ในวงการสงฆ์เมื่อ 27 ปีที่แล้ว มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เมื่อ ‘อดีตพระยันตระ’ พระรูปงาม เป็นที่นับถือ มีลูกศิษย์มากมายถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดสีกา นำไปสู่การเป็นคดีความ ในที่สุดต้องสึกและออกไปนอกประเทศ
วันที่ 22 ต.ค. 2564 เรื่องนี้กลับมาอีกครั้ง เพราะมีภาพของ นายวินัย ละอองสุวรรณ หรือ อดีตพระยันตระอมโรภิกขุ กำลังทำพิธีฉลองวันเกิดครบรอบ 70 ปี โดยมีพระสงฆ์และแม่ชีกำลังกราบไหว้ หลังภาพนี้เผยแพร่ออกไป มีผู้ออกมาแสดงความเห็นจำนวนมาก และบางส่วนก็ตั้งข้อสงสัยว่า พระสงฆ์สามารถกราบฆราวาสได้หรือไม่
ต่อมาวันที่ 21 ต.ค. 64 ที่สำนักสงฆ์เกพลิตาโพธิวิหาร ต.หนองบอน อ.เมือง จ.สระแก้ว อดีตพระยันตระ ได้แสดงธรรมให้กับลูกศิษย์ที่มีทั้งฆราวาสและพระภิกษุสงฆ์ ที่ร่วมฟังการแสดงธรรมมากกว่า 50 คน พร้อมให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า กลับมาประเทศไทยครั้งนี้ รู้สึกคิดถึงแผ่นดินเกิด คิดถึงญาติโยม โดยเฉพาะลูกศิษย์เก่าๆ ที่แยกย้ายไปอยู่ตามวัด หรือ สำนักต่างๆ หลายพื้นที่ จึงเดินทางมาพบปะกับลูกศิษย์ และจะเดินทางกลับสหรัฐอเมริกาวันที่ 27 ต.ค.นี้
ซึ่งตลอดเวลาที่พูดนั้น อดีตพระยันตระ แทนตัวเองว่า “อาตมา”
ร้อนถึง พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงกรณีนี้ว่า อดีตพระยันตระไม่ใช่กรณีแรกที่พระสงฆ์กราบไหว้ ในอดีตก็มี แต่การที่พระสงฆ์กราบไหว้ผู้ที่ไม่ใช่พระ แม้ว่าจะไม่ผิดพระธรรมวินัย แต่ถือว่าผิดธรรมเนียมจารีตประเพณี ซึ่งพระจะไม่ไหว้ผู้ที่ไม่ใช่พระสงฆ์ด้วยกัน ทางคณะสงฆ์ผู้ปกครองก็ควรเรียกพระสงฆ์ที่ไปก้มกราบมาตักเตือนติเตียนก็พอแล้ว เพื่อไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
“ต้องยอมรับว่าในอดีตที่ผ่านมา อดีตพระยันตระมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ถึงกับขนาดมีคนที่เตรียมของใส่บาตร รอวนใส่บาตรเป็นรอบที่สองที่สาม เพราะใครๆ ก็อยากเห็นอยากเจอตัวพระที่รูปหล่อ เสียงเพราะ พูดภาษาอังกฤษได้ จนวัดแทบแตก ซึ่งถ้าหากอดีตพระรูปนี้ยังครองผ้าเหลืองอยู่จะโด่งดังกว่า 2 พ.ส.แน่นอน” พระพยอม กล่าว
ย้อนก่อนเกิดเรื่อง นายวินัย เคยปฏิบัติตนเป็นฤาษี อุปสมบทที่วัดรัตนาราม อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2517 แทนตัวเองว่า พระยันตระ แปลว่า ผู้ไกลจากกิเลส ต่อมาถูกเปิดเผยว่า มีพฤติกรรมล่อลวงหญิงสาวและมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงบนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ โดยเฉพาะกับนางจันทิมา มายะรังษี ถึงขั้นพาเด็กหญิงมาแสดงตัว และหลักฐานอื่นๆ เช่นภาพถ่ายการใช้ชีวิตร่วมกัน สุดท้ายท้าให้ตรวจดีเอ็นเอ และยังมีข้อกล่าวหาอื่นๆ อาทิ สลิปบัตรเครดิตถูกนำไปใช้ในสถานบริการทางเพศในต่างประเทศ
ในที่สุดเกิดการฟ้องร้องเป็นคดีความหลายข้อหา เมื่อปี 2537 จนในที่สุดมหาเถรสมาคมมีมติให้พ้นจากความเป็นภิกษุ แต่อดีตพระยันตระไม่ยอมรับมติดังกล่าว พร้อมปฏิญาณตนว่ายังมีสถานะเป็นภิกษุอยู่ โดยเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว เวลานั้นมีการเรียกอดีตพระยันตระว่า “จิ้งเขียว” ก่อนที่จะมีข่าวว่าออกจากประเทศไทยไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาและได้รับสถานะผู้ลี้ภัยทางการเมือง และ 20 ปีต่อมา อดีตพระยันตระ กลับมาปรากฏตัวที่ไทยอีกครั้ง เมื่อคดีหมดอายุความ เมื่อเดือนเมษายนปี 2557 และกลับมามีการวิพากษ์วิจารณ์จากพฤติกรรมในวันนี้