Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

‘สกลธี’ เปิดนโยบายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ‘กรุงเทพดีกว่านี้ได้’ พร้อมพัฒนาแก้ปัญหารอบด้าน เพื่อคุณภาพชีวิตคนกรุงเทพฯ ขอคน กทม.เลือกที่ผลงาน

วันที่ 24 มี.ค. 2565 นายสกลธี ภัททิยกุล ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. แถลงเปิดตัวนโยบายแก้ไขปัญหา กทม. ภายใต้แนวคิด “กรุงเทพดีกว่านี้ได้” โดยก่อนเริ่มงานเปิดวิดีโอรวบรวมปัญหาที่เกิดขึ้นใน กทม. ที่เตรียมพร้อมจะเข้ามาแก้ไข อาทิ ปัญหาการจราจร ขยะ การศึกษา จักรยานยนต์บนทางเท้า

นายสกลธี กล่าวว่า กทม.มีเงินประมาณสี่หมื่นล้าน แบ่งเป็นเงินเดือนและเงินลงทุน พอใช้บ้างไม่พอบ้าง ซึ่งไม่เคยมีผู้ว่าฯ กทม.คนไหนคิดหาเงินรอเพียงเงินงบประมาณจากรัฐบาล โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ต้องนำเงินไปสนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้วย โดยนโยบายที่ต้องการเข้ามาแก้ไข ประกอบด้วย

1.แก้ไขปัญหาขนส่งสาธารณะ “ล้อ ราง เรือ” เรื่องที่เป็นปัญหามานานคือปัญหาการจราจร รถติด จำนวนรถและถนนไม่สัมพันธ์กัน ทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนมาใช้ขนส่งสาธารณะมากขึ้น ลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว ต้องเชื่อทุกส่วนเข้าด้วยกัน เริ่มจากการแก้ปัญหารถติด โดยนำเทคโนโลยีมาใช้คือ ระบบ ATC การปล่อยรถจะสัมพันธ์กันทุกแยก ถ้าได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.จะผลักดันเรื่องนี้ให้เป็นระบบมากขึ้น ผลักดันระบบ Feeder ให้ครอบคลุมด้วยรถไฟฟ้า (EV) ช่วยให้คนเข้าถึงการขนส่งสาธารณะมากขึ้น ต่อด้วยการเดินเรือ EV นำร่องไปแล้วที่คลองผดุงกรุงเกษม ผลักดันรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) และสีเงิน (บางนา-สุวรรณภูมิ) ปัจจุบันถนนดังกล่าวมีรถสาธารณะเพียงสายเดียว และสุดท้ายการบังคับใช้กฎหมาย ให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เช่น การเคลื่อนย้ายรถที่จอดทิ้งไว้ออกจากเส้นทางจราจร ตลอด 1 ปี กว่าย้ายซากรถไปแล้วกว่า 1,200 คัน ในอนาคต กทม.จะได้รับโอนอำนาจจากตำรวจให้เคลื่อนย้ายรถจากที่ห้ามจอด ถ้ามีโอกาสเข้าไปจะรีบแก้ปัญหาจราจร

2. การสาธารณสุขจะดีกว่านี้ได้ จะเห็นว่าการรักษาโควิดที่ผ่านมาไม่สามารถรองรับได้อย่างเพียงพอ ซึ่งปัญหาอยู่ที่ระบบบริหารจัดการ โดยเริ่มปรับศูนย์สาธารณสุข 69 แห่ง ให้เป็นสมาร์ทคลินิก โดยนำระบบเทเลเมดิซีน ลดการเดินทางไม่ต้องมุ่งไปที่โรงพยาบาลอย่างเดียว ประหยัดทั้งงบประมาณและเวลา พร้อมกันนี้ยังเพิ่มศูนย์สาธารณสุขให้เพียงพอกับจำนวนคนที่อยู่อาศัย เพื่อให้เข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น ส่วนโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพฯ มีทั้งหมด 11 แห่ง จะปรับให้เป็นโรงพยาบาลเฉพาะทาง เพิ่มศักยภาพในการรักษา ขณะที่การดูแลกลุ่มเปราะบางในเชิงรุกมากขึ้น ที่สำคัญลดภาระให้กับคนในครอบครัวให้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงในระยะไกลได้ สามารถออกไปทำงานโดยไม่ต้องห่วง

3.ระบบการศึกษา ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เด็กไทยถูกผลักออกจากระบบการศึกษาจำนวนมาก ด้วยเรื่องเทคโนโลยีเรียนออนไลน์ ซึ่งแนวคิดแก้ไขเรื่องนี้นำมาจากประเทศฟินแลนด์ที่ได้ชื่อว่ามีระบบการศึกษาที่ดีที่สุด โดยจะทำให้มีโรงเรียนดีใกล้บ้าน มีมาตราดีใกล้เคียงกัน ไม่ต้องส่งไปเรียนข้ามเขต พร้อมปรับให้เป็นโรงเรียนสองภาษา สร้างโรงเรียนผสมเฉพาะทาง เพื่อดึงความถนัดของแต่ละคนเป็นวิชาเลือกให้กับเด็กแต่ละคน เรื่องอาหารให้ครบโภชนาการรับประทานฟรี บุคลากรสำคัญคือ ครู ต้องยกระดับคุณภาพ ใช้คิดมากกว่าการท่องจำ เพิ่มหลักสูตรหลังเลิกเรียนให้เพิ่มทักษะชีวิต ให้นักเรียนสามารถหารายได้เสริมระหว่างเรียนได้

4.สิ่งแวดล้อมความปลอดภัย ระบายน้ำ ผังเมือง จะเพิ่มกล้องซีซีทีวี ที่สามารถเชื่อม 62,000 กล้อง ต่อกับศูนย์กลางได้ สร้างพื้นที่สีเขียว ขณะที่ความปลอดภัยด้านทรัพย์สิน จะให้ถึงที่เกิดเหตุภายใน 10 นาที ซึ่งอย่างต่ำมีไฟไหม้อย่างน้อยสองที พร้อมเพิ่มสถานีดับเพลิงทางน้ำในพื้นที่บ้านเรือนริมน้ำ เนื่องจากการเข้าทางถนนไม่สามารถทำได้สะดวก เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้พิการสามารถเดินทางได้อย่างสะดวก การระบายน้ำจะมีระบบบริหารจัดการ ขณะเดียวกันสวนสาธารณะจะปรับปรุงให้การใช้สวนทุกสวนดีขึ้น ให้มีการเล่นกีฬาได้หลากหลายชนิด พร้อมทำให้ทุกเขตมีสวนสาธารณะตามขนาดพื้นที่ พร้อมทำต่อเนื่องผ่านจับไป 46 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนทัศนคติไม่ให้ขี่บนทางเท้า

5. ระบบบริหารจัดการ ใช้เทคโนโลยีเชื่อมกับระบบการทำงานบริหารให้เหมาะกับชุมชนต่างๆ แก้ปัญหากับความต้องการ เช่น การจัดเก็บขยะ ให้เหมาะสมกับจำนวนบ้านเรือน ไม่ให้มีขยะค้างคา

6.เศรษฐกิจ สังคม ท่องเที่ยว จัดถนนคนเดิน สตีทฟู๊ดไม่กระทบทางเดินเท้า โรงเรียนฝึกอาชีพทันสมัย ทำให้คนไปประกอบอาชีพได้จริง ซึ่งค่าเรียนไม่แพง สนับสนุนการจ้างงานคนพิการและส่งเสริมอาชีพคนพิการ

นายสกลธี กล่าวว่า นโยบายทั้งหมดที่เปิดขึ้นมาเชื่อว่าสามารถทำสำเร็จได้ทั้งหมดภายใน 4 ปี และแต่ละสัปดาห์จะเปิดตัวทีมงานที่จะเข้ามาช่วยผลักดันนโยบาย

เมื่อถามว่า ขณะที่เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ทำไมจึงไม่ทำนโยบายต่างๆ นายสกลธี ชี้แจงว่า ด้วยตำแหน่งรองผู้ว่าฯ ได้รับผิดชอบตามสายงานที่ได้รับ ซึ่งที่ผ่านมา เชื่อว่าทำผลงานได้ในระดับที่มากพอสมควร ส่วนสายงานไหนที่ไม่ได้ทำ ก็ทำเป็นนโยบายที่อยากทำต่อในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.

เมื่อถามว่า มองข้อดีข้อเสียของตัวเองอย่างไรในการลงเลือกตั้ง นายสกลธี กล่าวว่า ข้อดีคือมีประสบการณ์ทำงาน รู้การบริหาร โดยผู้ว่าฯ กทม. ต้องใช้หลักการประสาน ถ้าติดตามจะเห็นว่าทำงานมาโดยตลอด
ส่วนข้อเสีย คือ ​ การเมืองไทยขัดแย้งมายาวนาน​ บางครั้งโดนป้าย​ โดนลากในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคนที่วิจารณ์ไม่ได้ดูจากผลงาน ซึ่งเป็นจุด​อ่อน อยากให้คนกรุงเทพเปิดใจ​ ยอมรับบางทีลงงานเฟซบุ๊ก​ถูกต่อว่าเป็นสลิ่ม ​เป็น ​กปปส. ซึ่งไม่เกี่ยวกับการทำงาน​ อยากให้มองที่การทำงาน​ไม่ใช่ว่า คนที่มีอุดมการณ์แบบนั้นจะทำงานให้คนกทม. ไม่ได้

สำหรับการลงสมัครครั้งนี้จะเป็นตัดคะแนนในกลุ่มผู้สนับสนุนฝั่งเดียวกันหรือไม่ นายสกลธี ยอมรับว่า ครั้งนี้มีผู้ลงสมัคร 7-8 คน​ ยอมรับว่าฐานคะแนนตนไปตัด​กับ นายสุชัชชีวร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ กับ​ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. แต่ตนอยู่กับการเลือกตั้ง กทม.มา​ เชื่อว่าคนกรุงเทพเลือกแบบฉลาด และทุกครั้ง​พลิกความคาดหมายเสมอ​ ถึงเวลาที่คนกรุงเทพอาจจะเลือกคนที่ชอบแบบคนเดียว​ ยอมรับว่ามีการตัดคะแนนกันแน่​ แต่อยู่ที่ว่าใครจะเสนอนโยบายได้ถูกใจมากสุด ส่วนการที่ตนลงในนามอิสระ ไม่มี ส.ก.ในมือ จึงพร้อมรับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองทุกพรรค สำหรับ เหตุผลที่ลงในนามอิสระ เพราะเห็นว่ามีความคล่องตัวในการทำงานมากกว่า และมีเพื่อนอยู่หลายพรรคการเมือง เช่น พรรคประชาธิปัตย์ พรรคกล้า พรรคพลังประชารัฐ

ส่วนที่เข้าไปพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ นายสกลธี กล่าวว่า เป็นคนไปมาลาไหว้​ ซึ่งการไปลาเป็นเรื่องปกติ โดยได้ลากับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพล.ต.อ.อัศวิน เช่นกัน

“เข้าใจว่าเมืองไทยขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์การเมืองมานาน​ ​ ครั้งนี้อยากให้เลือกคนเข้าไปทำงานจริง​ ส่วนอุดมการณ์การเมืองในอดีต ​เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับตรงนั้น” นายสกลธี กล่าว

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า