เจาะเทรนด์ “AI Marketing” ผู้ช่วยยุคใหม่ ดันวงการธุรกิจคลินิกเสริมความงาม ในงาน Thailand Aesthetics Business Forum 2025

ปฏิเสธไม่ได้ว่าในยุคปัจจุบัน AI (Artificial Intelligence) หรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น รวมถึงในด้านของการทำงานด้วย ในหลากหลายวงการ รวมถึงวงการธุรกิจความงาม ก็ได้เริ่มมีการนำ AI เข้ามาช่วยในการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการทำงานในหลายๆ ด้าน ช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้น โดยในงาน Thailand Aesthetics Business Forum 2025 ซึ่งจัดโดย Merz Aesthetics Thailand หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมความงาม ผู้นำเข้าแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ได้เจาะเทรนด์ AI Marketing ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในวงการธุรกิจความงามมากขึ้นในปี 2025 ทั้งนำมาใช้ในการทำการตลาด ทำคอนเทนต์ วิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค รวมถึงในด้านการบริการต่างๆ ช่วยต่อยอดให้ธุรกิจความงามเติบโตขึ้นและแข่งขันในตลาดได้มากยิ่งขึ้น

โดย ภญ.กิตติวรรณ รัตนจันทร์ หัวเรือใหญ่ของ Merz Aesthetics Thailand กล่าวว่า “AI ทำให้ทำงานได้ดีขึ้น เร็วขึ้น แต่สุดท้ายแล้วความสำคัญที่สุด ธุรกิจความงามเป็นธุรกิจบริการ ถ้าทุกธุรกิจบริการใช้แต่ AI เปิ้ลว่าไม่สำเร็จ การใช้เครื่องมือจะช่วยให้ชีวิตเราง่ายขึ้น แต่จะต้องไม่ลืมในเรื่องของ Human touch ให้จับเทรนด์ AI ใช้ให้ทำงานร่วมกันอย่างสมดุลกับ Human touch และ Consumer Insights เพื่อนำมาปรับใช้กับธุรกิจของทุกคนนะคะ”

[ อัปเดต 8 หัวข้อสำคัญของ Digital Marketing Trend 2025 ]

สิทธินันท์ พลวิสุทธิ์ศักดิ์ เจ้าของเพจ Content Shifu ได้เปิดเวทีอัปเดตเทรนด์ทั้งในเรื่องของการใช้ AI อย่างไรถึงจะทำคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทิศทางของ AI Marketing มีบทบาทขนาดไหนในยุคนี้ รวมถึงเรื่อง Digital Marketing Trend 2025 โดยได้แยกเป็น 8 หัวข้อสำคัญมาแชร์ให้ฟัง ดังนี้

1.Consumer Trends (ผู้บริโภค)

ปัจจุบันในแต่ละ Generation มีการใช้แพลตฟอร์มในการใช้คนคว้าหาข้อมูลที่แตกต่างกัน โดย Generation X และ Generation Y ยังนิยมใช้ Search Engine ส่วน Generation Z นิยมค้นหาผ่าน Social Media เป็นหลัก และพบว่ามีบางกลุ่มใช้การ Gen AI เพื่อค้นหาข้อมูล และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต

อีกทั้งแพลตฟอร์มที่ใช้เสพสื่อก็แตกต่างกันในแต่ละ Generation การทำการตลาด ถ้ารู้ว่าลูกค้าคือใคร จะเข้าถึงได้อย่างไร วิเคราะห์ตามพฤติกรรมผู้บริโคภ ก็จะทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าให้ตรงกลุ่มมากยิ่งขึ้น

2.Digital Strategy (กลยุทธ์ทางด้าน Digital)

เทรนด์ Digital Marketing อยู่ในช่วงขาขึ้น ธุรกิจส่วนใหญ่ต่างลงทุนในการทำ Digital Marketing มากขึ้น โดยมีการสำรวจนักการตลาดดิจิทัล 700 คนในเรื่องงบประมาณการทำ Digital Marketing ในปี 2025 นี้ นักการตลาดดิจิทัลมากกว่า 60% บอกว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มงบประมาณการทำ Digital Marketing มากขึ้น มีเพียง 10.1% เท่านั้นที่บอกว่าจะลดงบประมาณ

3.MarTech (เทคโนโลยีทางการตลาด)

MarTech คือการทำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำการตลาดมากขึ้น ซึ่งในแต่ละธุรกิจนิยมใช้ Google Analytics, Business Dashboard ในการวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค

ซึ่งผู้ใช้งานส่วนใหญ่มองว่า ในปี 2025 หมวดหมู่ Martech ที่จะความสำคัญมากขึ้น 3 อันดับแรก

• หมวดหมู่ข้อมูล เช่น Analytics, Social Listening, Marketing/Business Dashboard
• หมวดหมู่พาณิชย์และการขาย เช่น eCommerce & Shopping Cart Platform, Multichannel Management
• หมวดหมู่โซเชียลและความสัมพันธ์ เช่น Social Media, CRM, Event/Webinar

เพราะเป็นหมวดหมู่ที่ส่งผลต่อประสบการณ์ของผู้บริโภคโดยตรง โดยเฉพาะหมวดหมู่ข้อมูลที่ผู้ใหญ่งานส่วนใหญ่มองว่าจะมีความสำคัญมากที่สุด 92% เพราะข้อมูลเป็นเสมือนเข็มทิศในการช่วยพัฒนาองค์กรไปได้อย่างตรงจุด

โดยเครื่องมือ MarTech ที่คนนิยมใช้ในปี 2024 มากที่สุดในแต่ละหมวดหมู่ ได้แก่

• หมวด Advertising & Promotion (การโฆษณาและการโปรโมต) ได้แก่ Meta Ads Manager (Facebook & Instagram)
• หมวด Content & Experience (คอนเทนต์และประสบการณ์) ได้แก่ ChatGPT
• หมวด Social & Relationships (โซเชียลและความสัมพันธ์) ได้แก่ Zoom
• หมวด Commerce & Sales (การพาณิชย์และการขาย) ได้แก่ Shopee Affiliate
• หมวด Data (ข้อมูล) ได้แก่ Google Analytics
• หมวด Collaboration & Management (การทำงานร่วมกันและการจัดการ) ได้แก่ LINE

4.AI (ปัญญาประดิษฐ์)

ในโลกยุคปัจจุบัน มี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มีให้เลือกใช้งานกันมากมาย และมีการใช้ AI ในการค้นหาแทน Search Engine รวมถึงเริ่มมีการใช้ Gen AI ในการไลฟ์ขายสินค้า ซึ่งในปี 2026 อาจจะมีการนำมาใช้กับคลินิกมากขึ้น เช่น การนำ AI มาช่วยทำวิดีโอหลากหลายภาษา เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายเชื้อชาติยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ต้องระมัดระวังในวงการธุรกิจความงามคือความน่าเชื่อถือจากการใช้ AI อีกทั้งยังนำมาใช้ช่วยเรื่อง Social Chat ซัปพอร์ตการตอบลูกค้าที่มาสอบถามเรื่องสินค้าและบริการอย่างถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น

ปัจจุบันในแวดวงธุรกิจต่างๆ มีการนำ AI มาใช้ในการสร้างคอนเทนต์ทางการตลาด ทั้งการ Generate Image, Generate Ad Assets และ Generate Advertising

5.Digital Advertising Trends (การโฆษณาและประชาสัมพันธ์)

เทรนด์การโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี ซึ่งจากข้อมูลของสมาคมโฆษณาดิจิทัล (ประเทศไทย) งบการโฆษณาดิจิทัลในประเทศไทยในปี 2024 อยู่ที่ 33,859 ล้านบาท โดยเติบโตขึ้น 16% ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์ในช่วงต้นปีไว้ที่ 8% โดยอันดับหนึ่งที่ใช้งบในการโฆษณามากที่สุดคือผลิตภัณฑ์สกินแคร์ (Skin-care preporations) 

ปัจจุบันงบโฆษณาไม่ได้ถูกใช้เพียงบนแพลตฟอร์มยอดนิยม อย่าง Facebook, Google หรือ Youtube แล้ว ยังมีการกระจายตัวไปสู่แพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Tiktok, LINE, X และ Pinterest

6.Data (ข้อมูล)

ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภคถือเป็นเรื่องสำคัญในการทำการตลาด เทรนด์โลกจึงเกิดการ Tracking ข้อมูลลูกค้าจากส่วนต่างๆ เพื่อยิงโฆษณาให้ผู้บริโภคเห็น ไม่ว่าจะเป็น การใช้แอปพลิเคชันในสมาร์ทโฟน หรือการ Tracking การใช้เว็ปไซต์ เพื่อดูความสนใจ

ซึ่งควรเปลี่ยนจากการยิงโฆษณาเยอะเกินความจำเป็น ไปสู่การเข้าถึงข้อมูลของลูกค้า เพื่อสื่อสารเรื่องที่ผู้บริโภคสนใจเป็นหลักและตรงใจมากขึ้น

7.Content Marketing (การตลาดผ่านคอนเทนต์)

ปัจจุบันมีคนทำคอนเทนต์ออนไลน์เพิ่มมากขึ้น หากคอนเทนต์ที่ไม่แตกต่าง อาจะถูกคลื่นคอนเทนต์กลบได้ ซึ่งในธุรกิจความงาม แต่ละคลินิกมีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน หากชูจุดเด่น จนเป็นภาพจำให้ผู้บริโภค ก็จะเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคมาใช้งานที่คลินิกมากขึ้น 

ข้อมูลจาก Tiktok พบว่าคอนเทนต์ที่โน้มน้าวใจคนไทยได้ดี คือคอนเทนต์ที่มาจากอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer) หรือการทำ Influencer Marketing ให้อินฟลูเอนเซอร์แนะนำสินค้าและบริการ และคอนเทนต์ที่ดูเรียลและสมจริง โดยสามารถนำมาปรับใช้ด้วยการถ่ายคลิปการทำหัตถการหน้าสด รีวิวจริง เน้นความเรียล

8.Social Media Marketing Trends (การตลาดผ่าน Social Media)

นักการตลาดดิจิทัลที่ทำผลลัพธ์ได้ตามเป้าหรือมากกว่าเป้าจากการใช้ Digital Marketing ให้ความสำคัญกับ Social Media อย่าง Facebook, Tiktok และ Youtube มากที่สุดตามลำดับ นอกจากนี้แพลตฟอร์มที่มีการเติบโตในการใช้งานสูงขึ้นอย่างมากคือ Lemon8 (เกิน 500%)

และในสายธุรกิจความงาม ยังสามารถทำการตลาดผ่าน Social Media ที่ให้ผลลัพธ์ได้ดีขึ้น เช่น การนำ LINE Beacon มาใช้ในการเรียกลูกค้าที่อยู่บริเวณใกล้ๆ คลินิก โดยการส่ง SMS โปรโมชันต่างๆ เพื่อเชิญชวนให้มาใช้บริการ รวมถึงเทรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน คือการจ้างพรีเซนเตอร์คู่จิ้น โดยเฉพาะคู่จิ้นหญิง-หญิงที่กำลังมาแรงอย่างมาก อีกทั้ง Affiliate Marketing ก็ยังเป็นการทำการตลาดที่สำคัญอยู่

[ การใช้งาน ChatGPT & Generative AI ในธุรกิจความงาม ]

พงษ์ปิติ ผาสุขยืด ผู้ก่อตั้งเพจ Ad Addict อัปเดทเทรนด์สุดฮิตที่ต้องรู้ กับการใช้งาน ChatGPT & Generative AI ในธุรกิจความงาม โดยกล่าวถึงเทรนด์การใช้ AI ในปี 2025 นี้ว่า “เราจะเริ่มเห็นมากขึ้นว่าคนไม่ได้หยิบเครื่องมือเหล่านี้มาแค่เพื่อสร้างข้อมูล ทำภาพ ทำวิดีโอแล้ว สำคัญคือคนเราจะต้องใส่ไอเดีย ใส่ความเป็นมนุษย์อะไรบางอย่าง Storytelling ต่างๆ เข้าไปร่วมกับการใช้เครื่องมือ ก็จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงชีวิตของผู้บริโภคได้อีกมิตินึง หลังจากนี้จะมีเทรนด์เกิดขึ้นอีกหลายอย่างเหมือนกัน อย่าง Agentic AI ทุกธุรกิจจะไม่ได้แค่เอา AI มาใช้ แต่ว่าต้องสร้าง AI ที่สามารถเป็นผู้ช่วยอย่างจริงๆ จังๆ ได้เลย และหลังจากนี้ เราอาจไม่ได้เห็น AI ในรูปแบบโปรแกรมเสมอไป อย่าง อีลอน มัสก์ เริ่มสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาแล้วด้วย ซึ่งพื้นฐานมาจาก AI เหล่านี้นี่แหละ เขานำมาต่อยอดให้กลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากยิ่งขึ้นด้วย”

ซึ่งนอกจากจะปูพื้นฐานความเข้าใจในการใช้งาน Gen AI เบื้องต้นแล้ว ยังสรุปย่อยเป็นคีย์เวิร์ด “IDEA” ว่า AI จะสามารถช่วยอะไรในการทำงานได้บ้าง ดังนี้

• I = Ideate (การตั้งต้น) 

AI จะช่วยในการคิดตั้งต้นให้เรา สามารถสอบถามให้ AI ช่วยคิดคำตอบ เพื่อนำมาปรับใช้ได้

• D = Develop พัฒนา

การนำเอาสิ่งที่มีให้ AI ช่วยพัฒนาให้ดีกว่าเดิม เช่น การที่เราคิดไอเดียบางอย่างมาแล้ว มีภาพในหัวแล้ว สามารถให้ AI ช่วยสร้างให้ภาพเป็นจริง

• E = Execute สร้างผลงาน

อยากได้ผลงานแบบไหน ให้ AI ช่วยสร้างผลงานให้ได้เลย ซึ่งจะสามารถช่วยงบประมาณในการทำโฆษณาได้

• A = Analyse วิเคราะห์

สามารถใช้ AI ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ช่วยทำให้ประหยัดเวลามากขึ้น 

นอกจากนี้ยังแนะนำ 5 ขั้นตอนเริ่มใช้ Gen AI อย่างมีคุณภาพ สำหรับผู้ที่จะเริ่มใช้ AI ในธุรกิจของตัวเอง ดังนี้

1.โจทย์คืออะไร

กลับมาตั้งต้น ย้อนดูปัญหาที่แท้จริงของสิ่งที่เผชิญอยู่ในตอนนี้ว่าต้องการอะไร เช่น ต้องการไอเดีย เนื้อหา หรือภาพ

2.เลือกเครื่องมือ

AI แต่ละตัวมีความสามารถที่แตกต่างกัน และมีให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย สามารถเลือกใช้ให้ตอบโจทย์กับงานที่ต้องการได้ เช่น ด้านเนื้อหา สามารถเลือกใช้ ChatGPT, Claude, deepseek หรือ Gemini ส่วนด้านภาพ สามารถเลือกใช้  Midjourney, Adobe Firefly, Bing หรือ AI-Deate ส่วนด้านเสียง สามารถเลือกใช้ SUNO, นำเสนอ หรือ Gamma AI ได้

3.สั่งการให้ถูก

การสั่งการหรือการทำ Prompt คล้ายกับการบรีฟงาน หากบรีฟไม่ดี อาจจะได้คำตอบหรือผลงานที่ไม่ดี ซึ่งหลักการตั้งต้นในการทำ Prompt ที่ดี ขอให้ครบ 4 องค์ประกอบ โดยมีตัวอย่างในการเขียน Headline เพื่อโปรโมตคลินิกความงาม ใน ChatGPT ดังนี้

• คำสั่งหลัก : ช่วยเขียน
• สิ่งที่อยากให้ทำ : Headline
• รายละเอียดเพิ่มเติม : สำหรับโปรโมตคลินิกความงามที่เด่นเรื่อง Botox ให้กลุ่มนักงานประจำที่อาศัยอยู่ที่กรุงเทพ
• รูปแบบผลลัพธ์ : List มา 10 Headline ภาษาไทย

4.ลองหลายๆ ตัว

เมื่อเราทำ Prompt ที่ดีแล้ว ให้ลอง AI หลายๆ ตัว เนื่องจาก AI แต่ละตัวก็มีความสามารถที่แตกต่างกัน ไม่มี AI ตัวไหนที่ดีที่สุด มีแต่ AI ที่เหมาะกับเรามากที่สุด

5.อัปเดตข่าวสารเรื่อยๆ

โลกของ AI เปลี่ยนแปลงเร็วมากๆ มีการอัปเดตอยู่เสมอ ต้องคอยอัปเดตข่าวสารเรื่อยๆ 

[ แชร์ Beauty Trends 2025 ยุคที่ Healthy – Wellness ต้องมาคู่กัน ]

พญ.นันทนัช เดี่ยวสมบูรณ์ ผู้บริหาร CLASSY Clinic ร่วมแชร์ Beauty Trends 2025 เทรนด์ความงามทั่วโลกที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีนี้ ว่า “เป็นยุคที่ต้องสวยแบบสุขภาพดี Healthy และ Wellness ต้องมาคู่กัน ที่สำคัญต้องดูเป็นธรรมชาติ ปัจจุบันนวัตกรรมต่างๆ ถูกพัฒนามากขึ้น ทำให้การดูแลตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ต่างจากยุคก่อนที่มีแต่การศัลยกรรม เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น การดูแลตัวเองเลยกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์”

เมื่อถามถึงเรื่องของ Human touch ในมุมมองของเจ้าของธุรกิจ หมอจูนได้กล่าวต่อว่า “ด้วยเราเป็นธุรกิจบริการ  Human touch เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเราในเรื่องการบริหารจัดการ สามารถทำให้เราสร้างความเชื่อมั่นและเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่ง CLASSY Clinic ดูแลคนไข้ด้วยความใส่ใจและจริงใจ ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ทุกคนมีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะในเรื่องของพันธุกรรม รูปลักษณ์ และที่สำคัญที่สุดคือความต้องการ”

และในฐานะการเป็น Partner หมอจูนได้เผยว่า Merz Aesthetics มีร่วมส่วนในการช่วยพัฒนาคลินิกอย่างไรบ้างว่า “ในทุกๆ ปี ทาง Merz Aesthetics จะเข้ามาสอบถามว่าเราอยากพัฒนาองค์กรไปในทิศทางไหน เข้ามาช่วยออกแบบและวางแผน เพื่อให้เราสามารถพัฒนาองค์ของเราได้รอบด้าน อย่างในเรื่องของ Medical อย่างแรก Merz Aesthetics เป็นบริษัทที่นำเข้าผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ทำให้ทั้งแพทย์และคนไข้เองได้ประโยชน์ในการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี รวมถึงมีการจัด Workshop ให้ความรู้ ทำให้แพทย์มีความรู้ ความเข้าใจได้ถูกต้อง และให้บริการกับคนไข้ได้ดียิ่งขึ้น ส่วนในเรื่อง Marketing อย่างที่ทุกคนทราบ Merz Aesthetics เป็นเบอร์หนึ่งในวงการ สามารถเข้าถึงใจผู้บริโภคได้ดีมาก เมื่อ Products ที่ดี มี Marketing ที่ดี มันก็ขายตัวมันเองได้ อย่างสุดท้าย เป็นส่วนหนึ่งในเรื่อง Human touch ที่เราพูดถึงกัน Merz Aesthetics ไม่ได้ดูแลแค่ผลิตภัณฑ์ของตัวเองเท่านั้น แต่ยังใส่ใจการเติบโตขององค์กร Partner อย่างเราด้วย”

“ในฐานะที่เป็นทั้งแพทย์และผู้ประกอบการ ในมุมของแพทย์มองว่าธุรกิจความความไม่ได้แตกต่างจากแพทย์สาขาอื่นๆ ยังคงดูแลคนไข้ตามหลักวิชาชีพและจริยธรรม มีพื้นฐานทั่วไปที่ทุกคนพึงมี เช่น สถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน การใช้เครื่องมือแพทย์หรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ธุรกิจ Beauty & Wellness ก็ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไปอีกนานแสนนาน อยากให้ช่วยทุกคนช่วยกันทำให้วงการนี้เติบโตขึ้นอย่างสง่างาม” หมอจูน กล่าวปิดท้าย

จากข้อมูลในงาน Thailand Aesthetics Business Forum 2025 ที่เหล่า Speaker ได้ร่วมแชร์ให้ฟังนั้น ปัจจุบัน AI ถือเป็นผู้ช่วยยุคใหม่ที่ดีในการช่วยผลักดันธุรกิจความงามให้เติบโตขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในการประกอบธุรกิจ ยังคงเป็นการทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการลูกค้าและผู้บริโภคให้มากขึ้น ดังนั้นการทำงานร่วมกันระหว่าง AI และมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนยิ่งขึ้น