คดีโจรปล้นร้านทอง: อย่าปกป้องเดนมนุษย์ฆ่าเด็ก

ภาพสะเทือนใจที่สุด ของข่าวปล้นทองที่ลพบุรี คือการเสียชีวิตของน้องไทตัล เด็กน้อยวัย 2 ขวบ ที่โดนกระสุนปืนจากโจร ยิงเข้าไปกลางหน้าผากจนเสียชีวิต

พ่อแม่ ร้องไห้จนปานจะขาดใจ

มันน่าเศร้าตรงที่ แม่ลูกใช้ชีวิตปกติเลิกงานก็พาลูกไปเดินห้าง มันไม่ควรจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น ทุกอย่างดูปกติหมด จนมีโจรควงปืนเข้ามาไล่ยิงคนเพื่อปล้นทอง คือจะปล้นก็ปล้นไป แต่ทำไมต้องฆ่าคน และทำไมต้องฆ่าเด็ก

หลังเกิดเหตุ คุณแม่ของน้องไทตัล เขียนสเตตัสในเฟซบุ๊กว่า “ไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเอง มันเร็วจริงๆ … ป๊ากับแม่แทบขาดใจ ป๊ากับแม่รักหนู ป๊ากับแม่ขอโทษที่ปกป้องและช่วยหนูไม่ได้ ชาติหน้ามีจริงขอให้หนูเกิดมาเป็นลูกของป๊ากับแม่ทุกชาติไปนะครับ #หลับให้สบายนะครับ เทวดาตัวน้อยๆของป๊าและแม่”

สำหรับคนที่เป็นพ่อแม่คน จะเข้าใจความรู้สึกนี้ดี คือเราจะยอมได้ทุกอย่าง ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บ ยอมหิว ขอเพียงแค่ได้เห็นรอยยิ้มของลูก ขอเพียงแค่ให้ลูกได้หัวเราะ อะไรเราก็สามารถยอมแลกได้ทั้งนั้น

แม้แต่ชีวิตของตัวเราเอง ถ้าสามารถเอาไปแลกกับชีวิตของลูกได้ คนเป็นพ่อเป็นแม่จะไม่ลังเลใจเลย

ภาษาอังกฤษจะมีสำนวนว่า no parents should bury their child หรือไม่มีพ่อแม่คนไหนที่สมควรจะต้องฝังศพลูก

นั่นเพราะลูกคือความฝัน คือความหวัง เราอยากเห็นเขาค่อยๆเติบโตขึ้นไปมีความสุขกับชีวิตข้างหน้า ได้ไปเจอเพื่อน ได้ไปโรงเรียน โตขึ้นอีกหน่อยมีแฟน จากนั้นก็แต่งงาน เราอยากเห็นเขามีความสุขกับอนาคตข้างหน้าที่กำลังรออยู่

แต่สุดท้ายทั้งหมดก็ไม่เกิดขึ้น เมื่อกระสุนนัดนี้ ทำลายทุกอย่างไปหมดแล้ว

และมันไม่ใช่แค่ปลิดชีวิตของน้องไทตัลเท่านั้น แต่มันเป็นการทำลายจิตวิญญาณของคุณพ่อคุณแม่ลงด้วย

จากวันนี้ไปครอบครัวของสามีภรรยาคู่นี้ จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป และพวกเขาต้องใช้พลังใจอย่างมหาศาลในการกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง ซึ่งคนทั้งประเทศ เสียใจร่วมไปกับพวกเขา และภาวนาให้สามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง มีชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขเพื่อน้องไทตัล

————————————

สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยต่างจากประเทศอื่นๆทั่วโลก คือคนไทยส่วนใหญ่ มีพื้นฐานของความโอบอ้อมอารี เราเกลียดความรุนแรง

ลองนึกภาพที่บราซิล เวลาจะไปถอนเงินที่ธนาคารต้องระวังซ้าย ระวังขวา ป้องกันว่าจะมีโจรเอาปืนมาจี้ปล้น แต่ที่ไทยของเราไม่ใช่แบบนั้น คนไทยเราสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

แต่โจรปล้นทองรายนี้ ทำลายสิ่งที่เราเชื่อมาตลอดอย่างสิ้นเชิง ว่าคนไทยเกลียดความรุนแรง เมื่อควงปืนเข้าห้างไล่กราดยิงคนตายไป 3 ศพ บาดเจ็บไปอีก 4 นี่มันเกินกว่าคำว่าอุกอาจแล้ว นี่มันบ้าไปแล้ว

ไม่มีข้ออ้างใดๆ ให้เดนมนุษย์คนนี้ การพกปืนมาปล้นทอง ส่อให้เห็นถึงเจตนาที่จะก่อคดี ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพกปืนมาตั้งใจยิงทุกคนที่ขวางหน้า คนที่มาเดินห้างปกติไม่รู้เรื่องอะไรก็โดนหมด นี่มันตั้งใจมาฆ่าคนชัดๆ

ดังนั้นความเห็นในโลกออนไลน์บางคน ที่บอกว่า “ก็เพราะเศรษฐกิจมันเป็นแบบนี้ คนก็เลยต้องออกมาควงปืนปล้นทอง” จึงเป็นความเห็นที่ไร้สาระที่สุดในโลก คือจะหาเหตุผลเพื่อปกป้องฆาตกรทำไมหรอ?

ใช่ เราไม่เถียงว่าเศรษฐกิจมันก็ไม่ได้ดีอะไรมากมาย แต่มันใช่เหตุผลที่จะฆ่าคนงั้นหรือ คนทั่วประเทศเขาก็เจอเศรษฐกิจแบบเดียวกัน แล้วทำไมเขายังอยู่กันได้ เขายังพยายามดิ้นรนสู้ชีวิตในแบบของตัวเองโดยไม่เอาปืนไปไล่ฆ่าใคร

นั่นเพราะเขารู้ผิดชอบชั่วดีน่ะสิ ซึ่งเป็นสิ่งที่เดนมนุษย์ตัวนี้ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว ลองคิดดูว่า ถ้าคนอ้างว่าเศรษฐกิจแย่เลยอนุญาตให้ปล้นได้ บ้านนี้เมืองนี้จะเป็นอย่างไร คนจะอ้างเรื่องเศรษฐกิจเป็นสิทธิ์ชอบธรรมในการปล้นจี้ชาวบ้านใช่หรือไม่

ดังนั้นอย่ามาอ้างเรื่องเศรษฐกิจเลย คนชั่วก็คือคนชั่ว เรื่องการเมือง เรื่องเศรษฐกิจก็ประเด็นหนึ่ง แต่อย่าเอามาโยงกับคดีนี้ อย่าเอาฆาตกรพรรค์นี้ไปโยงกับเรื่องอื่น มันคนละประเด็นกัน

————————————

จากนี้ไปจะเป็นบทพิสูจน์ของ ตร.ภูธร ภาค 1 และ ตำรวจของลพบุรี ว่าจะสามารถไล่ตามเบาะแสจับกุมคนร้ายได้หรือไม่

นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น นี่มันเกี่ยวกับการเดิมพันเรื่องความปลอดภัยของประชาชน

ลพบุรีเป็นเมืองน่ารัก สถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เป็นจังหวัดที่ประชาชนชอบเดินทางไปพักผ่อน ผู้คนจิตใจดีโอบอ้อมอารี

มีพระปรางค์สามยอด มีพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ที่ทุ่งทานตะวันที่บานสะพรั่งยิ่งกว่าที่ไหนในประเทศ มีศาลพระกาฬที่มีลิงมากมายหลายร้อยตัว มีเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ฯลฯ แต่ทั้งหมดทั้งสิ้น จะไม่มีคนกล้าไปเที่ยวอีกเลย ถ้าหากตำรวจไม่สามารถจับกุมคนร้ายในคดีนี้ได้

เดินๆอยู่ ถ่ายรูปกับครอบครัวอยู่แต่อาจโดนยิงตายได้ทุกเมื่อ ในเมื่อความปลอดภัยไม่มีแล้วใครจะอยากไปเที่ยว และภาพลักษณ์ของจังหวัดก็จะเสียหายยับเยินแน่นอน

นี่เป็นคดีที่คนจับตามองทั้งประเทศ ตำรวจทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องทำอย่างไรก็ได้ เพื่อลากคนร้ายเอามาชดใช้ความผิดให้ได้

และอีกหนึ่งประเด็นคือ หลังจากตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว อยู่ที่ศาลของประเทศไทยว่าจะลงโทษอย่างไรต่อ

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ 1 เดือน เคยมีคดีของนายสมคิด พุ่มพวง ฆาตกรต่อเนื่อง 5 ศพ ที่ไล่ฆ่าคนมา 5 จังหวัด โดนตำรวจจับกุม แต่ก็ยังสามารถรอดพ้นโทษประหารไปได้ ก่อนจะออกจากคุก และมาฆ่าเหยื่อรายที่ 6 อีก

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 ระบุว่า การฆ่าคนตายโดยเจตนาแม้เพียงศพเดียว โทษคือประหารชีวิต แต่กรณีของนายสมคิดมีการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการสืบสวน ทำให้ศาลปรานี ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิตเท่านั้น

สุดท้ายนายสมคิดก็ไม่ได้จำคุกตลอดชีวิตจริง เขารับโทษแค่ 14 ปี ก่อนออกมาฆ่าคนอีกรอบ

ในกรณีนี้ การฆ่าคนตาย 3 ศพ ควงปืนไล่ยิงกลางห้างแบบนี้ มันส่อให้เห็นเจตนาที่ชัดเจนมาก และตามประมวลกฎหมายอาญา เขาต้องโดนประหารชีวิตสถานเดียว

แต่เราก็ไม่รู้อีกว่าถ้าสุดท้าย คนร้ายให้การที่เป็นประโยชน์เขาอาจจะรอดไปอีกก็ได้ และอาจโดนปล่อยตัวในระยะเวลา 10 กว่าปี คล้ายๆกับคดีของนายสมคิด พุ่มพวง

ดังนั้นเราก็ต้องจับตาดูกันต่อไป ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะสามารถจับกุมได้หรือไม่ และถ้าจับกุมได้แล้วการพิจารณาคดี จะลงเอยด้วยบทสรุปอย่างไร

สุดท้าย นี่คือการสูญเสียที่เหนือจินตนาการจริงๆ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยเลย ในประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่มีพื้นฐานความเมตตาต่อกัน นี่มันการกระทำของสวะสังคมชัดๆ

คนเสียชีวิตสามราย คือน้องไทตัลวัย 2 ขวบ ,พนักงานร้านทองวัย 30 ปี และ หัวหน้ารปภ.ของห้าง อายุ 32 ปี

น้องไทตัลเป็นที่รักของพ่อแม่ ส่วนพนักงานร้านทอง และหัวหน้ารปภ.ก็ย่อมเป็นที่รักของใครบางคน ความฝันความหวังทุกอย่างพังทลายเพียงเพราะกระสุนปืนกระบอกนั้น

เห็นความชั่วช้าของโจรคนนี้ขนาดนี้ ก็บอกได้เลยว่า

คนแบบนี้ไม่สมควรได้รับการปกป้องจากใครทั้งนั้น

————————————

บทความ โดย วิศรุต สินพงศพร