‘เศรษฐา’ เผย ‘ยิ่งลักษณ์’ ยังไม่มีการประสานกลับไทย ส่วนปรับครม. ย้ำหลัก “ถูกฝาถูกตัว”

นายกฯ ‘เศรษฐา’ เผย ‘ยิ่งลักษณ์’ ยังไม่มีประสานกลับไทย หนุนให้กลับเข้ากระบวนการยุติธรรม ส่วนปรับครม. ย้ำหลัก “ถูกฝาถูกตัว”

จากกรณี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ เปิดเผยเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 67 ที่ จ.เชียงใหม่ หวังว่า สงกรานต์ปีหน้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี คงได้มีโอกาสมาทำบุญด้วยกัน เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยากกลับและตั้งใจจะกลับภายในปีนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะกลับเมื่อไหร่นั้น

วันเดียวกัน ทางด้าน ยิ่งลักษณ์ ได้โพสต์ภาพบนโซเชียลมีเดียส่วนตัว พร้อมระบุ สงกรานต์ปีนี้ไม่ได้อยู่ในไทย โดยไปร่วมงานสงกรานต์ที่ร้านของคนไทย ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

ขณะที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 67 ระหว่างอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในประเด็นการจะกลับประเทศไทยของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ว่า ยังไม่มีการประสานรัฐบาล พร้อมยืนยันหากจะกลับเข้ามา ต้องเป็นไปตามขั้นตอนเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นหรือคนที่ต้องโทษคดีการเมือง

“คนที่ต้องคดีการเมืองทุกคน ผมเชื่อว่าหลายท่านอยากกลับบ้านเกิดเมืองนอน ก็คงเป็นความประสงค์ ผมก็ถือว่าเป็นนิมิตรอันดี แต่ว่ายังไม่มีการประสานรัฐบาลมา แล้วผมเชื่อว่าทุกกระบวนการต้องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องมีขั้นตอนในการที่จะเข้ามา จริงๆ มันไม่ต้องประสานอะไร กระบวนการกฎหมายมีอยู่แล้ว ผมว่าไม่ได้เป็นอะไรซับซ้อน ทุกอย่างยึดตามข้อกฎหมายหมด” นายกฯ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการประสานมา ยืนยันใช่หรือไม่ว่าจะดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม เศรษฐา กล่าวว่า แน่นอน เป็นไปตามขั้นตอน เฉกเช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นหรือว่าคนอื่นที่ต้องคดีการเมือง เราก็อยากให้กลับมา เพราะว่ามันก็เป็นการที่เป็นนิมิตรหมายอันนี้ว่า ประเทศนี้เดินไปข้างหน้าได้

เมื่อถามว่า ในฐานะนายกฯ กังวลหรือไม่ที่นักโทษการเมืองจะกลับประเทศในช่วงนี้ เศรษฐา ระบุว่า ไม่มีความกังวล เช่นเคสซึ่งเริ่มจากคุณทักษิณ คุณจักรภพ (จักรภพ เพ็ญแข) และว่าจะมีอีกหลายท่าน ตนก็สนับสนุนและอยากให้กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เรายินดีต้อนรับกลับสู่แผ่นดินไทย

นอกจากนี้ เศรษฐา มองการเดินสายหรือหาข้อมูลด้วยการเดินทางไปในสถานที่ต่างๆ ของทักษิณ ถือเป็นเรื่องที่ดี ส่วนจะช่วยหรือไม่ช่วยรัฐบาล ตนมั่นใจในความตั้งใจดีของท่าน ท่านอายุขนาดนี้แล้ว วันนี้ก็กลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นบุคคลธรรมคนหนึ่งแล้ว ตนมั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท่านมีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้ดูอดีตนายกฯ ทักษิณแข็งแรงขึ้นมากแล้ว มีโอกาสจะลงพื้นที่ด้วยกันหรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุย แต่ว่าเรื่องของการลงพื้นที่ร่วมกัน ผมก็ไม่ได้ตัดโอกาสนี้ออกไป…”

เมื่อถามว่า การลงพื้นที่ของทักษิณ จะช่วยดึงคะแนนของพรรคเพื่อไทยเพิ่มขึ้นหรือไม่ เศรษฐา กล่าวตอนหนึ่งว่า คิดว่าตรงไปตรงมาไม่มีนัยยะการเมืองเลย ถ้าท่านลงไปแล้วมีข้อคิดเห็นที่ดีแล้วรัฐบาลสามารถปฏิบัติได้ช่วยเหลือประชาชนได้ ตนมั่นใจว่าจะคะแนนของรัฐบาลด้วย และมั่นใจว่าคุณทักษิณ คงไม่ลงไปเฉพาะจังหวัดที่มี สส. ของพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับอดีตนายกฯ คนอื่นที่ยังแข็งแรง

ส่วนการปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับครม.) ซึ่งมีกระแสข่าวสะพัดขึ้นมาอีกครั้งในช่วงนี้ เศรษฐา ย้ำว่า ถ้าจะมีการปรับต้องคุยหลายภาคส่วน ตนต้องคุยกับเลขาธิการนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะไปดูกระทรวงกลาโหมเอง เศรษฐา กล่าวว่า ทุกตัวเลือกมีความเป็นไปได้หมด ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง เอาการทำงานของคนถูกฝาถูกตัวเป็นที่ตั้ง ตรงนี้มีความเป็นไปได้หมด ทั้งนี้ตนไม่ได้เจาะจงว่าเป็นกระทรวงไหน แต่พูดในหลักการคร่าวๆ ไม่ใช่แค่ตน รัฐมนตรีคนอื่นด้วย ก็ต้องดูให้ถูกคน และรับฟังทุกข้อคิดเห็น ตนจะนำมาพิจารณาทั้งหมด ถ้าเกิดจะมีการปรับครม.

“การปรับเปลี่ยนอะไรมันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับพรุ่งนี้ มะรืนนี้ แต่ถ้าเกิดมีการปรับเนี่ยก็ต้องชัดเจนว่าเหมาะสม ถูกต้องถูกเวลา แต่อาจจะมีหลายๆ ท่านเอง ซึ่งก็อาจยังต้องพิสูจน์ตัวเอง หรือว่ายังต้องการเวลาเป็นตัวทำงานอยู่ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ถ้าเกิดจะมีการปรับ ก็คงต้องปรับไปเรื่อยๆ คงไม่ใช่ปรับครั้งสุดท้าย” นายกฯ

เศรษฐา กล่าวด้วยว่า ไม่ได้บอกว่าจะมีการปรับ สื่อพูดกันเอง ส่วนแรงกระเพื่อม ตนไม่แน่ใจ ตนเอาปัญหาของประชาชน การทำงานเป็นตัวตั้ง เชื่อว่าทุกท่านจะเข้าใจถ้ามีการปรับเกิดขึ้น ปรับออกไปแล้ว ก็สามารถปรับเข้ามาใหม่ได้ มันแล้วแต่วาระของแต่ละเหตุการณ์ในปัจจุบัน ไม่ใช่เป็นอะไรที่จบแล้วจบเลย ในอดีตก็มีเกิดขึ้น ตรงนี้อย่าเพิ่งคิดอะไรมาก ถ้าเกิดขึ้นค่อยมาว่ากันดีกว่า พร้อมย้ำตนตอบเรื่องปรับ ครม. ไปมากแล้ว ถ้าจะปรับก็ไม่ใช่ 1-2 วันนี้ ถ้าเกิดพูดไปเรื่อยๆ ก็มีแรงกระเพื่อมไปเรื่อย เอาเป็นว่าถ้าจะปรับต้องปรับให้ถูกที่ถูกฝา และไม่ใช่แค่รัฐบาล รัฐสภาด้วยว่าเรามีความแข็งแกร่งแค่ไหน ต้องการคนช่วยเหลือตรงไหนบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าเอาความเดือดร้อนประชาชนเป็นที่ตั้ง