Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

หากพูดถึงเศรษฐีบ่อน้ำมัน หลายๆ คนคงนึกถึงกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยเฉพาะกับ ‘ซาอุดีอาระเบีย’ ที่มีบริษัทน้ำมันมูลค่ามากที่สุดในโลกอย่าง ‘Saudi Aramco’ อยู่ แล้วถ้าถามว่า Saudi Aramco ใหญ่แค่ไหน เปรียบเทียบให้เห็นง่ายๆ คือเป็นบริษัทน้ำมันที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 ของโลก ขณะที่ ปตท. ของประเทศไทยมีมูลค่าบริษัทน้ำมันอยู่ที่อันดับ 52 ของโลก 

‘Saudi Aramco’ ถือเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบีย ที่เป็นธุรกิจของราชวงศ์ซาอุฯ และยังเป็นบริษัทที่สร้างรายได้หลักในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยตอนนี้กำลังวางแผนที่จะทำให้บริษัทน้ำมันแห่งนี้ขึ้นเป็นบริษัทระดับโลกอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ แม้ว่าตอนนี้ในอีกขาหนึ่งซาอุฯ ก็กำลังเดินหน้าแผน Saudi Vision 2030 เพื่อสร้างประเทศให้เจริญเติบโตโดยลดการพึ่งพิงน้ำมันด้วย

แล้วเรื่องราวนี้เป็นอย่างไร  TODAY Bizview จะสรุปให้เข้าใจง่ายผ่านบทความนี้

[ ‘ซาอุดีอาระเบีย’ ประเทศที่สิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการเป็นเศรษฐีบ่อน้ำมัน ]

ก่อนอื่นเรามารู้จักลักษณะภูมิประเทศของซาอุดีอาระเบียกันสักเล็กน้อย 

‘ซาอุดีอาระเบีย’ ตั้งอยู่บนแอ่งตะกอนขนาดใหญ่สองแห่งคือแอ่งเปอร์เซียและแอ่งอาหรับ แอ่งเหล่านี้เคยเป็นทะเลมาก่อนจึงประกอบไปด้วยตะกอนอินทรีย์ที่สะสมอยู่ใต้พื้นผิวโลก ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปถูกความร้อนและแรงดันเปลี่ยนสภาพเป็นน้ำมัน ประเทศแห่งนี้จึงกลายเป็นประเทศที่มีขุมทรัพย์น้ำมัน

[ Saudi Aramco บริษัทน้ำมันรายใหญ่สุดในโลก กลั่นน้ำมันได้มาก แต่ทำลายสิ่งแวดล้อมน้อยจริงหรือ?​ ]

มาต่อกันที่ ‘Saudi Aramco’ บริษัทน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลก ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 หรือ 91 ปีก่อน โดยมีจุดเริ่มต้นจากสัมปทานระหว่างรัฐบาลซาอุดีอาระเบียและ Standard Oil Company of California (SOCAL) เพื่อสำรวจและขุดเจาะประเทศแห่งทะเลทรายนี้ จนกระทั่งพบว่า ‘ซาอุดีอาระเบีย’ สามารถเป็นเศรษฐีบ่อน้ำมันได้สบายๆ 

หรือถ้าพูดให้เห็นภาพชัดๆ คือ Saudi Aramco สามารถผลิตน้ำมันได้ 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็นการผลิตเทียบเท่า 1 ใน 10 ของบริษัทน้ำมันโลกทั้งหมด อีกทั้งยังมีกำลังการมากกว่าบริษัทอื่นๆ อีกด้วย

นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา Saudi Aramco มีกำไรอยู่ที่ 8.4 ล้านล้านบาท ขณะที่มูลค่าบริษัท ณ ปัจจุบันอยู่ที่ 66 ล้านล้านบาทและเป็นบริษัทที่มูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับที่ 6 ของโลก 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Saudi Aramco จะมีกำลังการผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก แต่การผลิตน้ำมันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ทาง Saudi Aramco ออกมา ‘เคลมตัวเอง’ ว่าสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตน้ำมันน้อยกว่าของคู่แข่ง ทำให้บริษัทค่อยๆ เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในตลาดน้ำมันโลก

นอกจากนี้ ‘มูฮัมหมัด บิน ซัลมราน’ มกุฎราชกุมารและผู้ปกครองโดยพฤตินัยของซาอุดีอาระเบียหนึ่งในหุ้นส่วนหลักของบริษัท ตั้งเป้าหมายให้ Saudi Aramco จะต้องเป็นบริษัทน้ำมันที่มีราคาไม่แพง ยั่งยืน และรักสิ่งแวดล้อมได้มากกว่าคู่แข่ง เพราะเรื่องนี้จะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ของซาอุดีอาระเบียในฐานะประเทศที่ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก

[ Saudi Aramco กับ 3 เกมกลยุทธ์เข้ายึดส่วนแบ่งตลาดน้ำมันโลก ]

โดย 3 เกมกลยุทธ์ที่ Saudi Aramco วางแผนไว้เลยคือ

          • ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 เท่า จากเดิมที่ผลิตได้วันละ 9 ล้านบาร์เรลตั้งใจจะผลิตให้ได้วันละ 18 ล้านบาร์เรล ซึ่งในการผลิตน้ำมันจะต้องควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ น้อยลง สกัดน้ำมันได้สะอาดขึ้น โดยบริษัทวางแผนที่จะทุ่มเงินไปกับการพัฒนาการผลิตราวๆ 2.1 ล้านล้านบาทในการพัฒนาครั้งนี้
          • ขยายผลิตภัณฑ์กลุ่มไฮโดรคาร์บอน โดยไฮโดรคาร์บอนเป็นสารเคมีที่พบได้ในน้ำมันดิบ ซึ่งสามารถนำมาต่อยอดในการผลิตพลาสติก หรือสินค้าอื่นๆ ได้ และเดิมที Saudi Aramco เคยถือเป็นผู้นำในการส่งออกผลิตภัณฑ์กลุ่มไฮโดรคาร์บอน แต่ก็ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราวด้วยกฎหมาย แต่ทว่าในตอนนี้ Saudi Aramco เข้าถือหุ้น 70% ในบริษัท Sabic บริษัทปิโตรเคมีของซาอุดีอาระเบียเพื่อเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น 
          •  ลดการปล่อยคาร์บอน อย่างที่เราทราบกันดีว่าอุตสาหกรรมน้ำมันนั้นทำลายสิ่งแวดล้อมค่อนข้างสูง Saudi Aramco กำลังทุ่มงบให้กับบริษัทเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมทั้งในสหรัฐอเมริกาและเดนมาร์ก รวมถึงวิศวกรในเยอรมนีเพื่อจะคิดค้นนวัตกรรมพัฒนาให้บริษัทสามารถผลิตน้ำมันสะอาด ลดก๊าซคาร์บอนฯ ให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตาม 3 กลยุทธ์ Saudi Aramco ได้วางไว้นี้ใช้เงินลงทุนในการพัฒนาจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่ก็เพื่อเป้าหมายที่ว่าจะกลายเป็นบริษัทน้ำมันที่มีน้ำมันสะอาดที่สุดในโลก? และรักษ์สิ่งแวดล้อมได้มากกว่าคู่แข่ง?

หรือเรียกง่ายๆ ว่าบริษัทกำลังจะผันตัวให้มีภาพจำ ‘สีเขียวที่สุดเท่าที่จะเป็นได้’ และทั้ง 2 สิ่งนี้จะทำให้บริษัทกลายเป็นที่น่าสนใจในสายตาลงทุน โดยหวังว่าเมื่อเดินตามกลยุทธ์นี้แล้วบริษัทจะสามารถขยายและรักษาส่วนแบ่งตลาดน้ำมันไปได้เรื่อยๆ ในยุคที่โลกเริ่มปฏิเสธพลังงานฟอสซิลมากขึ้นนั่นเอง

จับตาดูกันว่ากลยุทธ์ของ Saudi Aramco นั้น เป็นเพียง ‘การตกแต่งกรอบหน้าต่างใหม่’ หรือเป็นความพยายามก้าวไปในทิศทางที่ถูกต้อง

ที่มา 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า