Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เวลาพูดถึงมหาเศรษฐกิจโลก หลายคนอาจจะคิดถึงนักธุรกิจอเมริกันอย่าง ‘อีลอน มัสก์’ (Elon Musk) ‘เจฟฟ์ เบโซส์’ (Jeff Bezos) หรือ ‘เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์’ (Bernard Arnault)

แต่น้อยคนที่จะนึกถึง หรือแม้แต่เคยได้ยินชื่อของ ‘ตระกูลรอธส์ไชลด์’ (Rothschild Family) หนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่ถูกขนานนามว่า เป็นผู้คุมบังเหียนของเศรษฐกิจโลก

TODAY Bizview ชวนทุกคนไปทำความรู้จักกับตระกูล Rothschild ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ร่ำรวยขนาดไหน แล้ววันนี้สมาชิกในตระกูลกำลังทำธุรกิจอะไรอยู่

[ Rothschild กับความรวยที่ไม่สิ้นสุด ]

‘ตระกูลรอธส์ไชลด์’ ถือเป็นหนึ่งในตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก โด่งดังจากการเป็นผู้วางรากฐานระบบการเงินในยุโรป รวยขนาดที่สามารถปล่อยกู้กษัตริย์ สมาชิกราชวงศ์ ไปจนถึงรัฐบาลประเทศต่างๆ ได้

อย่างไรก็ตาม ตระกูลนี้ไม่เคยเปิดเผยมูลค่าทรัพย์สินที่มีทั้งหมด นั่นเป็นสาเหตุว่า ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นชื่อของคนในตระกูล Rothschild ติดทำเนียบการจัดอันดับเศรษฐีโลกขององค์กรใดๆ เลย

ถึงอย่างนั้น ก็มีสื่อต่างประเทศและองค์กรไม่แสวงหากำไรหลายแห่งพยายามรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นกำไรจากการลงทุนและกำไรจากการทำธุรกิจต่างๆ ของคนในตระกูล ซึ่งก็ได้ตัวเลขคาดการณ์หลวมๆ ว่า

Rothschild Family น่าจะมี ‘ความมั่งคั่งสุทธิ’ (Net Worth) ประมาณ 350,000-2,000,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 10-60 ล้านล้านบาท) มากกว่า Elon Musk มหาเศรษฐกิจโลกคนปัจจุบันเกือบ 10 เท่า

แต่ด้วยข้อมูลที่ไม่ชัดเจน ประกอบกับธุรกิจของ Rothschild ที่ทำสารพัดสิ่ง ตั้งแต่สถาบันการเงิน อสังหาริมทรัพย์ เหมือง พลังงาน ฟาร์ม ยันน้ำจิ้มไก่ แถมใกล้ชิดกับกลุ่มอีลิท

ทำให้มีการคาดการณ์ว่า มูลค่าทรัพย์สินจริง น่าจะมากกว่าตัวเลขที่ถูกประเมินไว้ หรือที่จริงแล้ว ความร่ำรวยของ Rothschild อาจไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ เพราะเป็นความร่ำรวยต่อเนื่องหลายชั่วอายุคน เป็นความร่ำรวยแบบไม่มีจุดสิ้นสุด รวยไม่จบไม่สิ้น

[ จุดเปลี่ยนของตระกูล Rothschild ]

ตระกูล Rothschild เป็นชาวยิวอพยพที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเยอรมนี ซึ่งจุดเปลี่ยนของตระกูลนี้อยู่ในปี ค.ศ. 1744 (พ.ศ. 2287) ซึ่งเป็นปีเกิดของ ‘ไมเออร์ อัมส์เชล รอธส์ไชลด์’ (Mayer Amschel Rothschild)

พ่อของอัมส์เชลทำธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยเป็นผู้จัดหาเหรียญสะสมส่วนตัวให้เจ้าชายแห่งเฮสส์ (Prince of Hesse) ส่วนอัมส์เชลมีโอกาสฝึกงานธนาคารตอนอายุ 13 ทำให้มีความรู้เรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราและการค้าระหว่างประเทศ

ในปี 1769 (2312) เขาได้รับการแต่งตั้งเป็น Court Agent ผู้ดูแลการเงินให้กับ ‘อิเล็กเตอร์แห่งเฮสส์-คาสเซิล’ (Elector of Hesse-Cassel) หรือ ‘วิลเฮล์มที่ 9, เจ้าผู้ครองรัฐแห่งเฮสส์-คาสเซิล’ (Wilhelm IX, Landgrave of Hesse-Kassel) ในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นไม่นาน อัมส์เชลก็ได้ตั้ง ‘ธนาคารแห่งรอธส์ไชลด์’ (House of Rothschild) ขึ้นมาให้บริการ ก่อนจะขยายกิจการไปทั่วยุโรปผ่านลูกชายทั้ง 5 คน โดยเน้นให้บริการในเมืองใหญ่ ได้แก่ ลอนดอน ปารีส ฟรังค์ฟวร์ท เวียนนา และนาโปลี

รายชื่อเจ้าหนี้รายใหญ่ที่ Rothschild เคยปล่อยกู้

  • รัฐบาลอังกฤษ – ปล่อยกู้ให้ทำสงครามนโปเลียน
  • รัฐบาลอังกฤษ – ปล่อยกู้ให้ขุดคลองสุเอซ
  • รัฐบาลสหรัฐ – ปล่อยกู้ทองคำในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ
  • รัฐบาลบราซิล – ปล่อยกู้ให้ซื้อเอกราชจากรัฐบาลโปรตุเกส
  • รัฐบาลญี่ปุ่น – ปล่อยกู้ให้ทำสงครามกับรัสเซีย

นอกจากธุรกิจธนาคารแล้ว กลุ่ม Rothschild เริ่มขยายอาณาจักรไปยังธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเหมือง ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจไวน์ จนกลายเป็นตระกูลร่ำรวยและมีอิทธิพลของยุโรปในยุคนั้น

[ วีกรรมสุดแสบของบ้าน Rothschild ]

‘ยุทธการวอเตอร์ลู’ (Battle of Waterloo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามนโปเลียน ที่หมู่บ้าน Waterloo ของเบลเยียม เป็นศึกที่กองทัพฝรั่งเศสพ่ายแพ้ให้กับกองทัพอังกฤษ

ฟังดูก็น่าจะเป็นผลบวกต่อ Rothschild ที่ปล่อยกู้ให้รัฐบาลอังกฤษ แต่ ‘นาธาน ไมเออร์ รอธส์ไชลด์’ (Nathan Mayer Rothschild) ลูกชายคนที่ 3 เจ้าของธนาคาร Rothschild ในอังกฤษ เป็นคนฉลาด (แกมโกง) กว่านั้น

นาธานที่รู้ข่าวการชนะก่อนใคร ดันขายเทขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาเป็นจำนวนมาก ทำให้ตลาดเข้าใจผิดว่า กองทัพอังกฤษเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ให้กับสงคราม Waterloo จึงพากันเทขายหุ้นออกมาจนทำให้ราคาหุ้นตกต่ำกันทั้งตลาด

นาธานใช้โอกาสนี้ช้อนซื้อหุ้นราคาถูกเพื่อเก็งกำไรปัจจัยบวกที่กองทัพอังกฤษเป็นฝ่ายชนะในสงคราม ซึ่งการหลอกนักลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้นาธานได้กำไรกว่า 40% ของเงินที่จ่ายไปทั้งหมด

[ Rothschild ผู้อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง ]

นอกจากความร่ำรวยที่ดึงดูดให้คนสนใจเรื่องของตระกูล Rothschild แล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน คือ ทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า Rothschild Family เป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สำคัญของโลก

เช่น Rothschild สามารถเปลี่ยนบทสรุปของสงครามได้ Rothschild เป็น 1 ใน 8 ตระกูลที่อยู่เบื้องหลัง 8 บริษัทเอกชนที่ก่อตั้งธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) Rothschild ร่วมมือกับ ‘จอร์จ โซรอส’ (George Soros) พ่อมดการเงิน ในการโจมตีค่าเงินบาท และนำมาสู่วิกฤตต้มยำกุ้ง

นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อเกินจริงต่างๆ เช่นว่า ตระกูล Rothschild เป็นหนึ่งในสมาชิกองค์กรลับ ‘อิลลูมินาติ’ (Illuminati) หรือแม้กระทั่งเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ‘บิตคอยน์’ (Bitcoin) โดยเชื่อว่า ‘ซาโตชิ นากาโมโตะ’ (Satoshi Nakamoto) ผู้ก่อตั้ง Bitcoin แท้จริงแล้วเป็นคนของตระกูล Rothschild

หนักสุดคือทฤษฎีสมคบคิดที่ว่า Rothschild Family สามารถควบคุมสภาพอากาศโลกได้

อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีสมคบคิดที่เกี่ยวกับตระกูล Rothschild เป็นเพียงเรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้นมาในอดีตโดยกลุ่มต่อต้านยิว (Antisemitism) เท่านั้น เพื่อสร้างความชอบธรรมในการกำจัดชาวยิวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่ที่ทฤษฎีสมคบคิดว่าด้วย Rothschilf Family ยังไม่หายไปไหน และยังได้รับความนิยมจนถึงตอนนี้ คาดว่ามาจากความลึกลับของคนในตระกูลที่ไม่ค่อยแพร่งพรายเรื่องส่วนตัว หลีกเลี่ยงการเป็นที่จับจ้องของสื่อ ยิ่งทำให้คนอยากขุดคุ้ยเรื่องราวส่วนตัว และจินตนาการถึงความเป็นไปได้ต่างๆ เอง

[ สำรวจคนในตระกูล Rothschild วันนี้ ]

ปัจจุบันตระกูล Rothschild ไม่ได้รวมศูนย์กันเฉพาะในยุโรปเหมือนอย่างช่วงยุคกลาง เทายาทหลายคนก็กระจัดกระจายไปตามทางของตัวเอง บางคนก็แยกตัวเป็นเอกเทศ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูล

โดยคาดว่าทายาทสายตรงของตระกูลตอนนี้ เหลือเพียง 2 สายเท่านั้น คือ ตระกูล Rothschild ในอังกฤษ และตระกูล Rothschild ในฝรั่งเศส

สำหรับสมาชิกในตระกูลที่โดดเด่น เช่น ‘เดวิด ไมเออร์ เดอ รอธไชลด์’ (David Mayer de Rothschild) มหาเศรษฐีและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหนุ่ม ‘ฮันนาห์ แมรี่ รอธไชลด์’ (Hannah Mary Rothschild) นักเขียน นักธุรกิจ ผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีชาวอังกฤษ

นอกจากนี้ ยังมี ‘นาธาเนียล ฟิลิป รอธไชลด์’ (Nathaniel Philip Rothschild) ผู่ร่วมก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ยักษ์ Atticus Capital ที่ปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การดูแลสูงถึง 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 650,000 ล้านบาท)

อีกหนึ่งคนที่เพิ่งเป็นข่าวคือ ‘เจมส์ รอธไชลด์’ (James Rothschild) ซึ่งแต่งงานกับ ‘นิคกี้ ฮิลตัน’ (Nicky Hilton) น้องสาวของ ‘แพรีส ฮิลตัน’ (Paris Hilton) ในปี 2558

นอกจากนี้ กลุ่ม Rothschild ยังมีการลงทุนในหุ้นของบริษัทระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Tesla, Toyota, Meta (Facebook), Apple, Amazon, Visa, Walmart, Starbuck, Bloomberg, JPMorgan Chase, Bank of Amerca, PepsiCo, Johnson & Johnson และ Pfizer ฯลฯ ผ่านกองทุนของตระกูล

สำหรับธุรกิจอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงของตระกูล Rothschild เช่น ‘ชาโต มูตง รอธส์ไชลด์’ (Château Mouton Rothschild) เจ้าของไวน์ราคาแพง และไร่องุ่นหลายแห่งในฝรั่งเศส อิตาลี อเมริกาใต้ แอฟริกาใต้ และออสเตรเลีย

นอกจากนี้ กลุ่ม Rothschild ยังเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ‘ดิอีโคโนมิสต์’ (The Economist) สื่อวิเคราะห์เศรษฐกิจระดับโลกอีกด้วย

[ บทเรียนที่ได้จาก Rothschild ]

หลังจากที่ทำความรู้จักกับตระกูล Rothschild ไปแล้ว หลายคนก็อยากจะลองรวยล้นฟ้าแบบกลุ่ม Rothschild ดูบ้าง ซึ่งก็มีคนรวบรวมบทเรียนที่ได้จากความสำเร็จของ Rothschild ออกมาเป็น 8 ข้อ คือ

1. เริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ: ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 200 ปีก่อน ครอบครัว Rothschild เป็นเพียงครอบครัวชาวยิวที่ทำธุรกิจปล่อยกู้ให้คนในชุมชนรายเล็กๆ เท่านั้น

2. ต้องมีมิชชั่นในใจ: ช่วงที่อัมส์เชลเริ่มทำธุรกิจธนาคาร เขามีเป้าหมายในใจว่า ธนาคารของเขาจะต้องเติบโตไปเป็นศูนย์กลางทางการเงินของโลก

3. ความทะเยอทะยาน: ต้นตระกูล Rothcshild ในเยอรมนี เป็นคนที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตระกูล Rothschild ประสบความสำเร็จและขึ้นมามีอำนาจอย่างทุกวันนี้

4. โฟกัสกับสิ่งที่ทำ: ถึงจะทำสารพัดธุรกิจ แต่ตระกูล Rothschild ไม่เคยหลุดโฟกัสจากธุรกิจเรือธงของตัวเองอย่าง ‘ธุรกิจการเงินและการธนาคาร’

5. สร้างแบรนด์ให้ชัด: เวลาที่คนพูดถึง Rothschild ก็จะนึกถึงการเงินและการธนาคาร ถึงขั้นที่มีสถาบันการเงินบางแห่งนำชื่อ Rothschild ไปใช้ เพื่อให้ดูมีความน่าเชื่อถือ

6. เคารพในคุณค่าของตัวเอง: ลูกหลานของตระกูล Rothschild ต่างปฏิบัติตามประเพณีดั้งเดิมของครอบครัว เคารพและรักษาคุณค่าของแบรนด์ Rothschild เอาไว้

7. ความเป็นผู้นำในแบบของตัวเอง: Rothschild มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกับตระกูลอื่นๆ พวกเขามอบหมายหน้าที่ให้กับลูกๆ ตามจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละคน เช่น ลูกชายที่มีความแข็งแกร่ง มีความทะเยอทะยานสูง ก็จะให้ไปรับมือกับธุรกิจที่ยากๆ ส่วนลูกที่ไม่ค่อยทะเยอทะยาน ก็จะเลือกส่งไปในที่ๆ มีการแข่งขันน้อย เป็นต้น

8. วางแผนระยะยาว: ตระกูล Rothschild แต่ละรุ่น เดินตามแผนระยะยาวของครอบครัว คือ การทำทุกอย่างเพื่อไปสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางทางการเงินโลก

ความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน มองว่าความแข็งแกร่งของ Rothschild นอกจากความใกล้ชิดกับคนชนชั้นสูงแล้ว คือความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของครอบครัว การทำงานกันเป็นทีม เพื่อขยายความเป็น Rothschild ไปในทุกพื้นที่ของโลก

ที่มา:

  • www.rothschildarchive.org/
  • family.rothschildarchive.org/people/21-mayer-amschel-rothschild-1744-1812
  • www.thaibma.or.th/EN/Investors/Individual/Blog/2017/07062017.aspx
  • www.investopedia.com/updates/history-rothschild-family/
  • www.forbes.com.au/news/experts/are-family-offices-only-for-the-wealthy/
  • www.celebritynetworth.com/richest-businessmen/rothschild-family-net-worth/
  • cointelegraph.com/news/rothschild-investment-corp-not-affiliated-with-the-rothschild-family-nyt
  • www.nytimes.com/1995/01/15/business/wall-street-playing-games-with-names.html
  • www.rothschildinv.com/firm-history/
  • caknowledge.com/rothschild-net-worth-family-forbes/#Rothschild_Family_Stock_Portfolio_Investments
  • www.washingtonpost.com/podcasts/retropod/how-the-antisemitic-conspiracy-theories-about-the-rothschilds-began-1/
  • fintel.io/i/rothschild-investment-corp-il
  • www.rothschildandco.com/siteassets/publications/rothschild_and_co/2022/half_year_results/en_randco_2022_hy_fr.pdf
  • www.ritcap.com/sites/default/files/RIT%20Half-Yearly%20Report%202022.pdf

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า