Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

รู้หรือไม่ว่าตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 เป็นต้นมา เป๊ปซี่ ขนาด 550 มล. ที่ขายในไทย เริ่มทยอยเป็นขวดที่มาจากการรีไซเคิลขยะขวดพลาสติก (rPET) 100% ซึ่งเป็นน้ำอัดลมเจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทยที่ใช้ขวดประเภทนี้

ถามว่าทำไมเป๊ปซี่ถึงเปลี่ยนมาใช้ขวดรีไซเคิล เรื่องนี้ช่วยสิ่งแวดล้อมได้ขนาดไหน และขวดรีไซเคิลปลอดภัยจริงๆ หรือเปล่า TODAY Bizview มีโอกาสเยือนโรงงานรีไซเคิลขวดพลาสติก และขอเล่าให้ฟังกันในบทความนี้

[ กฎหมายผ่าน เกิดโอกาส Bottle-to-Bottle Recycling ]

หลายคนอาจคุ้นเคยหรือได้ยินว่ามีการนำขวด PET หรือขวดพลาสติกใสมารีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกเพื่อนำกลับมาใช้อีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นที่ผ่านมาก็เป็นการรีไซเคิลไปเป็นพลาสติกอย่างอื่นที่ไม่ใช่สำหรับใส่อาหาร เช่น กะละมัง ไปจนถึงเสื้อผ้า

ที่เป็นอย่างนั้นเนื่องมาจากกฎหมายขององค์การอาหารและยา (อย.) ที่ยังไม่อนุญาตให้รีไซเคิลแล้วนำกลับมาใส่อาหารได้ เนื่องจากข้อกังวลเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยต่อผู้บริโภค

จนเมื่อเดือนมีนาคม 2565 กฎหมายดังกล่าวถูกยกเลิก มีการปลดล็อกให้ภาชนะใส่อาหารทำมาจาก ‘พลาสติกรีไซเคิล’ ได้ ภายใต้ข้อกำหนดกฎเกณฑ์คุณภาพและมาตรฐานของพลาสติกรีไซเคิลอย่างชัดเจน

เรียกได้ว่าเป็นการเปิดโอกาสให้ขวดน้ำได้กลับมามีโอกาสใส่น้ำได้อีกครั้ง หรือที่เรียกว่า “Bottle-to-Bottle Recycling”

เมื่อกฎหมายปลดล็อก ‘ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย’ ผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มในไทยหลายแบรนด์รวมถึง ‘เป๊ปซี่’ ที่มุ่งส่งเสริมเรื่องการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนอยู่แล้ว ก็ผนึกกำลังกับผู้ประกอบการรีไซเคิลพลาสติกที่ได้มาตรฐานและได้รับการรับรองจาก อย. เพื่อนำขวดพลาสติกรีไซเคิล rPET มาใช้ในโปรดักต์ของบริษัท ผลักดันการใช้ขวด rPET ให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

ซึ่งผู้ประกอบการรีไซเคิลพลาสติกดังกล่าวก็คือ ‘บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด’ ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเกรดอาหารคุณภาพสูงรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก InnoEco PCR PET เกรดสัมผัสอาหารของเอ็นวิคโค ได้รับการรับรองมาตรฐานและความปลอดภัยจาก อย. สหรัฐ (FDA)

และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย. ไทย ก็ได้ประเมินและอนุญาตให้เม็ดพลาสติกดังกล่าวของเอ็นวิคโค สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยเป็นรายแรกในประเทศไทย

[ Close Loop ขยะในประเทศ ]

ภายในโรงงานของเอ็นวิคโคที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จุดแรกที่เราเห็นคือจุดรับขยะที่มาจากผู้บริโภค ไม่รับขยะจากอุตสาหกรรม รวมถึงขยะที่รับก็รับเฉพาะจากในประเทศเท่านั้น

เอ็นวิคโคยังร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ค้าของเก่าที่ยินดีทำตามสเปกที่บริษัทกำหนด คือ แยกขยะเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารเท่านั้น ไม่มีบรรจุภัณฑ์เคมีปะปน นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้ชุมชนจัดการขยะตามกำหนด แล้วนำขยะมาขายให้เอ็นวิคโค ซึ่งสร้างรายได้กลับไปให้ชุมชนด้วย

โดยปัจจุบันเอ็นวิคโคมีการร่วมมือกับชุมชนแล้ว 7 ชุมชน 21 โรงเรียน 1 มหาวิทยาลัย และตั้งแต่ปี 2565 เอ็นวิคโครับขยะจากชุมชนเหล่านี้มาแล้ว 290 ตัน คิดเป็นเงินราว 6 ล้านบาท

หลังจากรถบรรทุกขนขยะมาถึงจุดรับ ก็จะมีการสุ่มตรวจขึ้นว่าเป็นไปตามสเปกที่กำหนดหรือไม่ หากพบว่าปนเปื้อน ก็จะปฏิเสธการรับขยะพลาสติกทั้งคันที่รถคันนั้นขนมา

หากไม่พบการปนเปื้อน ขยะพลาสติกที่อัดรวมกันไว้เป็นก้อนก็จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ดังนี้

-ก้อนขยะพลาสติกถูกทำให้แตกกระจาย มีคนสกรีนสิ่งปนเปื้อน

-ขยะที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่สายพาน ผ่านเครื่องตรวจจับและกำจัดโลหะ

-เข้าสู่กระบวนการถอดฉลากที่ขวด มีเครื่องเขย่าให้หินดินทรายหลุดออกมา

-คัดแยกประเภทพลาสติกด้วยเซ็นเซอร์ ถ้าไม่ใช่ PET จะถูกกำจัดออก

-ผ่านกระบวนการตัดเป็นชิ้นเล็กๆ นำมาล้างด้วยน้ำร้อน ซึ่งล้างคราบกาวได้หมด

-แยกพลาสติกส่วนฝากับขวดออกจากกัน รอให้แห้งแล้วเข้าเครื่องกำจัดโลหะอีกครั้ง

-คัดไซส์ กำจัดฝุ่น กำจัดโลหะอีกครั้ง แล้วนำไปเก็บที่ไซโล

-นำไปตรวจคุณภาพที่ห้องแล็บ จากนั้นนำมาอัดให้เป็นเม็ดพลาสติก

-ล้าง และนำไปอยู่ในหออุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 16 ชม. เพื่อให้ไม่มีการปนเปื้อนแล้วนำมาใส่ถุง

-ส่งเม็ดพลาสติกให้ลูกค้านำไปใช้งานต่อไป

เทคโนโลยีของเอ็นวิคโคเป็นเทคโนโลยีจากยุโรปที่ได้รับการรับรองจากยุโรปเรียบร้อยแล้ว โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 45,000 ตัน/ปี เป็นกำลังการผลิตพลาสติก rPET 30,000 ตัน/ปี ลดการใช้พลาสติกใหม่ หรือลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 57.7%

[ ต้นทุนเพิ่ม แต่ไม่เพิ่มราคา ]

‘วิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย’ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย กล่าวว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ให้ความสำคัญและลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปรีไซเคิลได้ รวมถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะ และบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างเหมาะสม

“และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ คือการเก็บกลับขวดเครื่องดื่มใช้แล้วมารีไซเคิลเป็นขวดใหม่ที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ทำให้เกิดการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ลดการใช้ทรัพยากรใหม่

“และหลังจากที่เราเริ่มนำร่องใช้ขวด rPET 100% กับผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่แล้ว เรามั่นใจว่าคุณภาพและความปลอดภัยของขวด rPET 100% ไม่แตกต่างจากขวดที่ผลิตจากพลาสติกใหม่ (Virgin PET) เลย”

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาดน้ำอัดลมไทยที่นำร่องใช้ขวด rPET 100% กับผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลขนาด 550 มล. โดยวางจำหน่ายใน Modern Trade และร้านสะดวกซื้อ และมีแผนขยายไปสู่โปรดักต์อื่นของบริษัทต่อไป

ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ยังยืนยันด้วยว่าไม่มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด แม้ว่าพลาสติกรีไซเคิลจะมีราคาแพงกว่าพลาสติกใหม่ราว 20-30% ก็ตาม

“ช่วงแรกพลาสติก rPET 100% อาจจะแพงจริง แต่ต่อไปเราเชื่อว่าจะมีดีมานด์การใช้มากขึ้น ราคาก็จะค่อยๆ ถูกลง และเราเต็มใจที่จะลงทุนตรงนี้อยู่แล้ว”

“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ขอเชิญชวนผู้บริโภคเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ง่ายต่อการรีไซเคิล และหันมาใส่ใจการคัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อให้กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด รวมถึงส่งเสริมการใช้ขวด rPET ที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง

“การใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้จะช่วยสร้างระบบการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบปิดวงจร (Closed-loop) หรือหมุนเวียนได้ ถือได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” วิภาวรรณ กล่าวปิดท้าย

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า