Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘รังสิมันต์ โรม’ ชี้ ‘นายประกัน’ เป็นสิทธิทำได้ตามกฎหมาย ยืนยัน ‘ก้าวไกล’ ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง กลุ่ม ‘ทะลุวัง’

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกลถูกโยงเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มทะลุวัง เนื่องจากเคยเป็นนายประกันแกนนำหลายคนว่า ความคิดที่ว่ากลุ่มต่างๆ มีฝ่ายการเมืองอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ถามว่าลักษณะแบบนี้ทำให้เราแก้ไขปัญหาสังคมหรือไม่ ก็ไม่ใช่ หลายครั้งที่พรรคก้าวไกลเราถูกปรักปรำในลักษณะนั้น เอาเข้าจริงอะไรคือหลักฐานว่า เราอยู่เบื้องหลังคนนั้นคนนี้ ก้าวไกลทุกช่วงที่ผ่านมา เราอยู่ท่ามกลางวิกฤติทางการเมืองมีการดำเนินคดีจับกุมคนเห็นต่างทางการเมือง

ในอดีตเราหลายคนอาจจะไปเป็นนายประกันและประกันตัวให้ แต่ต้องบอกว่า การไปเป็นนายประกันในลักษณะนั้น มันแยกออกจากที่เขาขับเคลื่อนทางการเมือง การที่เราไปเป็นนายประกันเราสามารถไปทำได้ตามกฎหมาย แล้วการไปประกันตัวก็เป็นการไปให้สิทธิในการต่อสู้คดี ซึ่งไม่ได้หมายความว่า คนที่ไปประกันตัวจะเห็นด้วยกับการกระทำของคนเหล่านั้น ไม่เช่นนั้นการประกันตัวที่เกิดขึ้นเต็มไปหมด เท่ากับว่าคนที่ประกันจะต้องไปเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ถ้าคิดแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นการคิดที่ผิด

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เข้าใจว่าความพยายามเชื่อมโยงพรรคก้าวไกลกับกลุ่มต่างๆ มีเหตุผล 2 ประการ

1. กลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนตัวของกลุ่มทะลุวังและต้องการสร้างความชอบธรรมหรือดิสเครดิตกลุ่มทะลุวัง

2 .ต้องการทำลายพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน มันไม่ควรไปมองอย่างนั้น

ตนยืนยันว่า เราไม่ได้อยู่เบื้องหลังใครและใครก็ไม่ได้อยู่เบื้องหลังเรา พรรคก้าวไกลคือพรรคก้าวไกลที่ทำหน้าที่โดยมีจุดยืนเรื่องสิทธิมนุษยชน เราเชื่อในเสรีภาพการแสดงออก เมื่อเขาแสดงออกไปแล้วจะเห็นด้วยไม่เห็นด้วยเป็นสิทธิ์ของแต่ละคนที่ตะแสดงความคิดเห็นได้ แต่จุดยืนของพรรคก้าวไกลคือเราไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ในการแสดงออกมา เพราะการทำแบบนั้นคือการสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัว เรามีบทเรียนการสร้างความหวาดกลัวมาแล้วและไม่ได้ทำให้สังคมไทยดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลยืนยันไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องแยกก่อนว่า การกระทำต่างๆ ของน.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ แกนนำกลุ่มทะลุวัง แน่นอนว่าสร้างเสียงวิจารณ์อยู่แล้ว แต่คงสรุปยากว่าถึงที่สุด สังคมจะเห็นไปในทิศทางใด ต้องยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า ในสังคมที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่น.ส.ทานตะวัน แสดงออก และมีฝ่ายที่เห็นด้วยหากดูตามคอมเมนต์ในโลกโซเชียลฯ ขณะที่การอารักขาบุคคลสำคัญก็ต้องมีมาตรการ

เมื่อถามว่าขณะนี้หนักใจหรือไม่กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่พุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การพุ่งเป้ามาที่พรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เพราะเคยเกิดมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่พรรคก้าวไกลพยายามทำคือให้สติกับทุกคน พูดกันตรงๆ ว่าการที่เราไปเป็นนายประกันในอดีต มันเท่ากับว่าเราไปอยู่เบื้องหลังหรือ คุณเชื่อขนาดนั้นเลยหรือ ตนคิดว่าสุดท้ายคนที่แสดงออกทางการเมืองในทุกรูปแบบเขาก็เป็นตัวเขา มีจุดยืนของเขา เราจะเห็นด้วยหรือไม่ต้องแยกเป็นกรณีๆไป เมื่อถึงที่สุดก็มีสิทธิ์ที่จะต่อสู้คดีในชั้นศาล รวมถึงกลไกทางกฎหมายต้องว่ากันไปตามสัดส่วนที่ควรจะเป็น

“ดังนั้นสังคมของเราอยู่กันแบบนั้น ผมจึงคิดว่าอย่าไปสร้างสังคมแห่งความหวาดกลัวเลย อย่าสร้างปีศาจตัวใหม่ขึ้นมา อย่าสร้างผีตัวใหม่ขึ้นมา เหตุการณ์เดือนตุลาฯเคยสร้างบทเรียนมาแล้ว อย่าทำซ้ำเลย มันไม่คุ้มกัน” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า เราควรใช้เวทีของสภาฯ ใช้พื้นที่ทางการเมืองในการคลี่คลายหาทางออก และเข้าใจว่านายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรีและโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ พยายามจะพูดเรื่องนี้ ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สภาฯ จะพิจารณาพูดคุยหาทางออก และการที่ปล่อยให้ไปคุยกันตามท้องถนนถ้านำไปสู่การสร้างพื้นที่ที่อันตรายก็ไม่คุ้ม ทางหนึ่งที่ตนคิดว่าเป็นทางออกคือกฎหมายนิรโทษกรรม

เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายมองว่าควรนำเรื่องเกี่ยวกับผู้ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ออกจากร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราเคยหาเสียงเอาไว้ เมื่อเราได้รับการเลือกตั้งมาก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ซึ่งเราไม่ได้มีนโยบายแก้มาตรา 112 เท่านั้น ทางสว. อาจจะมีความคิดว่าเราไม่ควรทำแบบนั้น แต่ในจุดยืนของเราต้องกลับมาตั้งต้นว่าวันนี้ปัญหาของประเทศชาติคืออะไร เราต้องยอมรับว่ามีคนถูกดำเนินคดีในเรื่องมาตรา 112 จะมีหนทางแก้ไขอย่างไร

“ออฟชั่นเรามีอะไรบ้าง เอาเขาเข้าไปขัง ปล่อยพวกเขา นิรโทษกรรมให้พวกเขาหรืออะไร ถ้าเอากันแบบสุดโต่งเลยคือการเอาไปขัง ต้องถามว่าช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นอย่างไร ถึงที่สุดคนเหล่านี้ก็มีญาติพี่น้องและเขารู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ความคิดเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่กลุ่มนิสิตนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่เท่านั้น ที่มิตรประเทศที่เขามองมายังประเทศไทยรู้สึกไม่สบายใจ กับการดำเนินคดีที่มีความรุนแรง และไม่ได้ส่งผลกระทบแค่สิทธิเสรีภาพ มีการตั้งคำถามในเชิงภาคธุรกิจ ความมั่นใจว่าหากมีการดำเนินคดีในลักษณะนี้จะเกิดขึ้นกับคดีอื่นได้หรือไม่สิ่งเหล่านี้เป็นความมั่นใจทั้งหมดที่สามารถส่งผลกระทบต่อประเทศได้ ถ้าเราตั้งโจทย์ว่ามีปัญหาเกิดขึ้นเราก็ควรเริ่มต้นเปิดประตูให้กว้าง ถ้าเราบอกว่าการนิรโทษกรรมไม่รวมมาตรา 112 ถ้าเริ่มจากตรงนี้ จะแก้ปัญหาการเมืองได้จริงหรือไม่ ไม่มีประโยชน์ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้ การนิรโทษกรรมก็ไม่มีประโยชน์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าว

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า