SHARE

คัดลอกแล้ว

‘รังสิมันต์’ เห็นแย้งกรณีศาลยกฟ้อง คดี ‘ทุน มินหลัต’ ยกคดี ‘วรวัฒน์’ เทียบเคียง พร้อมเปิดคลิปเสียง 5 คลิป แฉพฤติกรรมนักการเมืองรายหนึ่งไม่สุจริต

ที่อาคารรัฐสภา วันนี้ (18 มี.ค. 67) นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดแถลงข่าวกรณีที่เกี่ยวข้องกับคำพิพากษาของศาลอาญา ในคดีทุน มินหลัต นักธุรกิจชาวเมียนมา กับพวก ซึ่งเป็นการกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด การฟอกเงิน และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ตามที่ศาลอาญา ได้มีคำพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 67

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หลังจากที่ตนได้อ่านคำพิพากษาในคดีดังกล่าวแล้ว มองว่าคำพิพากษาของศาลจะมีผลต่อบรรทัดฐานทางกฎหมายของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นได้ 5 ประเด็นหลักที่ศาลใช้ในการยกฟ้องและตนมีความเห็นแย้ง อาทิ เรื่องบัญชีม้า ในความเป็นจริงบัญชีม้า 1 บัญชีอาจจะถูกใช้ในหลายเครือข่ายได้ การจะพิสูจน์เงินทุกบาททุกสตางค์จึงเป็นไปไม่ได้ และหากนำมาเปรียบเทียบกับคำพิพากษาคดีวรวัฒน์ ซึ่งมีพฤติการณ์คล้ายกัน ที่ศาลพบว่า มีการนำเงินที่ได้จากยาเสพติดไปแปรสภาพเป็นสินค้าส่งออกซึ่งเป็นการฟอกเงิน ศาลได้มีคำพิพากษาประหารชีวิต

ส่วนกรณีที่ศาลเห็นว่าการไม่ยื่นภาษีอย่างถูกต้องของเครือข่ายทุน มินหลัต เป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนั้น ตนเห็นว่า ในความเป็นจริงเรื่องนี้มีความสัมพันธ์ในแง่การบันทึกรายรับและรายได้ในงบการเงินให้ถูกต้อง เพื่อยื่นแบบรายการที่เสียภาษี ซึ่งเป็นการยืนยันถึงเจตนาที่สุจริต ขณะที่ คดีของวรวัฒน์ ก่อนหน้านี้ ศาลก็ยืนยันในหลักการเดียวกันว่า การชำระภาษีนั้นเป็นสิ่งที่สามารถนำมาใช้ยืนยันความสุจริตของตนเองได้ จึงเป็นพิรุธข้อสงสัยในคดีทุน มินหลัต

นายรังสิมันต์ มองว่า การที่ศาลชี้ว่าหลักฐานของตำรวจไม่น่าเชื่อถือ เนื่องจากตำรวจไม่ฟ้องเครือข่ายยาเสพติดมาพร้อมกัน ซึ่งในความเป็นจริงเครือข่ายยาเสพติดนั้น จะปกปิดตัวตนไม่ให้คนในเครือข่ายรู้เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ร่วมกระบวนการสามารถซัดทอดมายังตนเองได้เมื่อถูกจับกุม จึงมีความเป็นไปไม่ได้เลยที่ขบวนการเหล่านี้จะรู้จักกัน ซึ่งเรื่องนี้ถูกรับรองเอาไว้ในคดีของวรวัฒน์ ที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วว่ากระบวนการยาเสพติดรายใหญ่ไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน เพราะกระบวนการเหล่านี้มีการวางแผนทำความผิดที่ซับซ้อน จึงตั้งข้อสังเกตว่า คดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดและการฟอกเงินควรจะมีบรรทัดฐานอย่างไร เนื่องจากหากจะยึดบรรทัดฐานเดียวกันกับคดีทุน มินหลัต แล้วคดีวรวัฒน์ที่ถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตไปแล้ว ก็ไม่ควรถูกตัดสินแบบนี้ เนื่องจากเป็นความผิดที่คล้ายกัน

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า คำพิพากษาของศาลที่ชี้ให้เห็นว่าการทำธุรกิจของ เครือข่ายบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด ที่ทำทั้งในประเทศไทยและประเทศเมียนมา จะพบว่านายอุปกิต ปาจารียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (สว.) มีการมอบอำนาจให้นายดีน ยัง จุลธุระ ลูกเขยให้ถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับสัมปทานจากรัฐแทนตน ในช่วงเวลาที่ตนดำรงตำแหน่ง สว. จึงหมายความว่า ในขณะที่นายอุปกิต เป็น สว. ยังคงมีสถานะเป็นเจ้าของกิจการในเครือบริษัท อัลลัวร์อยู่ทั้งหมดใช่หรือไม่ และอาจเท่ากับว่าเป็นการยื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ

ซึ่งเรื่องนี้ตนได้ยื่นต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 23 ก.พ. 66 ในข้อหา จงใจยื่นรายการบัญชีทรัพย์สินเท็จ ตามมาตรา 167 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทุจริต แต่ยังไม่มีความคืบหน้า โดยขอให้ตรวจสอบในฐานะที่ สว. เป็นเจ้าพนักงานของรัฐมีพฤติการณ์ที่อาจจะฝ่าฝืนต่อมาตรฐานจริยธรรม ตามมาตรา 28 อนุ 1 ด้วย พร้อมระบุว่า การที่นายอุปกิตทำแบบนี้ ศาลยังชี้ว่าทำไปเพราะมีจุดประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฎหมายเรื่องการทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 184 อนุ 2 ที่กำหนดไว้ว่า สว. ต้องไม่เข้าเป็นคู่สัญญากับรัฐวิสาหกิจ ในลักษณะเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเป็นคู่สัญญาไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งตนจะดำเนินการเอาเรื่องนี้ไปยื่นเพิ่มเติมต่อ ป.ป.ช. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยตนจะนำคำพิพากษาตัวเต็มของคดีทุน มินหลัต ไปยื่นประกอบด้วย

นอกจากนี้ นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงพฤติกรรมไม่สุจริตของนักการเมืองชาวไทยรายหนึ่ง พร้อมเปิดเผยคลิปเสียง จำนวน 5 คลิป และตั้งข้อสังเกตว่า คลิปเสียงนี้สะท้อนถึงการใช้เครือข่ายที่มีในการอยู่เหนือกฎหมาย หวังว่ากรณีนี้จะนำไปสู่การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของไทยในทางที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อไม่ให้กฎหมายใช้กับประชาชนทั่วไปเท่านั้น พร้อมฝากถึงคนที่ถูกอ้างถึงในคลิปเสียง ซึ่งตนไม่ทราบว่าหมายถึงใครบ้าง หวังว่าพวกท่านจะไม่ทำสิ่งที่เลวร้ายให้กับประเทศชาติไปมากกว่านี้เลย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลยกฟ้อง ทุน มินหลัด-ลูกเขย สว.อุปกิต คดีสมคบค้ายาเสพติด

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า