Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 31 และนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ต่อจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากการลงมติโดยสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 26 เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2567 เคยให้สัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษถึงตัวตนของเธอ และวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศในฐานะผู้สมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2566 เอาไว้ในรายการ AIM HOUR

ตัวตนของอุ๊งอิ๊ง

คุณอุ๊งอิ๊งเล่าว่า เธอเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเอง เมื่อคนรอบตัวถามถึงความคิดเห็นจากเธอ เธอจะตอบอย่างตรงไปตรงมาจนบางครั้งอาจจะรู้สึกว่าตรงเกินไปด้วยซ้ำ แต่เธอเองก็เรียนรู้ที่จะปรับตัวให้ดีและเหมาะสมยิ่งขึ้นในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้เธออาจจะเคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกคนสุดท้อง เป็นน้องเล็กของบ้าน แต่เมื่อออกมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง เธอพบว่าเธอต้องทำตัวให้เข้มแข็ง ไม่ใช่น้องเล็กของบ้านอีกต่อไป นั่นทำให้เธอเป็นเธอได้อย่างทุกวันนี้

บทบาทการเป็นภรรยาและแม่

คุณปอ-ปิฎก สุขสวัสดิ์ คือสามีของคุณอุ๊งอิ๊ง เธอเล่าว่าก่อนหน้าที่จะได้พบและรู้จักกับคุณปอ เธอเคยมองหาผู้ชายตามสเปคมากมายอยู่บ้าง แต่เมื่อเธอได้รู้จักกับคุณปอ เธอพบว่าทุกอย่างระหว่างเธอกับเขามันช่างพอดีกันไปเสียหมด ไม่มากไม่น้อยเกินไป เธอยอมรับว่าเธอเองก็เป็นผู้หญิงที่มีความมากเรื่องอยู่บ้าง แต่คุณปอเป็นคนที่มีจิตใจดี และทำให้ชีวิตของเธอง่ายขึ้นมาก ไม่เคยโมโหเธอจริงจังเลยสักครั้ง แค่มีงอนกันบ้างนิดหน่อย ง้อแปบเดียวก็หาย เขาเป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้าง เป็นกำลังใจ และเข้าใจเธอในยามที่เธอต้องเผชิญกับปัญหายากๆ อยู่เสมอ

ในบทบาทของการเป็นแม่ ลูกสาว “น้องธิธาร” และลูกชาย “น้องธาษิณ” เธอรู้สึกว่าการเป็นแม่เหมือนเป็นของขวัญสำหรับเธอ เปรียบเสมือนความสุข ในยามที่เธอได้เห็นลูก ทุกอย่างก็จะดีขึ้น แม้ว่างานจะทำให้คุณแม่อย่างเธอยุ่งและมีเวลาให้ลูกน้อยลง แต่เธอสัญญากับตัวเองเสมอว่าเธอจะพยายามจัดสรรเวลาให้ดี ใช้เวลาที่มีแม้จะน้อยนิดเพื่อลูกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการวิดีโอคอลเพียง 5 นาทีเมื่ออยู่ห่างกัน หรือเมื่อไรก็ตามที่ได้อยู่กับลูก เธอก็จะไม่จับมือถือ และใช้เวลาร่วมกับลูกอย่างเต็มที่ที่สุด

คุยกับครอบครัวก่อนลงเล่นการเมือง

นอกจากความสนใจในเรื่องการเมืองที่เธอได้รับอิทธิพลมาจากคุณพ่อและคนในครอบครัวของเธอแล้ว คุณอุ๊งอิ๊งยังเล่าว่า การจะลงมาเล่นการเมืองอย่างจริงจัง เธอพูดคุยปรึกษาคนในครอบครัวอย่างดี พวกเขาเข้าใจ และเคารพในการตัดสินใจของเธอ เมื่อพี่ชายของเธอมีความสนใจด้านสื่อ และพี่สาวบริหารธุรกิจของครอบครัว เธอจึงลงเล่นการเมืองได้ และทำให้ทุกอย่างในครอบครัวลงตัวได้พอดี

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากพ่อ

คุณอุ๊งอิ๊งยอมรับว่าเธอเกิดมาในครอบครัวที่โชคดีกว่าคนอื่นๆ แม้กระทั่งโชคดีกว่าคุณพ่อของเธอเอง ที่เขาเคยเล่าว่าก่อนหน้านี้เขาก็ค่อนข้างยากจนมาก่อน ไม่ได้รับโอกาสดีๆ เหมือนที่ตัวเธอได้เหมือนในตอนนี้ ตอนที่เธอเห็นคุณพ่อจัดตั้งพรรคและออกนโยบายต่างๆ เพื่อพัฒนาประเทศ เธอก็ได้เรียนรู้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่คุณพ่อของเธอสนใจ และมีแพสชั่นที่จะทำอย่างแท้จริง และเมื่อไรก็ตามที่เธอเห็นคนที่ได้รับโอกาสน้อยกว่าที่เธอได้รับ เธอก็จะรู้สึกสงสาร และหวังว่าจะได้มอบโอกาสที่พวกเขาต้องการ รวมถึงมอบการเปลี่ยนแปลง แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีและหวังว่าจะได้ทำต่อไปเรื่อยๆ ให้ดียิ่งขึ้น

ทำงานกับคนที่พรากพ่อไปจากครอบครัว

หนึ่งในคำถามที่คุณอุ๊งอิ๊งต้องตอบในบทสัมภาษณ์ คือ ทำใจยังไงเมื่อต้องทำงานกับคนที่พรากพ่อไปจากครอบครัว คุณอุ๊งอิ๊งตอบว่า เธอสามารถทำงานกับทุกคนได้ เพราะเธอเห็นประเทศเป็นสำคัญ เธอไม่มีวันที่จะมานั่งร้องห่มร้องไห้ให้กับเรื่องนี้ แม้ว่าในใจลึกๆ เธอก็รู้สึกเสียใจไม่ต่างไปจากลูกสาวที่รักคุณพ่อของตัวเองคนหนึ่ง

นอกจากตัวเธอแล้ว เมื่อไรก็ตามที่เธอได้ออกไปพบปะผู้คนนอกกรุงเทพฯ หรือนอกประเทศ เธอได้เห็นว่ายังมีผู้คนอีกมากที่ได้รับความเดือดร้อน ทุกข์ทรมาน ถูกพรากความฝันในการใช้ชีวิตไปจากพวกเขา เพราะพวกเขาประสบปัญหาด้านการเงิน ความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ พวกเขาทำได้แค่ใช้ชีวิตไปวันๆ

ดังนั้นเธอจะไม่เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่เอาความรู้สึกหรือเรื่องครอบครัวส่วนตัวมาก้าวก่ายหรือเกี่ยวข้องกับเรื่องงานเด็ดขาด เพราะส่วนรวมและประเทศชาติต้องมาก่อนเสมอ

เชื่อมั่นในทีมว่าจะบริหารประเทศได้

ในช่วงเวลาที่คุณอุ๊งอิ๊งยังเป็นเพียงผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2566 คุณอุ๊งอิ๊งให้สัมภาษณ์ว่าเธอเชื่อมั่นในทีมพรรคเพื่อไทยของตัวเอง เชื่อว่านโยบายที่เธอและทีมร่างขึ้นมามันสามารถทำได้จริง การที่พรรคเพื่อไทยเคยเป็นรัฐบาลมาก่อน หากดูข้อมูลทางด้านตัวเลข เช่น GDP ก็จะเห็นได้ชัดว่าช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ประเทศไทยเคยดีกว่านี้มาก เธอหวังว่าจะไม่มีรัฐประหารอีก

นโยบายต่างๆ ที่พรรคเคยนำเสนอ เพื่อแก้ปัญหาพื้นฐานต่างๆ จะถูกนำมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยให้ดีขึ้น ให้ประเทศไทยทั้งหมดทุกพื้นที่เป็นประเทศที่น่าอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ หรือเรื่องต่างๆ

ตัวอย่างนโยบายที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอในการเลือกตั้งครั้งก่อน ได้แก่ การพยายามทำให้ค่าครองชีพลดลง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่เป็นปัญหาต้นๆ ของประเทศไทย

เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น

คุณอุ๊งอิ๊งแสดงความคิดเห็นในเรื่องการเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นว่า คนไทยทุกคน รวมถึงคนรุ่นใหม่ มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี ไม่ควรกดทับหรือมีข้อบังคับที่จะทำให้พวกเขาไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่เราก็ควรแสดงความคิดเห็นด้วยท่าทีที่สุภาพ เป็นผู้ใหญ่ ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างที่ป้องกันความขัดแย้ง และคนที่แสดงความคิดเห็นก็ต้องเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นด้วยในเวลาเดียวกัน

“เรามีกฎบางกฎที่ทำให้ทุกคนพูดอยู่ในหัวข้อที่ไม่ได้กระจายเลอะเทอะ ต้องการพูดเรื่องอะไรก็ต้องตั้งหัวข้อขึ้นมาใช้ชัดเจน แล้วถกกันอย่างมีระบบ ไม่เช่นนั้นเมื่อทุกคนมาจากทุกที่ หากไม่มีระบบอะไรเลย มันจะหาทางออกได้ยาก จะนำมาไปสู่คำตอบได้ยาก”

เมื่อพูดถึงมาตรา 112 คุณอุ๊งอิ๊งแสดงความคิดเห็นว่า หากถามถึงความรู้สึกของเธอ เธอรู้สึกว่าบทลงโทษรุนแรงมาก เธอรู้สึกเสียใจมากที่เห็นเหล่านักโทษทางความคิดได้รับโทษจับคุกอย่างหนัก

“กฎหมายต้องแก้ในสภา ถ้าเรามาดูกันว่า 112 ในปัจจุบัน ตั้งแต่ 8 ปีที่ผ่านมา เคส (จำนวนที่ถูกฟ้อง) ของ 112 (เพิ่ม) ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ (เพิ่ม) ขึ้นหลักร้อย ซึ่งสมัยก่อนมันไม่เป็น มันเพิ่งมาเป็นตอนนี้ และถ้าเราไม่ถกกันในสภา มันก็จะไม่จบ”

“แล้วเราควรกำหนดว่าใครควรมีสิทธิที่จะฟ้องได้บ้าง ไม่อย่างนั้น 112 จะกลายเป็นเกมของการเมือง กลายเป็นเกมของคนที่ต้องการสาดสีกัน ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น พูดเลยว่าคนที่จะออกมาฟ้องได้ ต้องเป็นสำนักพระราชวังไหมที่มีสิทธิฟ้อง ถ้าทุกคนฟ้องได้ มันเหมือนกับใช้กฎข้อนี้ที่มันฟ้องง่ายเหลือเกิน เอามาแกล้งกัน ซึ่งมันก็ไม่แฟร์กับคนที่มีความคิดที่อาจจะแตกต่างเล็กน้อย เพราะโทษมันโหดร้าย”

ชมคลิปสัมภาษณ์คุณอุ๊งอิ๊งในรายการ AIM HOUR เมื่อปี 2566 ได้ที่นี่

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า