Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สภาฯ ถกญัตติด่วน อารักขาขบวนเสด็จ ‘ชาดา’ ฉุน ‘รังสิมันต์’ เปิดรูปถ่ายกับ ศปปส. กลางสภา โวยถาม ‘พิเชษฐ์’ ประธานในที่ประชุม ใครอนุญาต

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันนี้ (14 ก.พ. 67) มีการพิจารณา ญัตติด่วนด้วยวาจา เรื่อง ให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเพื่อเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ เสนอโดย นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โดยมี สส. ขออภิปราย รวมจำนวน 21 คน

นายเอกนัฏ กล่าวต่อว่า ตนเฝ้ารออยู่ว่าเมื่อเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 4 ก.พ. ในที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะออกมาอย่างไรบ้างจะบังคับใช้กฎหมายอย่างไร แต่รอหลังเหตุการณ์ผ่านไปเกือบ1 สัปดาห์ การแสดงท่าทีไม่ชัดเจน จนกระทั่งวันที่ 10ก.พ. ผู้ก่อเหตุเหิมเกริมไปทำโพลที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม จนกระทั่งมีการกระทบกระทั่งกับอีกฝ่ายที่ไม่พอใจ ยืนยันว่า ตนไม่อยากซ้ำเติมความร้าวฉานที่เกิดขึ้นต่อทั้ง 2 ฝั่ง แต่ไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้อีก หากเราไม่รีบบริหารจัดการสถานการณ์จะบานปลายไปสู่ความแตกแยกปะทุไปสู่ระดับประเทศ จึงขอส่งสัญญาณ และเสนอไปยังรัฐบาล รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งรัดดำเนินการยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ดังนี้ 

1. ขอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมายทันที ไม่ใช่เป็นการล่าแม่มด หรือต้องการประหัตประหารใช้ศาลเตี้ยวินิจฉัย แต่เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง การใช้สิทธิเสรีภาพมีกรอบชัดเจนต้องไม่ไปละเมิดสิทธิคนอื่นและไม่ทำผิดกฎหมาย

2. ขอให้มีการทบทวนปรับปรุงระเบียบและแผนมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2548 เนื่องจากบริบทและภัยคุกคามเปลี่ยนไป ให้มีความเข้มงวด กระชับ ชัดเจน มีเจ้าภาพ เหมาะสมทันสมัย มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุ มีขอบเขตพื้นที่แบ่งความรับผิดชอบให้ชัดเจนมากขึ้น เพื่อป้องกันการกระทำผิดซ้ำจนกลายเป็นแฟชั่น หรือค่านิยมใหม่ที่เกิดขึ้น ตนเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่อาจกังวลว่าจะมีความเชื่อมโยงไปสู่ความยัดแย้งทางการเมือง หากปฏิบัติเข้มงวดไปจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ แต่ตนยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพราะตำรวจไม่ใช่เซลล์ที่ต้องมาคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้า ผู้ก่อเหตุกระทำการอย่างเหิมเกริมท้าทาย แต่เจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้าไป ดังนั้นเมื่อพ.ร.บ.ถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 อัปเดตแล้ว ระเบียบและมาตรการดังกล่าวต้องอัปเดตด้วย ภารกิจถวายความปลอดภัย ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องดำเนินการแบบไร้รอยต่อ

3. ต้องประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนว่า สามารถทำอะไรบ้าง อาจมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดประชาชนจะต้องทำตัวอย่างไร  เพราะต้องยอมรับว่า ภารกิจการถวายความปลอดภัยไม่มีที่ไหนในโลก ที่จะไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณพระเมตตา พยายามให้การปฏิบัติพระราชกรณียกิจหรือเส้นทางการสัญจรรบกวนประชาชนให้น้อยที่สุด เชื่อว่ามีประชาชนหลายคนต้องการให้ความร่วมมือ และช่วยเป็นหูเป็นตาไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะหากปล่อยปละละเลยไม่เข้มงวดเหตุการณ์แบบนี้ อาจจะเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวนำไปสู่ความวุ่นวายการปะทะให้หมู่ประชาชนจนแตกแยก

ขณะที่ นายจุรินทร์ เสนอให้รัฐบาลในฐานะที่มีเสียงข้างมาก ทั้งในสภาผู้แทนราษฎร และในกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม รัฐบาลต้องไม่สนับสนุน ให้มีการนิรโทษกรรม การกระทำผิดความผิดในมาตรา 112 เพราะนอกจากจะเป็นฉนวนขัดแย้งรอบใหม่ในอนาคต ยังเท่ากับส่งเสริมการกระทำความผิดตามมาตรา 112 เพิ่มเติมขึ้นมาอีก โดยเฉพาะเมื่อเกิดเหตุป่วนขบวนเสด็จ ยิ่งตอกย้ำว่าไม่สมควร ส่งเสริมให้มีการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 112 และรัฐบาลควรจะได้ตั้งหลักพิจารณาร่วมกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และพิจารณาทุกอย่างรอบคอบ รอบด้านว่า สมควรที่จะปรับปรุง พ.ร.บ.การถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 หรือไม่ โดยเพิ่มเติมให้มีกำหนดบทลงโทษเป็นการเฉพาะ กับผู้ที่ละเมิด พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพราะในปัจจุบันเมื่อเกิดเหตุ ผู้บังคับใช้กฎหมายต้องนำ บทบัญญัติกฎหมายอื่นมาเทียบเคียงบังคับใช้ เช่น มาตรา 112, 116  

ทั้งนี้ ระหว่างการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้มีการเปิดภาพถ่ายของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจและรมช.มหาดไทย กับศปปส. 

ภาพ ธนัญชัย แก้วโสวัฒนะ / Thai News Pix

โดยนายรังสิมันต์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ศปปส. ได้โพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย ปลุกปั่นว่าจะเชือดไก่ให้ลิงดู เก็บคุณตะวันที่อายุ 20 ปี เป็นคนแรก ขู่ฆ่าน้องหยกที่อายุ 15 ปี หรือกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าอาชีวะราชภักดี ที่ขู่จัดการคุณสายน้ำสไตล์อาชีวะปะทะก่อนค่อยคุย นี่คือกลุ่มคนที่จะนำพาความรุนแรง ความหวาดกลัวให้เข้ามาในสังคม” 

“ยังมีความรุนแรงถ้อยคำอีกจำนวนมากที่ถูกเอื้อนเอ่ย ผ่านบุคคลสำคัญจำนวนมาก แม้กระทั่งรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย ท่านชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่พูดไปไกลถึงเนรคุณแผ่นดิน การปลุกปั่นแบบนี้ ที่ผมพูดมาและอยู่ในญัตติ ที่ทุกท่านฟังไม่จบ เพราะท่านกำลังปลุกปั่นให้สถานการณ์มันร้ายแรงเกินไปกว่าความเป็นจริงมาก… การปลุกปั่นแบบนี้กำลังทำให้คนทั้งสังคมไม่รู้สึกปลอดภัย แล้วท่านจะดีไซน์ท่านจะสร้างมาตรการรักษาความปลอดภัยด้วยอะไร” 

ภาพ ธนัญชัย แก้วโสวัฒนะ / Thai News Pix

จากนั้น นายชาดา ได้ประท้วงการเปิดภาพของตนเองว่า ส่อให้เกิดเจตนารมณ์ที่ไม่ดี หลังการอภิปรายในวันเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ผู้คนขอถ่ายรูปตนเป็นล้านคน แต่ผู้อภิปรายเมื่อสักครู่ ส่อเจตนาที่ไม่ดี ไม่ดีอย่างมาก สร้างความแตกแยก กำลังจะนำตนไปสู่ ในสิ่งที่ไม่ถูกต้องสร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชน ตนไม่คิดจะอภิปราย แต่อันนี้ตนเสียหาย เป็นชี้จูงทางความคิด ที่กำลังให้เด็กทำกันอยู่ นั่นคือความรู้สึกของคนอกตัญญู ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดี เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่ใช่ลักษณะการอภิปรายเชิงสร้างสรรค์ 

นอกจากนี้ นายชาดา ยังกล่าวด้วยการอารมณ์ ถามประธานในที่ประชุม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ถึงการอนุญาตให้ใช้ภาพดังกล่าวเป็นสื่อการอภิปรายได้อย่างไรและไม่เกี่ยวข้องกับญัตติ ตนพร้อมจะถ่ายรูปกับคนทุกคนที่ปกป้องสถาบัน แต่เขาจะไปทำอะไรตนไม่รู้ไม่เกี่ยว อย่ามาขัดแย้ง อย่ามาเล่นใต้ดินกับตน พร้อมเรียกร้องให้ประธานขอโทษตนเอง ปล่อยภาพนี้ได้อย่างไร ใครอนุญาต มีวิจารณญาณหรือไม่ มีสมองหรือไม่

นายพิเชษฐ์ ระบุว่า ภาพที่ นายรังสิมันต์ นำเสนอ ตนไม่ได้ดูจริงๆ ถ้าพาดพิงไป ตนจะหาคำตอบให้ว่าอนุญาตเรื่องนี้ได้อย่างไร

นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่า การที่นำรูปขึ้นสไลด์ได้ยื่นอย่างถูกต้อง เป็นอำนาจของประธานฯ พิจารณา การขึ้นรูปทำได้ ท่านรัฐมนตรีมีสิทธิ์ชี้แจง แต่ก็ใจเย็นๆ นิดนึง เราไม่ได้ปรักปรำว่าท่านจะไปอยู่เบื้องหลัง ประโยคข้อความนั้นก็ไม่ใช่ประโยคของท่านชาดา แต่เป็นของผู้ที่ก่อความรุนแรง แล้วเขาอาจจะคิดด้วยซ้ำว่าเขาได้รับการสนับสนุน ทั้งที่ความจริงไม่มีใครอยู่เบื้องหลังเขาเลยก็ได้ กรณีนี้เป็นตัวอย่างที่ดี ตนเชื่อว่านักการเมืองถูกโยงไปกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งที่อยากให้มีคือสติ 

นายชาดา ตอบโต้อีกครั้งว่า การกระทำบ่งบอกถึงเจตนาชัดเจน และย้ำถึงการอนุญาตการนำรูปตนเองมาใช้เช่นนี้ไม่ถูกต้อง 

นายชาดา ยืนยันอีกว่าหลักฐานมีอยู่ในมือแล้ว แต่ไม่อยากสร้างความขัดแย้ง ผู้ช่วยสส. ท่านใด ที่ส่งเงินให้กับกระบวนการพวกนี้ อย่านำตนเข้าไปสู่วงจร ถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด ตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ตนจึงกล้าพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง

ระหว่างนั้น น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล ประท้วงว่า อยากให้ นายชาดา แจ้งว่าลุกขึ้นพูดตามข้อบังคับใด นายชาดา จึงสวนกลับว่าใช้สิทธิพาดพิงและไม่ได้ฟังเหรอว่า ใครพาดพิงตน น.ส.รักชนก สวนทันทีว่าแล้วเขาพาดพิงตรงไหน ทำให้นายชาดาตอบกลับทันทีว่า ก็คุณไม่ได้ฟัง เขาได้ยินกันทั้งสภาฯ ความจริงก็คือจริง

เหตุการณ์ในห้องประชุมสภาฯ เริ่มตึงเครียด น.ส.รักชนก ที่นั่งอยู่บริเวณโซนด้านหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นเดินมาหานายชาดา ที่อยู่บริเวณด้านหลัง ที่นั่งพรรคภูมิใจไทย พูดคุยสักพัก จากนั้นนายชาดาเดินตรงไปหานายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล ทันใดนั้น นายรังสิมันต์ ได้ยกมือไหว้ และขวักมือเรียกมาคุยกัน ด้วยท่าทางมีอารมณ์ นานกว่า 3 นาที

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง 2 คน ได้พูดคุยเคลียร์ใจ หลังนายรังสิมันต์ ใช้ภาพนายชาดาถ่ายภาพคู่กับกลุ่มศปปส. อภิปราย ซึ่งนายชาดา ได้มาตักเตือนว่า อย่าทำแบบนี้อีก มันไม่แฟร์ กับตน

นายรังสิมันต์ จึงพยายามอธิบายว่า มีกลุ่มบุคคลพยายามแอบอ้าง ความเชื่อมโยงกับนายชาดา เพื่อก่อเหตุรุนแรง ไม่มีเจตนาร้ายต่อนายชาดา และช่วงเช้าก่อนที่จะมีการอภิปราย นายรังสิมันต์ ได้บอกกับนายชาดาแล้วว่า จะมีเนื้อหาอภิปรายที่พาดพิงถึงนายชาดาด้วย

ซึ่งการพูดคุยเป็นไปได้ด้วยดี มีทั้งสมาชิกพรรคก้าวไกล พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมอยู่ในวงพูดคุยด้วย ก่อนที่ในช่วงสุดท้ายนายชาดาเดินกลับและได้จับมือกับนายชัยธวัชด้วย

สำหรับญัตติด่วนด้วยวาจาเรื่องอารักขาขบวนเสด็จ หลังเปิดให้สมาชิกที่ประสงค์อภิปราย ได้อภิปรายจนครบแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้สรุปว่า สภาฯ เห็นสอดคล้องกันให้ส่งเรื่องไปยังรัฐบาล โดยญัตติของนายุจรินทร์ จะส่งไปที่กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมด้วย และกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ ได้ขอเอกสารจากประธานสภาฯ ด้วย โดยไม่ต้องลงมติ และจบญัตตินี้ในเวลา 16.47 น.

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า