ประกันสังคมยันมีเงินพอจ่ายผู้รับผลกระทบ แต่นายจ้างไม่รับรองจ่ายไม่ได้

วันที่ 4 พ.ค.ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จากกองทุนประกันสังคมว่า ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.-2 พ.ค. มีผู้ประกันตนมายื่นขอใช้สิทธิ์ประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากเหตุสุดวิสัยทั้งสิ้น 1,177,841 ราย ตัดผู้ยื่นซ้ำหรือไม่ใช่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 คงเหลือผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งสิ้น 958,304 ราย

เริ่มจ่ายให้ผู้ที่มีสิทธิ์ หลังวันที่กฎหมายบังคับใช้ 17 เม.ย. โดยเริ่มจ่าย 20 เม.ย.-2 พ.ค. แล้ว 455,717 ราย คิดเป็นเงิน 2,354 ล้านบาท คงเหลือกำลังดำเนินการอีก 207,895 ราย เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรัดให้โดยมีการเพิ่มอัตรากำลังและทำงานล่วงเวลา รวมทั้งทำงานในวันหยุด

ส่วนอีก 294,692 รายยังรอการรับรองสิทธิจากนายจ้าง ซึ่งการที่สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินได้นั้น จะต้องมีการยื่นขอใช้สิทธิ์ 2 ทาง คือ ผู้ประกันตนที่ขอใช้สิทธิกับนายจ้างที่จะต้องรับรองสิทธิให้ลูกจ้าง จึงขอให้นายจ้างช่วยรับรองสิทธิให้กับผู้ประกันตนด้วย โดย รมว.แรงงาน ได้สั่งระดมเจ้าหน้าที่กระทรวงประสานนายจ้างประมาณ 50,000 รายแล้ว

และนอกจากจำนวนนี้แล้วยังมีผู้ทยอยยื่นว่างงานเฉลี่ย 30,000 คนต่อวัน

ด้าน นางพิศมัย นิธิไพบูลย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า มีกรณีที่พบปัญหาคือ นายจ้างยังประกอบกิจการอยู่แต่ลูกจ้างยื่นเข้ามา กรณีนี้ไม่สามารถรับเงินเยียวยาได้ เพราะยังมีการประกอบกิจการ ลูกจ้างยังได้รับค่าจ้างอยู่

อีกกรณีหนึ่ง นายจ้างมีการหยุดงานจริงแต่ยื่นขอใช้มาตรา 75 ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน คือ มีการจ่ายเงินให้กับลูกจ้างร้อยละ 75 เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน ซึ่งสำนักงานประกันสังคมถือว่า เงินตรงนั้นเป็นค่าจ้างที่จะต้องนำส่งสำนักงานประกันสังคม ลูกจ้างก็จะไม่ได้ใช้สิทธิเยียวยาของสำนักประกันสังคม กรณีนี้ สำนักงานประกันสังคมจะนำข้อมูลทั้งหมดมาหักออกจากจำนวนลูกจ้างที่ให้นายจ้างยื่นรับรอง เพื่อจะได้เหลือจำนวนนำไปบริหารต่อให้น้อยที่สุดเพื่อจะได้เร่งจ่ายเงินเยียวยา

ส่วนกรณีที่มีการยื่นเข้ามาแล้วเงินเดือนเท่ากันแต่ได้รับเงินไม่เท่ากันว่า เนื่องจากการวินิจฉัยจ่ายเงินมีการยื่นว่างงานเข้ามาตั้งแต่ช่วงแรกที่มีเหตุสุดวิสัย แต่กฎกระทรวงของประกันสังคมบังคับใช้วันที่ 17 เม.ย. ดังนั้น เรื่องที่ยื่นเข้ามาก่อนได้นำมาวินิจฉัยให้ก่อน ซึ่ง ณ วันวินิจฉัยเราจะตัดจ่ายเงินให้ลูกจ้างรายนั้นไปก่อน จำนวนที่ได้รับซึ่งคำนวณตามวันจึงไม่เท่ากัน ซึ่งในครั้งถัดไปจะมีการประมวลผลจ่ายเงินให้พร้อมกันในเดือนถัดไป เพราะฉะนั้นเมื่อนำมารวมกันแล้วก็จะได้รับเงินเท่ากัน พอเดือนที่ 3 ที่ครบ 90 วัน ซึ่งตัดจ่ายให้อีกครั้งเป็นครั้งสุดท้ายจะได้รับเงินเท่ากัน

ผู้ตรวจราชการกรม ยังกล่าวถึงกรณีการคำนวณเงินสมทบที่ต้องคำนวณเป็นรายวันว่า เนื่องจากว่าเงินสมทบที่นำมาคำนวณสิทธิประโยชน์ให้ใช้ฐานค่าจ้างสูงสุดที่ผู้ประกันตนนำส่งเข้ามา นำมารวมกัน 3 เดือนภายใน 15 เดือน หากค่าจ้างไม่เท่ากัน จะนำมารวมกันแล้วหาร 90 วัน เป็นค่าจ้างต่อวัน เป็นค่าจ้างเฉลี่ย 3 เดือนสูงสุดและนำไปคูณจำนวน 90 วันที่ได้รับสิทธิ ลูกจ้างที่เงินเดือน 15,000 บาท เท่ากันทุกเดือนสามารถหารออกมาเท่ากันได้ แต่บางคนได้รับค่าครองชีพหรือเงินอื่นๆ ที่ถือเป็นเงินค่าจ้างนำส่งเข้ามาด้วย จึงจะดูแต่ฐานเงินเดือนอย่างเดียวไม่ได้

ขณะที่กลุ่มที่รอนายจ้างยืนยัน จะได้รับเงินหลังจากสำนักงานฯ ได้รับแจ้งจากหน่วยปฏิบัติจังหวัดและสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ รวมถึงพื้นที่กรุงเทพมหานคร จะมีการนำจำนวนนายจ้างที่รับรองเหล่านั้นนำมาบริหารจัดการวินิจฉัยจ่ายเงินให้โดยเร็ว

เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวเพิ่มเติมถึงสิทธิในการรักษาพยาบาลว่า สำนักงานประกันสังคมดูแลผู้ป่วยจากโควิด-19 เทียบเท่ากันกับกองทุนข้าราชการหรือกองทุน สปสช. อย่างเต็มที่ โดยกดำเนินการตามระเบียบในการเยียวยารักษาผู้ประกันตนที่ได้รับผลกระทบจากการเจ็บป่วย ขอย้ำว่าเงินประกันสังคมเกิดจาก 3 ฝ่าย คือ นายจ้าง ลูกจ้าง และรัฐบาล จ่ายตามหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดบัญญัติ เพราะเป็นสิทธิประโยชน์ที่จะต้องดูแลพี่น้องประกันผู้ประกันตนขอย้ำให้มั่นใจว่าสำนักงานประกันสังคมมีเงินเพียงพอและอยู่ในสถานะที่มั่นคง

ประกันสังคมยันมีเงินพอจ่ายผู้รับผลกระทบ แต่นายจ้างไม่รับรองจ่ายไม่ได้

podcast

Spotify

Podbean

Youtube

Apple Podcasts