หมดยุคปิดบังเงินเดือน นิวยอร์ก ออกกฎหมายใหม่ นายจ้างต้องระบุเงินเดือนให้ชัด ตอนรับสมัครงาน
ถ้านายจ้างไม่ทำ จะโดนค่าปรับสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 8,300,000 บาท
คำถามคือ ทำไมนิวยอร์กถึงเดินหน้าเช่นนี้ แล้วเรื่องนี้จะกระทบกับใครบ้าง
TODAY Bizview จะอธิบายให้ฟัง
กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใสในนิวยอร์ก
Pay transparency law หรือแปลเป็นไทยแบบเข้าใจได้ว่า กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใส
กฎหมายตัวนี้จะบังคับให้นายจ้างต้องระบุเงินเดือนในใบรับสมัครให้ชัดเจน ทั้งค่าจ้างขั้นต่ำเริ่มที่เท่าไหร่ ไปจนถึงค่าจ้างสูงสุดของตำแหน่งงานนี้คือเท่าไหร่
ใครจะได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้บ้าง
1) คนที่กำลังหางาน
กฎหมายนี้จะทำให้คนที่กำลังหางานลดความกดดัน และไม่จำเป็นต้องกดค่าแรงของตัวเองจากราคาตลาด เพื่อให้ได้งาน
2) พนักงานปัจจุบัน
ต่อไปเมื่อใบรับสมัครงานระบุเงินเดือนที่ชัดเจน พนักงานที่ทำงานในตำแหน่งนั้นก็สามารถรับรู้ได้ว่า เงินเดือนที่เขาได้รับในปัจจุบันนั้นเป็นธรรมหรือไม่
และถ้าเกิดว่าเงินเดือนปัจจุบันที่ได้รับไม่เป็นธรรม ด้วยกฎหมายใหม่ที่ข้อมูลการเงินโปร่งใสมากขึ้น เขาหรือเธอก็มีสิทธิ์ที่จะเดินเข้าไปหาหัวหน้างาน หรือฝ่ายบุคคลเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมได้
ในแง่หนึ่ง กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใส จะทำให้เกิดความเท่าเทียมมากขึ้นในที่ทำงานได้
ยกตัวอย่างข้อมูลในสหรัฐอเมริกา ที่พบว่า กลุ่มคนผิวดำและผู้หญิงได้รับเงินเดือนที่น้อยกว่าผู้ชายผิวขาว
สถิติจากกระทรวงแรงงานของสหรัฐอเมริกา ที่สำรวจในช่วงปลายปี 2020 พบว่า
– เงินเดือนเฉลี่ยของผู้ชายอเมริกันอยู่ที่ 6,239 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 200,000 บาทต่อเดือน)
– เงินเดือนเฉลี่ยของผู้หญิงอเมริกันอยู่ที่ 4,152 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 130,000 บาทต่อเดือน)
คิดเป็นตัวเลขง่ายๆ คือ เงินเดือนของผู้หญิงในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน น้อยกว่าผู้ชายประมาณ 30%
[ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะแฮปปี้ กับกฎหมายนี้ ]
ด้านของนายจ้างหลายรายในนิวยอร์กที่รวมตัวกันในกลุ่มที่เรียกว่า Partnership for new york city มองว่า กฎหมายใหม่ที่ให้ระบุเงินเดือนตอนรับสมัครงาน ถึงที่สุดแล้วจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี
Kathryn Wylde ประธานและซีอีโอของ Partnership for new york city ให้สัมภาษณ์ว่า เอาเข้าจริงแล้วกฎหมายนี้จะนำมาใช้จริงได้ยากมากๆ ในโลกแห่งความเป็นจริง
“ดูอย่างในอุตสาหกรรมการเงินก็ได้ ที่รายได้นอกจากเงินเดือนแล้ว รายได้ของพนักงานจะขึ้นอยู่กับเงินค่าตอบแทนต่างๆ (compensation) ซึ่งเงินส่วนนี้จะมาในรูปแบบของโบนัส และผันผวนตามผลงานของบริษัทในช่วงนั้นๆ”
มากไปกว่านั้น เธอยังบอกด้วยว่า กฎหมายนี้จะทำให้นายจ้างในนิวยอร์กเสียเปรียบในการดึงดูดคนเก่ง-คนมีความสามารถ (Talent) มาร่วมงานด้วย เพราะการกำหนดอัตราเงินเดือนสูงสุดในประกาศรับสมัครงาน จะทำให้คู่แข่งกำหนดเงินเดือนที่สูงกว่าได้
[ นิวยอร์กไม่ใช่เมืองแรก โคโลราโดเคยทำมาก่อน ]
กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใสใช้ครั้งแรกอย่างจริงจังในสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ปี 2021 แต่ใช้เพียงรัฐเดียวเท่านั้นคือ รัฐโคโลราโด
สำหรับในนิวยอร์ก หนึ่งในกฎหมายที่เคยผ่านเมื่อปี 2017 ระบุว่า บริษัทเอกชนไม่มีสิทธิ์ในการขอให้ผู้สมัครงานเปิดเผยเงินเดือนที่เคยได้รับมาก่อนหน้านี้
ส่วนในปีถัดมา มีความพยายามผลักดันกฎหมายอีกครั้ง โดยในปี 2018 สภาของนิวยอร์กเคยนำเสนอกฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใสมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายไม่ได้มีการนำมาใช้อย่างจริงจัง
จนกระทั่งปีนี้ ปี 2022 ที่ตลาดแรงงานเริ่มเปลี่ยนแปลงอย่างหนัก จากกระแส The Great Resignation หรืออภิมหาการลาออก ที่แรงงานจำนวนมากลาออกจากงานเก่า จนทำให้หลายอุตสาหกรรมหาคนมาทำงานไม่ได้
จึงทำให้กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใสถูกพูดถึงอีกครั้ง และกำลังจะมีผลบังคับใช้ในเดือนพฤษภาคมปีนี้เป็นต้นไป
Chip Cutter นักข่าวของ The Wall Street Journal บอกว่า ในช่วงเริ่มแรกของการบังคับใช้กฎหมายจ่ายเงินเดือนโปร่งใส ทางการนิวยอร์กจะพยายามไม่ใช้การปรับเงินนายจ้างเป็นหลัก แต่จะเน้นการสร้างความเข้าใจให้กับนายจ้าง เพื่อปฏิบัติตามหลักการใหม่เป็นอันดับแรก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าจับตามองต่อไปคือการบังคับใช้กฎหมายใหม่นี้ในนิวยอร์ก เพราะนิวยอร์กคือศูนย์รวมสำนักงานใหญ่ของบริษัทข้ามชาติจำนวนมาก รวมไปถึงขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐอเมริกา รองมาจากรัฐแคลิฟอร์เนียและเท็กซัส
ดังนั้น ถ้านิวยอร์กทำสำเร็จ ก็น่าจะได้เห็นอีกหลายรัฐ หรืออีกหลายเมือง ที่เดินรอยตามแนวทางนี้..
ที่มา – https://youtu.be/IH_L2G28Iwc
https://www.axios.com/california-pay-transparency-4db25556-58cd-47c0-bb63-ff9bd4ca28cf.html