หัวใจไม่ยอมแพ้แม้เจ็บปวด เมย์ รัชนก อินทนนท์ | START YOUR IMPOSSIBLE

ล้มได้ก็ลุกได้ แพ้ได้ก็กลับมาชนะได้ ขอแค่ใจไม่ยอมแพ้ ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ และสำหรับน้องเมย์ หากครั้งที่สามยังไม่ดีก็ไม่เห็นเป็นไรถ้าจะลองครั้งที่สี่ดูสักตั้ง

ภาพน้ำตาของเมย์-รัชนก อินทนนท์ สร้างความปวดใจให้กับแฟนกีฬาชาวไทยมากที่สุด นั่นเพราะเรารู้ว่าเธอเสียใจมากจริงๆ ที่ความฝันของเธอต้องแหลกสลายอีกครั้ง

รัชนก ไม่ใช่คนที่ร้องไห้กับอะไรง่ายๆ แม้จะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่เธอก็เข้มแข็งมาก แต่ครั้งนี้ เธอเสียน้ำตาอย่างไม่อายใครเพราะมันเป็นเรื่องที่เจ็บปวดมากจริงๆ

เมย์ รัชนก เป็นนักแบดมินตันหญิงของไทย ที่มีโอกาสใกล้เคียงเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยในลอนดอน 2012 เธอผ่านเข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย อีกนัดเดียวก็ได้ลุ้นชิงเหรียญ แต่ก็แพ้ไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นในริโอ 2016 เธออยู่ในฟอร์มที่ดีในแบดมินตันอาชีพ แต่ก็ไปฟอร์มหลุดเช่นกันในรอบ 16 คนสุดท้าย พลาดเหรียญไปอีกครั้ง

เมย์เก็บบทเรียนทุกอย่าง เอามาสอนใจตัวเอง เพื่อให้การแข่งขันครั้งที่ 3 ของเธอ ไม่พลาดง่ายๆแบบเดิมอีก รัชนก อินทนนท์ หวังจริงๆว่า เธอจะได้ไปถึงเหรียญโอลิมปิกได้เป็นครั้งแรก ในโตเกียวครั้งนี้ล่ะ

แม้จะเป็นช่วงโควิด-19 แต่รัชนก มีรูทีนฝึกหนักที่มหาโหดมาก เธอซ้อมอยู่ที่บ้านทองหยอดอย่างหนักมากทุกวัน จุดอ่อนเดิมเรื่องร่างกาย ที่ไม่ค่อยฟิต และมักจะเป๋ในเกมที่ 3 เธอก็เสริมสร้างกำลังให้ตัวเองมีความฟิตมากขึ้นที่จะยืนระยะได้ยาวๆ

เมย์กล่าวว่า “เราเน้นในเรื่องการที่ต้องคงสภาพในเรื่องของฟิตเนส เผื่อวันใดวันนึงมันมีโอกาสที่จะเปิดได้ ร่างกายเราก็จะไม่แย่มาก” กล่าวคือในช่วงโควิด ไม่มีการแข่งขันอะไรเลย พักยาวกันเป็นปี นักกีฬาหลายคนก็เริ่มปล่อยเนื้อปล่อยตัว รอให้ทัวร์นาเมนต์ใกล้ๆจะเริ่ม ค่อยโหมฟิตอีกครั้ง แต่แนวคิดของเมย์ไม่ใช่แบบนั้น ต่อให้ไม่มีการแข่งที่จะได้เงิน แต่เธอรักษาความฟิตเอาไว้ตลอด ยอมซ้อมหนักแม้จะไม่รู้ว่าโอลิมปิกจะได้จัดหรือเปล่าด้วยซ้ำ

การฝึกแบดมินตันช่วงโควิดจะมี 2 วิธี คืออยู่ในแคมป์ที่ค่ายแบดไปเลย หรืออีกแบบคืออยู่บ้านแล้วไปเทรนนิ่งออนไลน์ ซึ่งเมย์เลือกใช้วิธีอยู่ที่แคมป์ โดยยอมไม่เจอหน้าคุณพ่อคุณแม่ เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์ที่สุด

และในที่สุด โอลิมปิกที่โตเกียวก็ประกาศยืนยันว่าจะไม่ยกเลิก แต่จะเลื่อนจัดแข่งเป็นในปี 2021 ซึ่งทำให้เมย์ดีใจมาก เพราะเธอจะได้โอกาสแก้ตัวเป็นหนที่ 3 โดยคราวนี้เมย์ถูกจัดให้เป็นมือ 5 ของรายการ

เมย์ ผ่านรอบแรกมาอย่างไม่มีปัญหา หลังจากเอาชนะ ลอร่า ซาโรซี่ จากฮังการี และ โซเนีย เซียะ  จนทะลุมาสู่รอบ 16 คนสุดท้าย ก่อนจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเอาชนะเกรกอเรีย ตันจุง จากอินโดนีเซียไปได้อีก 2 เกมรวด

คราวนี้เธอต้องเจอกับบททดสอบที่หนักหนาที่สุด นั่นคือ ไท่ จื้อ-อิง มือ 1 ของโลกชาวไต้หวัน ที่ถือว่าเป็นคนที่ครบเครื่องที่สุด อย่างไรก็ตาม คราวนี้เมย์ เตรียมตัวมาดีมาก เธอไม่กลัว แม้ว่าคู่แข่งจะเป็นไท่ จื้อ-อิงก็ตาม คราวนี้เมย์พร้อมจริงๆ และหวังเข้ารอบรองชนะเลิศให้ได้เป็นครั้งแรกในโอลิมปิก

การแข่งขันเป็นไปอย่างดุเดือด เมย์ชนะเกมแรกไปก่อน 21-14 แต่เกมที่ 2 มาโดนไท่ จื้อ-อิง ชวนหยอดหน้าเน็ตจนเมย์เสียจังหวะ แพ้ไปในเกมที่สองด้วยสกอร์ 21-18

ทำให้คราวนี้ ทั้งคู่ต้องไปวัดกันในเกมสุดท้าย และมีหนึ่งช็อตที่แฟนกีฬาน่าจะจดจำไปอีกหลายปี เมื่อทั้งสองคนตีโต้กันอย่างดุเดือด จนสุดท้ายแผ่หลาไปกองที่พื้นทั้งสองคน แสดงให้เห็นถึงความพยายามเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ทั้งคู่อยากชนะในเกมนี้

ความจริงเมย์ก็ถือว่าสู้ได้ดีมาก เธอขึ้นนำไปก่อน 17-15 และมีลุ้นที่จะปิดเกมได้ แต่ในช่วงท้ายจริงๆ ที่ไต่ จื้อ-อิง เข้าฟอร์มพอดี ความมั่นใจมาแรงทางโค้ง ทำให้เธอพลิกแซงเอาชนะเมย์ไปได้ 21-18

สำหรับความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ว่ากันตามตรงมันก็เป็นเรื่องเสียดายมาก เพราะเมย์ทำได้ดีมากๆแล้ว แต่มันขาดรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ แค่นั้นจริงๆ

เมื่อเมย์แพ้ เธอถึงกับร้องไห้ไปซบโค้ชเป้ทันที มันทำให้เธอที่เข้มแข็งมาตลอดต้องขาดสะบั้นลง เพราะเธอตั้งใจเล่นที่สุดแล้ว ฟิตซ้อมดีที่สุดแล้ว วางแผนดีทุกอย่างหมดแล้ว แต่ในวันนี้คู่แข่งของเธอก็ดันเล่นได้สมบูรณ์แบบมากเช่นเดียวกัน บทสรุปจึงเป็นความพ่ายแพ้ของเมย์ ชนิดที่คนไทยทั้งประเทศก็เสียใจไปด้วย

เราไม่เคยเห็นน้องเมย์อ่อนไหวขนาดนี้มาก่อน เมื่อก่อนดราม่าอะไร เธอก็ยิ้มรับไปกับมัน แต่คราวนี้มันเสียใจจนหัวใจก็ยากจะรับไหว

หลังจากเสียน้ำตาไม่กี่นาที เมย์ปาดน้ำตาแล้วให้สัมภาษณ์ว่า “คิดว่าโอลิมปิกครั้งนี้ ก็ภูมิใจกว่าหลายๆครั้ง เหมือนเราเล่นเต็มที่ แล้วก็สนุกไปด้วย แม้เราจะอึดอัดในใจจริงๆ”

“ขอขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจเมย์ คอยลุ้นฝันไปด้วยกัน อยากให้แบดไทยมีเหรียญ ซึ่งเมย์ก็เชื่อว่าเมย์เองก็มีโอกาส และเมย์ก็ทำดีที่สุดแล้ว แต่เราก็ต้องให้เครดิตเขา ว่าสภาพจิตใจเขาดีกว่า”

การพ่ายแพ้ของน้องเมย์ แน่นอนทำให้ทุกคนเสียใจ แต่ไม่มีใครต่อว่า หรือซ้ำเติมเธอเลย เพราะคนทั้งประเทศเห็นๆกันอยู่ ว่าเมย์พยายามทุ่มเทแค่ไหน เธอล้มลุกคลุกคลาน กัดฟันไม่มีท้อ เล่นเต็มที่เกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งความตั้งใจมหาศาลขนาดนั้นนั่นแหละ ที่ชนะใจทุกคน ชนะใจแฟนกีฬา บางครั้งสิ่งสำคัญที่สุดก็ไม่ใช่ชัยชนะ แต่เป็นสปิริตที่แสดงออกมาในการแข่งขันต่างหาก

พอพักใจได้ 1 วัน น้องเมย์มีกำลังใจที่ดีขึ้น และประกาศในทวิตเตอร์ว่า เธอจะขอลองสู้ต่อในโอลิมปิกครั้งที่ 4 ที่ปารีส ในปี 2024 โดย ณ เวลานั้น เธอจะมีอายุ 29 ปี ซึ่งเมย์บอกว่า ครั้งนั้นก็คงเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายของเธอแล้ว

จากนี้ไปอีก 3 ปี จนถึงปารีส 2024 น้องเมย์จะพยายามต่อไป เช่นเดียวกับแฟนแบดมินตันไทย ก็อย่าเพิ่งหมดหวังในตัวเธอ ความฝันทุกอย่างยังคงเป็นจริงได้ ถ้าหากยังศรัทธา และไม่ยอมล้มเลิกอะไรง่ายๆ

“โอลิมปิกคือความฝันสูงสุดของเมย์ค่ะ มันเป็นรายการที่วัดทุกอย่าง ทั้งร่างกาย และจิตใจ เมย์รู้ตัวเองดีว่าตลอดมา ปัญหาของเราคือจิตใจ แต่มันก็เป็นเป้าหมายให้เราต้องข้ามผ่านตัวเองให้ได้ เพื่อไปสู่จุดที่เราคิดว่ามันยิ่งใหญ่ค่ะ”