Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กระแสความนิยม ‘หม่าล่า’ เครื่องเทศรสเผ็ดชาจากจีน ทำให้แบรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านสุกี้ ขนมขบเคี้ยว หรือแม้แต่พิซซ่าในไทย หยิบหม่าล่ามาสร้างสรรค์เป็นเมนูเสิร์ฟให้กับกลุ่มลูกค้ากันอย่างต่อเนื่อง

ด้วยรสชาติที่มีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นเอกลักษณ์ ประกอบกับคนไทยชอบทานรสเผ็ดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และที่สำคัญแบรนด์ต่างๆ ในไทยฟังเสียงผู้บริโภคในโลกสังคมออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียอย่างใกล้ชิด

ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ว่าทำไมหม่าล่าหม้อไฟและหม่าล่าสายพานถึงเป็นเมนูยอดนิยมของเหล่าหม่าล่าเลิฟเวอร์

จากการเก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ DXT360 เพื่อฟังเสียงในสังคมออนไลน์ (Social Listening) ที่มีการพูดถึง ‘หม่าล่า’ ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม – 11 กันยายน 2566 พบว่า โซเชียลมีเดียมีการพูดถึงหม่าล่ามากถึง 3,697 ข้อความ และ มี Engagement ทั้งหมดจำนวน 315,561 ครั้ง โดยแบ่งเป็น

-X (ทวิตเตอร์) มีการพูดถึง 2,691 ข้อความ มีจำนวน Engagement 4,875 ครั้ง

-Facebook มีการพูดถึง 455 ข้อความ มีจำนวน Engagement 175,225 ครั้ง

-Instagram มีการพูดถึง 281 ข้อความ มีจำนวน Engagement 95,804ครั้ง

-YouTube มีการพูดถึง 270 ข้อความ มีจำนวน Engagement 39,657 ครั้ง

[ ทำไมเมนูหม่าล่าถึงเป็นที่นิยม? ]

ในช่วงปีนี้กระแส ‘หม่าล่าชาบู’ หรือ ‘หม่าล่าสายพาน’ ในประเทศไทยมาแรงมาก ซึ่งหม่าล่าฟีเวอร์นั้นเคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงปี 2018 แต่ในปีนั้นเมนูที่ได้รับความนิยมจะเป็นหม่าล่าปิ้งย่างเสียบไม้ ที่เรามองไปทางไหนก็จะเห็นแต่ร้านที่ขายเมนูนี้

ซึ่งในช่วงนั้นจุดเริ่มต้นกระแสหม่าล่าก็ได้เกิดขึ้น โดยร้านที่ปลุกกระแสหม่าล่าฟีเวอร์นั่นก็คือ ‘Hai Di Lao’ ร้านหม่าล่าหม้อไฟชื่อดังจากประเทศจีนที่เข้ามาเปิดสาขาที่ประเทศไทย ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้าน

การเข้ามาของร้าน Hai Di Lao ทำให้ตลาดร้านอาหารในประเทศไทยมีเมนูที่นำหม่าล่าเข้ามาเป็นส่วนประกอบและก็ยังมีร้านหม่าล่าหม้อไฟใหม่ ๆ เข้ามาลงเล่นในตลาดอีกด้วย

โดยในช่วงปีที่ผ่านมาจนถึงปีนี้ เมื่อทุกคนมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่หม่าล่าสายพาน ซึ่งร้านที่เป็นต้นกำเนิดหม่าล่าสายพานที่ฮิตกันทั่วเมืองนั่นก็คือ ‘สุกี้จินดา’ ร้านหม่าล่าหม้อไฟที่เพิ่มสายพานเข้ามาเป็นกิมมิค และการกินหม้อไฟที่เป็นแบบหม้อเดี่ยวมีราคาที่เข้าถึงได้ง่าย

โดยร้านคิดราคาเป็นไม้ ไม้ละ 5 บาท ไปจนถึง 50 บาท จนหลายคนยอมต่อคิวรอเป็นชั่วโมงเพื่อให้ได้เข้าไปกิน

จากการรวบรวมข้อมูลในหัวข้อหม่าล่าบนแพลตฟอร์ม DXT360 พบว่าบนโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่จะพูดถึง ชาบูหม่าล่า มากที่สุด รองลงมา อยากกินหม่าล่า และ อันดับที่ 3 หม่าล่าหม้อไฟ ซึ่งสามารถบอกได้ว่าประเภทหม่าล่าที่คนบนโซเชียลสนใจเป็น หม่าล่าชาบู หรือหม่าล่าหม้อไฟ

[ ร้านหม่าล่าล้นตลาด? ]

หม่าล่ากลายเป็นเทรนด์ฮิตของคนทำธุรกิจร้านอาหาร จากช่วงระยะเวลาในการเก็บข้อมูลที่ผ่านมา 12 วัน (31 สิงหาคม – 11 กันยายน) บน Facebook YouTube Instagram และ Twitter พบว่า มีการพูดถึงร้านหม่าล่าเปิดใหม่ เฉพาะแค่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครถึง 11 ร้าน ซึ่งตกเฉลี่ยเกือบวันละ 1 ร้านกันเลยทีเดียว

และนอกจากกระแสหม่าล่าสายพานที่มาแรงแล้ว ในปัจจุบันหลายร้านก็เริ่มเปิดให้บริการรับประทานหม่าล่าแบบบุฟเฟต์ โดยมีราคาตั้งแต่ถูกยันแพง โดยเราได้รวบรวมร้านหม่าล่าบุฟเฟต์มาทั้งหมดมากกว่า 24 ร้าน เมื่อวิเคราะห์ราคาบุฟเฟต์จะเริ่มต้นตั้งแต่ 159 บาทถึง 599 บาท โดยจะมีค่าเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 289 บาท

[ ส่องเทรนด์หม่าล่า…ไปต่อหรือพอแค่นี้ ]

คงต้องดูกันต่อไปว่ากระแสการบริโภคหม่าล่าจะยังเป็นที่นิยมถูกปากผู้บริโภคชาวไทยไปอีกนานแค่ไหน ? แต่ตอนนี้..ต้องยอมรับว่า ‘หม่าล่าหม้อไฟ’ และ ‘หม่าล่าสายพาน; ยังคงยืนในกระแสมาเป็นอันดับต้นๆ

ซึ่งจากข้อมูลที่รวบรวมผ่านเครื่องมือ DXT360 พบว่าผู้คนบนโซเชียลยังคงให้ความสนใจกับหม่าล่า และหม่าล่าก็ยังคงเป็นกระแสอยู่ ซึ่งเห็นได้จากการผสมผสานเมนูที่แปลกใหม่จากร้านต่างๆ ไปจนถึงแบรนด์ดังออกแคมเปญและเมนูใหม่ที่ดัดแปลงให้มีส่วนผสมของหม่าล่าเพื่อให้ทันกระแสโซเชียล อาทิ

-The Pizza Company ที่ออกเมนูใหม่อย่างพิซซ่าหน้าเครื่องหม่าล่ามาให้ได้ลิ้มลอง โดยผสมผสานระหว่างอาหารอิตาเลี่ยนและอาหารจีน หน้าพิซซ่าจะมีทั้งเนื้อหมูสไลซ์ น้ำมันฮวาเจียว พริกแห้งอบ ต้นหอม ผักมิกซ์ มอสซาเรลล่าชีส และซอสหม่าล่า

-MK Restaurants โดยดัดแปลงน้ำซุปชาบูสุกี้ให้เป็นน้ำซุปหม่าล่าจีนเสฉวน และก็ยังมีเมนูจานเดี่ยวอย่างบะหมี่ไข่ไต้หวันซุปหม่าล่าเสฉวนมาให้ได้ลิ้มลองกันอีกด้วย

-Lay’s ที่ทำเลย์รสหม่าล่าบาร์บีคิวที่วางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2563 และนำกลับมาวางขายใหม่เอาใจเหล่าหม่าล่าเลิฟเวอร์

-Bar B Q Plaza ร้านปิ้งย่างชื่อดังอย่าง Bar B Q Plaza เข้ามาลงสนามทำเมนูหม่าล่า โดยออกเมนูที่มีชื่อว่า GON.X.BOX ซอสหม่าล่า ซึ่งเป็นข้าวกล่องหน้าหมูสไลซ์ซอสหม่าล่า

-Baanbanfood ร้านขนมหวานรายนี้ ได้นำรสชาติหม่าล่าจากอาหารคาวสู่ของหวานอย่าง ‘ขนมไหว้พระจันทร์’ โดยนำรสชาติที่เผ็ดร้อน หอมกลิ่นเครื่องเทศจากหม่าล่ามาดัดแปลงเป็นไส้หม่าล่าสูตรพิเศษที่เข้ากับขนมไหว้พระจันทร์ซึ่งยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน

จากความฮอตของหม่าล่าที่เป็นรสชาติที่ถูกปากและครองใจใครหลายๆ คน ก็ยังคงมีการพูดถึงหม่าล่ากันอย่างต่อเนื่องในโลกโซเชียล ซึ่งจะเห็นได้ว่ายังคงมีการปรับเปลี่ยนรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของหม่าล่าให้เข้ากับอาหารชนิดใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารชาติตะวันตก หรือแม้กระทั่งขนมหวานที่มีรสชาติตรงกันข้ามกับความเผ็ดชาสุดขั้ว

ดังนั้น ในอนาคตเราจะได้ชิมหม่าล่าในอาหารจานใด หรือ เมนูแปลกใหม่ที่ผสานเข้ากับรสชาติหม่าล่า..เหล่าสาวกหม่าล่าก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า