Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

แม้เจ้าตลาดจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็มีคนพร้อมจะโดดลงตลาดมาท้าแข่งเสมอ กับ ‘ตลาดแพลตฟอร์มเรียกรถ’ หรือ Ride-hailing ที่ในไทยมีแอปเรียกรถเข้ามาหลายเจ้า มีทั้งเจ้าที่อยู่ยั้งยืนยงเป็นเจ้าตลาด เจ้าที่ถูกซื้อ หรือเจ้าที่เข้ามาแล้วเก็บของกลับบ้านไป

ล่าสุด เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้กับผู้เล่นใหม่อีกเจ้าอย่าง ‘TADA’ แพลตฟอร์มเรียกรถสัญชาติสิงคโปร์ ที่เข้ามาเริ่มทำธุรกิจหลังได้รับอนุญาตจากกรมขนส่งทางบกในประเทศไทยแล้ววันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2567) โดย ‘ไทย’ เป็นประเทศที่ 4 ต่อจากสิงคโปร์ กัมพูชา และเวียดนาม

จุดเด่นของ TADA ที่ทำให้สามารถเติบโตขึ้นเป็นเบอร์ 2 ของตลาดเรียกรถสิงคโปร์ได้มี 2 ข้อหลัก คือ “ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชันจากคนขับ” และ “ไม่บังคับคนขับให้รับงาน คนขับสามารถเลือกได้”

[ ไม่เก็บค่าคอมมิชชัน เก็บแค่ ‘ค่าธรรมเนียม 20 บาท’ จากผู้โดยสาร ]

โมเดลธุรกิจของ TADA จะเรียกเก็บ ‘ค่าธรรมเนียม’ จากผู้โดยสารเท่านั้นและเท่าที่รู้ตอนนี้คือแพลตฟอร์มได้ค่าธรรมเนียมเรียกรถจาก ‘ผู้โดยสาร’ ตามกรมขนส่งทางบกกำหนด คือ 20 บาทต่อเที่ยว 

เมื่อไม่เก็บค่าคอมมิชชันและเก็บค่าธรรมเนียมในราคาไม่สูง จึงทำให้ค่าโดยสารมีราคาถูกกว่าตลาด (ผู้บริหาร TADA ประเทศไทยคาดว่าจะถูกกว่าเจ้าที่แพงที่สุดในตลาดราว 30%) และคนขับจะได้รับค่าจ้างขับรถในราคาที่ยุติธรรมและสูงกว่าตลาด

โดย TODAY Bizview ได้ถามผู้บริหารเกี่ยวกับเมื่อเก็บค่าธรรมเนียม 20 บาทเท่ากันทุกการเรียกรถ จะสามารถสร้างรายได้และกำไรได้อย่างไร ผู้บริหารยืนยันว่า ในสิงคโปร์เองก็เก็บค่าธรรมเนียมต่ำกว่า 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (แต่เก็บจากสองทางคือคนขับและคนนั่ง) แต่โมเดลธุรกิจของ TADA ก็ยังสามารถทำกำไรได้ในสิงคโปร์

[ คนขับเลือกรับงานได้ เพราะทุกฝ่ายพึงพอใจ จึงได้บริการดี ]

สาเหตุที่ TADA ให้คนขับเลือกรถ-ไม่รับงานได้ เพราะต้องการมอบความพึงพอใจให้กับทุกฝ่าย เมื่อคนขับได้ขับในเส้นทางที่อยากขับ ได้ค่าโดยสารที่ยุติธรรม ก็จะมอบบริการที่ดีให้ผู้โดยสารได้ ไม่กลายเป็นการบริการด้วยความไม่เต็มใจที่ทำให้ทุกฝ่ายไม่มีความสุข

โดยผู้บริหารของ TADA ยืนยันด้วยสถิติว่า ในสิงคโปร์ ด้วยค่าโดยสารที่ยุติธรรมของ TADA ทำให้คนขับส่วนใหญ่เลือกกดรับงานและมอบระยะเวลาเรียกรถที่ดีให้ผู้โดยสารได้ด้วย

เมื่อถามว่า จุดแข็งอาจกลายเป็นดาบสองคม เพราะในประเทศไทยผู้โดยสารอาจเรียกรถไม่ได้ ทางผู้บริหารของ TADA ยืนยันด้วยสถิติว่า ในสิงคโปร์ TADA สามารถทำเวลาเรียกรถได้ดีมาก เพราะโมเดลไม่มีค่าคอมมิชชันทำให้คนขับส่วนใหญ่กดรับงาน

[ อีกจุดแข็งปลอดภัย ติดต่อได้ มีที่ตั้งแน่นอน ]

นอกจากนั้น จุดเด่นอื่นๆ ของ AWC คือ เข้าถึงง่ายและใช้ง่าย รวมถึง ‘ความปลอดภัย’ ที่ได้รับการรับรองจากทั้งหน่วยงานขนส่งทางบกของสิงคโปร์ (LTA) และกรมขนส่งทางบกของไทย

แล้วยังเปิดให้คนขับสามารถเยี่ยมชมศูนย์ให้บริการคนขับ TADA Driver Centre ที่สำนักงานเลขที่ 2322 ชั้น 2 ซอยประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400 เพื่อลงทะเบียนให้บริการกับ TADA

[ เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ คนขับพร้อมรับ 15,000 คน ]

เริ่มต้นนำร่องด้วย ‘รถยนต์’ ที่ปัจจุบันมีคนขับแล้ว 15,000 คน (เป็นแท็กซี่ราว 60%) ก่อนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (ไม่รวมปริมณฑล) โดยประกอบด้วยรูปแบบการให้บริการ 4 ประเภทอย่าง

– AnyTADA

– Economy

– Economy Large

– Premium

และเตรียมจะเปิดตัวการให้บริการในรูปแบบ ‘มอเตอร์ไซค์’ ต่อไปในอนาคตอันใกล้ พร้อมๆ กับการขยายพื้นที่ออกสู่เขตปริมณฑลอย่าง นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ก่อนขยายออกไปสู่จังหวัดอื่นๆ ให้ได้ภายในปีนี้

[ เป้าหมายยังต้องใช้เวลา แต่จะไม่ยอมแพ้ ]

ด้านแผนธุรกิจในภาพรวมของ TADA ต้องการจะขยายธุรกิจออกไปในประเทศอื่นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไปสู่เอเชียตะวันออก ส่วนที่ว่า “ทำไมเลือกมาไทยเป็นประเทศที่ 4”

‘ฌอน คิม’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ TADA บอกว่า หลังจากประสบความสำเร็จในสิงคโปร์ TADA มองหาโอกาสในการขยายธุรกิจต่อ ตลาดแอปเรียกรถในประเทศไทยที่มีค่าคอมมิชชันค่อนข้างสูง TADA ที่มีจุดแข็งอย่าง ‘ค่าคอมมิชชัน’ เป็น 0% สามารถมอบรายได้ที่ยุติธรรมให้กับคนขับให้ไปหาเลี้ยงชีพ-ครอบครัวได้ จึงเชื่อว่าเรามีโอกาส

สำหรับ ‘เป้าหมายส่วนแบ่งตลาดและจำนวนผู้ใช้’ ของ TADA ในประเทศไทย ผู้บริหารบอกว่า ยังคงต้องใช้เวลาถึงจะตอบได้ “แต่เราบอกได้ว่า เราจะไม่ยอมแพ้ ไม่เรียกเก็บค่าคอมมิชชัน ไม่เสียจุดเด่น และทำสิ่งที่เราเชื่อมั่นต่อไป”

ในสิงคโปร์ TADA สามารถทำกำไรได้หลังเปิดบริการ 4-5 ปีและกลายเป็นเจ้าของส่วนแบ่งอันดับ 2 ในตลาดได้ในที่สุด ที่สำคัญผู้บริหารยืนยันว่า โมเดลธุรกิจของ TADA สามารถเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเรียกรถได้

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า