SHARE

คัดลอกแล้ว

พรรคก้าวไกล เปิดเวทีออนไลน์ถกปัญหา SMEs ในยุคโควิด-19  พิธาชี้ซอล์ฟโลน 5 แสนล้าน ผู้ประกอบการที่เดือดร้อนเข้าไม่ถึง  แนะรัฐบาลรับซื้อผลผลิตเกษตรทำธนาคารอาหารช่วยคน ด้านธนาธรระบุรัฐบาลช่วยอุ้มแต่ธุรกิจรายใหญ่ วาดภาพสังคมไทยหลังโควิด-19 ชนชั้นกลางหาย ยิ่งเหลื่อมล้ำสูง

วันนี้ (9 พ.ค.) พรรคก้าวไกลได้จัดไลฟ์ผ่านเฟสบุ๊กในหัวข้อ “พิธา x ธนาธร : ลมหายใจ SMEs ไทยในวิกฤตโควิด-19” โดยมี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันเป็นแกนนำคณะก้าวหน้า ร่วมพูดคุยกันในสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19

นายพิธา กล่าวว่า สถานการณ์ช่วยเหลือประชาชนของรัฐบาลต้องเรียกว่าฝนตกไม่ทั่วฟ้า การคัดกรองผ่านระบบ AI มีปัญหา ถือเป็นบทเรียนที่สังคมไทยต้องจ่ายในราคาแพง โดยเฉพาะพิษเศรษฐกิจที่ตามมาเป็นเหมือนพายุที่พัดพรมออกไป เผยให้เห็นปัญหาต่างๆ  สำหรับตนเกิดมาไม่เคยเจอคนลำบากยากไร้ขนาดนี้ มีความเหลื่อมล้ำ คนเข้าไม่ถึงเทคโนโลยี มีคนที่ต้องออกจากงาน รวมถึงผู้ประกอบการชนชั้นกลางที่ตนไปคุยมาต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าชักหน้าไม่ถึงหลัง และสายป่านยาวอยู่ได้ไม่เกิน 3 เดือนแน่ๆ ขณะเดียวกันก็เข้าไม่ถึงการช่วยเหลือตาม พ.ร.ก. ซอล์ฟโลน วงเงิน 5 แสนล้านบาทของรัฐบาล สำหรับตนมองว่าน่าแปลกตรงที่กับประชาชนนั้นมีการคัดกรองทำให้คนเข้าไม่ถึง แต่กับ SMEs ที่ควรคัดกรองและให้ความช่วยเหลือเฉพาะกับภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน เช่น การท่องเที่ยว ธุรกิจกลางคืน กลับไม่ทำ แต่ให้กับทุกธุรกิจ แล้วสุดท้ายผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือ มีเฉพาะคนที่มีเครดิตกับธนาคารอยู่แล้วที่จะได้รับสินเชื่อนี้

“มาตรการอย่างนี้อุปมาอุปไมยเหมือนฝนไม่ตก แต่ธนาคารเอาร่มมาให้ แต่ในส่วนที่ฝนตก ภาคธุรกิจที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ ธนานาคารกลับดึงร่มออก แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการหลายคนยังกำลังใจดี แต่ก็มีขีดจำกัด พวกเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องการภาวะผู้นำ ต้องการรัฐบาลที่ไม่ปล่อยประชาชนเป็นไปตามยถากรรม แต่ต้องมาช่วยต่อชีพจรให้พวกเขา โดยเฉพาะวงเงิน 4 แสนล้านบาทนี้ 1 แสนล้านควรที่จะต้องใช้ไปกับการอุ้มพนักงาน ช่วยธุรกิจให้ไปต่อได้ ช่วยแบ่งเบาต้นทุนให้ เช่น ภาคการท่องเที่ยว รายได้เข้าประเทศที่ผ่านมา 2.8 ล้านล้าน ถ้าไปดูจะพบว่ากระจุกตัวมาก อยู่แค่ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ ดังนั้น ต้องกระจายออกไป นี่เป็นโอกาสทองของจังหวัดที่ไม่เคยอยู่ในเรดาร์ของการท่องเที่ยวมาก่อน การท่องเที่ยวฐานราก การท่องเที่ยวชุมชนต้องได้รับการสนับสนุน รวมถึงธุรกิจค้าปลีกผู้ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าที่อยู่ในห้าง เมื่อห้างโดนปิดก็ต้องปิดตัวด้วย ต้องเข้าไปดูแล เพราะถ้าปล่อยให้ล้มจะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องไปพูดในสภาว่า พ.ร.ก. ซอฟต์โลน จะช่วยผู้ประกอบการอย่างไร” นายพิธากล่าว

ส่วนเรื่องอาหาร นายพิธากล่าวว่าเรื่องสิทธิอาหารเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ปรากฏในช่วงวิกฤตครั้งนี้ ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยซึ่งเป็นครัวของโลก แต่มีคนฆ่าตัวตายเพราะไม่มีข้าวกิน ขณะที่อีกด้าน ผลไม้ ส้ม มะม่วง หรือผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ เกษตรกรต้องเอาไปทิ้งเพราะไม่มีผู้รับซื้อ ซึ่งคำถามคือ ทำไมรัฐบาลไม่ไปรับซื้อสินค้าเกษตรที่ส่งออกไม่ได้นี้ นำมาทำเป็นธนาคารอาหาร แล้วกระจายให้กับคนที่เขาไม่มีจะกิน ใช้งบประมาณครั้งเดียวแต่ได้ประโยชน์ 2 เด้ง เงินก้อนเดียวกันนี้ ช่วยผู้เดือดร้อนได้ 2 ฝ่าย ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่คิดทำเรื่องนี้

ด้านนายธนาธรกล่าวว่า จากที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการ SMEs ขัดกับความเชื่อคนที่คิดว่าถ้าเกิดปัญหา ผู้ประกอบการจะเอาลูกน้องออกเป็นอย่างแรก ซึ่งจากการไปพูดคุยมาพบว่าไม่จริง พวกเขาพยายามรักษาลูกน้องให้มากสุด เพราะถ้าเกิดเอาพนักงานออก แล้วต้องหาคนใหม่ การสร้างความไว้ใจ ทักษะฝีมือ ทำไม่ได้ง่ายๆ  เมื่อเร็วๆ นี้ตนเพิ่งไปดูสองธุรกิจ หนึ่ง คือตัดเย็บเสื้อผ้า อีกหนึ่งคือธุรกิจหมอนวด ในส่วนบริษัทตัดเย็บเสื้อผ้านั้นมีพนักงาน 40 คน ส่งขายให้กับร้านค้าในห้าง พอห้างปิด ร้านก็ปิดตามขายไม่ได้ ไม่มียอดสั่งซื้อเข้ามา ซึ่งน่าห่วงว่า พนักงานส่วนใหญ่อายุ 40-50 ปี เป็นแรงงานในอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าตลอดชีวิต มีทักษะดี ช่วงนี้ก็กลับต่างจังหวัด ด้วยอายุขนาดนี้ ต่อให้ธุรกิจกลับมา เขาจะมีไฟ มีความทะเยอทะยานอยากกลับมาหางานในกรุงเทพอีกครั้งหรือไม่ ดังนั้น ถ้ารัฐบาลจัดการไม่ดี ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการ SMEs ที่จะล้ม แต่ยังมีลูกจ้างที่จะต้องตกงานอีก ถ้าไม่มีการอัดฉีดสภาพคล่องให้ SMEs ที่เข้าไม่ถึง เครื่องจักรก็จะถูกธนาคารยึดขายทอดตลาด พนักงานกลับต่างจังหวัด จากแรงงานในระบบกลายเป็นแรงงานรับจ้างรายวันในต่างจังหวัด จากเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ กลายเป็นไม่ได้ จะกระทบเป็นลูกโซ่

“อีกธุรกิจหนึ่งคือร้านนวด ที่มีหมอนวดเป็นคนตาบอด ช่วงที่ผ่านมาไม่มีงานทำ ช่วงแรกยอมปิดร้าน แต่พอผ่านไปเดือนกว่าเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้ว หมอนวดก็คิดเรื่องการไปนวดเดลิเวอรี่ เพราะกลัวอดตายมากกว่ากลัวไวรัส ขณะที่ผู้ประกอบการเองบอกว่า น่าจะแบกอยู่ได้ถึงเดือนกรกฎาคม เพราะธุรกิจอยู่ได้ด้วยนักท่องเที่ยว เมื่อรัฐบาลไม่ให้ความชัดเจน เข้าไม่ถึงมาตรการช่วยเหลือก็ยอมทิ้งดีกว่า แบกต่อไม่ไหว นี่คือความเจ็บปวดของผู้ประกอบการ กับรัฐบาลที่ไม่มีความชัดเจน พ.ร.ก.ซอล์ฟโลน 5 แสนล้าน ที่เอาไปใช้โดยไม่เกิดประโยชน์กับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เข้าไม่ถึง ซึ่งเรากำลังพูดถึง SMEs 20-30% ที่จะล้มละลาย ที่ไม่ใช่จากไวรัสโควิด -19 หากแต่เป็นการปิดเมือง และจะมีคนตกงานอีกเป็นล้าน การสู้กับภัยโควิดครั้งนี้ ใครชนะไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ คือประชาชนแพ้ คนที่ไปร้องไห้หน้ากระทรวงการคลังนี่บทแรกเท่านั้น นี่แค่เดือนแรก และเดือนหน้าโรงเรียนจะเปิดเทอม มีเรื่องหนี้นอกระบบที่กู้สองเดือนไม่มีรายได้เข้ามา ความเดือดร้อนประชาชน ผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก หรือประชาชนรากหญ้า มีแต่จะเดือดร้อนมากขึ้น ถ้าดำเนินนโยบายแบบนี้ และที่บอกว่าประเทศไทยเป็นที่หนึ่งของโลกในการบริหารจัดการโควิด ถามว่าจะเป็นที่หนึ่งทำไมถ้าทุกวันมีคนร้องไห้ มีคนเจ็บปวด และมีคนอดตายอย่างนี้” นายธนาธรกล่าว

https://www.facebook.com/MoveForwardPartyThailand/videos/549866202630783/

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า