Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีที่มีข่าวว่า นายทวี ไกรคุปต์ อดีต รมช.คมนาคม พ่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขับรถชนกับจักรยานยนต์ในพื้นที่ จ.ราชบุรี จนคู่กรณีเป็นวัยรุ่นได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาฉีก โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่าเตรียมจะขับรถหนีแต่ภายหลังยอมชดใช้ค่าเสียหาย ซ่อมรถจักรยานยนต์ และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้คู่กรณี

วันที่ 22 ธ.ค. เวลา 11.30 น. ที่ โรงแรม ณ เวลา จ.ราชบุรี นายทวี เชิญสื่อมวลชนแถลงข่าวต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยนำเอกสารการลงบันทึกประจำวันและหนังสือพิมพ์ที่มีการนำเสนอข่าวในหน้าหนึ่งมาประกอบการแถลงด้วย

นายทวี กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. เวลาประมาณ 13.00 น. ตนขับรถยนต์ส่วนตัวเดินทางไปซื้อก๋วยเตี๋ยวที่บริเวณ 4 แยกคลองชลประทาน ถนนสายโพธาราม -บ้านฆ้อง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ในขณะที่จะเลี้ยวข้ามแยกตรงมุมสะพานข้ามคลองชลประทาน ตนได้มองซ้ายมองขวาแล้ว พบว่าปลอดรถจึงได้เร่งเครื่องเพื่อที่จะเลี้ยวไปที่ร้านขายก๋วยเตี๋ยวจู่ๆ มีจักรยานยนต์ขี่มาด้วยความเร็วทำให้ตนเบรกไม่ทันจึงได้เฉี่ยวชนเข้ากับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวจนล้มและไถลไปตามที่ปรากฏในภาพ

ตรงจุดนั้นมีรถสัญจรจำนวนมาก ตนจึงได้คิดที่จะเลี้ยวหลบไปทางถนนเลียบคลองชลประทาน เพื่อไปหาที่กลับรถมาดูผู้ประสบเหตุไม่ได้ที่จะหลบหนี เพราะรถยนต์ของตนเองคันใหญ่ กลัวที่จะเกิดเหตุซ้ำซ้อน หลังจากนั้นตนก็ได้กลับมามาดูผู้บาดเจ็บพบเป็นเด็ก และได้พยายามโทรเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนมีชาวบ้านและเจ้าหน้าที่มูลนิธิมาตามที่ปรากฏในคลิป ตนยืนยันว่าไม่ได้หลบแต่อย่างไร

นายทวี กล่าวต่อว่า ตอนนั้นตนก็ตกใจเพราะตนเองก็อายุเยอะแล้ว 82 ปี แล้ว มีชายประมาณ 4 คน มาดูที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งนำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพรถยนต์ของตนและเหตุการณ์จากนั้นได้มาถ่ายที่ใบหน้าของตนเอง ตนก็ได้แจ้งชายคนดังกล่าวไปว่าการที่มาถ่ายตนเองเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งชายคนดังกล่าวก็ตอบว่าไม่ได้ถ่าย แต่ปรากฏว่ามีคลิปภาพถูกนำเสนอในสื่อต่างๆ และมีการลงข้อความว่าตนเองหลบหนีบ้าง อ้างตนว่าชื่อ ทวี ไกรคุปต์ บ้าง และขับรถยนต์หลบหนี และยังกลับรถเฉี่ยวชนประตูเหล็กจนจะเฉี่ยวชาวบ้านที่ยืนอยู่เกือบจะได้รับบาดเจ็บ

ตรงนี้ตนก็อยากจะขอความเป็นธรรมด้วย เพราะสิ่งที่ตนเองทำไม่ได้เป็นไปตามที่มีการนำเสนอออกมาเลย ในจังหวะนั้นตนเองจะกลับรถยนต์มาแต่ช่วงรถยนต์ของรถเบนซ์ของตนมันยาวตามที่เห็น การตีวงรถกลับมาก็จะไปเฉี่ยวประตูก็เป็นไปได้

ส่วนประเด็นที่ปรากฏภาพในคลิป ที่เห็นว่าตนขับรถยนต์หลบหนี ตรงนี้ชี้แจงว่าไม่เป็นความคลิป ภาพที่เห็นเป็นการตัดต่ออย่างแน่นอน ตนขับรถยนต์ตามรถของตำรวจเพื่อที่จะไปยังร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ เพื่อที่จะไปจ่ายค่าเสียหาย และมีรถยนต์ของตำรวจตามหลัง ในภาพกลับเห็นเป็นว่าตนขับรถยนต์หลบหนีและมีการวิ่งไล่ตามจับตนเอง เมื่อสื่อถามตนเองตนก็ตอบไปว่าเป็นภาพตัดต่อแล้วล่ะ

“เป็นสังคมที่บัดซบมาก เป็นสังคมนรก โซเชียลนรก มันเชื่อถือไม่ได้ เอากันแบบนี้เลยเชียวหรือนี่ สังคมโซเชียลเอากันอย่างนี้หรือ อยากจะฝากสังคมไปครับ ให้ความเป็นธรรมกับผมด้วย นี่คือนรกโซเชียล คือสังคมวิบัติของโซเชียล สร้างสังคมวิบัติให้กับตัวผม”

สำหรับคนเจ็บและรถจักรยานยนต์ตนเองก็รับผิดชอบแล้ว ในเวลาที่เกิดเหตุตนเองได้แจ้งให้ทางผู้เสียหายว่าจะซ่อมให้และให้ไปซ่อมที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ซึ่งตนไม่รู้จักจึงได้แจ้งให้ตำรวจและทางผู้เสียหายนำไป ตนก็ขับรถยนต์ตามไป เพื่อที่จะไปจ่ายค่าเสียหาย แต่ที่มีข่าวออกมาว่าตนเองขับรถยนต์หลบหนีนั้น ตนคิดว่าเป็นการกล่าวหาตนเองไม่ใช่ข้อเท็จจริง ซึ่งตนก็ไปจ่ายค่าเสียหายในการซ่อมรถยนต์จำนวน 3,900 บาท จากนั้นได้ไปเจรจากันที่ สภ.โพธาราม ซึ่งตนก็ถามทางแม่ของเด็กชายคนดังกล่าว ว่าจะเรียกค่าเสียหาย ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าทำขวัญเท่าไหร่ ซึ่งทางผู้เสียหายก็ตอบมาว่า “แล้วแต่ท่านทวี จะจ่ายช่วยค่าทำขวัญ” ซึ่งตนเองก็จ่ายเงินสดไปให้จำนวน 10,000 บาท โดยที่ทางผู้เสียหายก็ไม่ติดใจเอาความใดๆ ส่วนตนเองก็ได้เสียค่าปรับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียหายและได้รับบาดเจ็บเป็นเงินจำนวน 500 บาท และได้แยกย้ายกันกลับบ้าน

“ผมรับผิดชอบชดใช้เขา ถามผู้บาดเจ็บและพ่อแม่เขาว่าจะให้ผมให้ค่าทำขวัญอย่างไรบ้าง เขาบอกว่าตามแต่ผมก็แล้วกัน เขาไม่เรียกอะไรเลย เขาไม่เรียกอะไรเลย เขารู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร ผมเลยให้ค่าทำขวัญ 1 หมื่นบาท เขาพอใจ ให้เยอะ เพราะเจ็บนิดเดียว ไม่ใช่ที่ลงข่าวว่าข้อเท้าฉีก ไม่ฉีก เป็นแผลถลอกเท่านั้น”

นายทวียังกล่าวอีกว่า ส่วนที่ภาพที่มีการลงหน้า 1 ในหนังสือพิมพ์ ที่ตนยืนเอามือปิดหน้านั้น ตนต้องชี้แจงว่า ตอนนั้นตนเดินไปดูผู้บาดเจ็บที่บริเวณท้ายรถของมูลนิธิตามภาพที่เห็น ตอนนั้นแดดร้อนแล้วตนอายุมากแล้วก็เลยใช้มือขึ้นมาบังแดดที่ใบหน้าไม่ใช่การปิดบังใบหน้า ตนก็ยังบอกกับเด็กที่ได้รับบาดเจ็บว่าไปรถตนเองเลยเพื่อที่จะไปส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ๆ นี้เอง ตนเห็นผ้าที่ใช้ทำแผลเก่ามากสกปรกมากดำเขลอะคงจะเป็นของกู้ภัยเขา ตนจึงได้บอกกับผู้เสียหายไป แต่ผู้เสียหายยังเฉยๆอยู่ ตนจึงยืนดูอยู่นาน ตนก็อ้อนวอนว่าให้ไปรถยนต์ของตนเองเพื่อจะไปส่งโรงพยาบาล แต่เด็กชายผู้เสียหายไปยอมไปบอกว่าจะรอแม่ ซึ่งตนเองมองว่าในรถยนต์คันนั้นสกปรกมากมีอะไรอยู่เยอะแยะเลย ดำมาก

ยืนยันว่าไม่ได้ปิดหน้าที่จะบดบังใบหน้าของตนแต่อย่างไร เพียงเป็นการบังแดดเท่านั้น จากนั้นตนเองก็ไปนั่งในรถยนต์ของตนเพราะอากาศมันร้อน ในจังหวะเดียวกันเห็นรถยนต์คันดังกล่าววิ่งออกไปตนจึงคิดว่าเด็กชายผู้เสียหายนั่งอยู่ในรถยนต์คันนั้นจึงได้เลี้ยวรถยนต์ หรือ กลับรถยนต์ตอนนั้นตนจำไม่ได้ เพื่อที่จะตามรถยนต์คันที่เด็กชายผู้เสียหายนั่งอยู่ไปเพื่อที่จะไปดูแลเขาที่โรงพยาบาล ตนเห็นว่ารถทำไมจอดนิ่งตนจึงได้บีบแตรเพื่อที่จะขับตามหลังไปเพราะคิดว่าจะไปโรงพยาบาล ไม่ใช่ตะโกนว่าให้หลบไป ตนยังใช้มือโบกเป็นสัญญาณว่าให้รถยนต์ออกไป พร้อมทั้งบีบแตร ตนสงสัยว่าทำไมไม่ออกรถไปเสียที แต่ปรากฏว่าตนเข้าใจผิด

ทั้งนี้ อดีต ส.ส.ราชบุรี ระบุว่า หลังจากนี้ตนจะไปดูต้นทางที่มีการเผยแพร่คลิป และตามสื่อต่างๆ ที่ลงข้อมูลที่ไม่เป็นจริงเพื่อที่จะเข้าสู่กระบวนการกฎหมายต่อไป

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า