไม่พอให้ขอมาที่ส่วนกลาง ซึ่งเมืองเดินได้เป็นเรื่องสำคัญของเส้นเลือดฝอยลงสู่ชุมชน ในพื้นที่สีลมทำได้ค่อนข้างดีแล้ว ส่วนจุดอื่นที่มีคนเดินเยอะให้เขตเริ่มสำรวจและทำแผนปรับปรุงเลย
ภาพจาก : ประชาสัมพันธ์ กทม.