ย้อนรอยดีลควบรวม TRUE-DTAC ก่อนกสทช.ตัดสินกลางปีนี้

การควบรวมกิจการระหว่าง 2 ค่ายมือถือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DTAC เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้

ย้อนกลับไปในช่วงกลางเดือน พ.ย. 2564 ทั้ง 2 บริษัทเปิดเผยเกี่ยวกับการควบรวมกิจการครั้งแรกต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยเป็นการชี้แจงข่าวที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เท่านั้น แต่ต่อมาในช่วงปลายเดือนเดียวกัน TRUE และ DTAC เปิดเผยอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการควบบริษัท พร้อมแถลงข่าวเพื่อชี้แจงรายละเอียดเบื้องต้น

สำหรับบริษัทใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายหลังควบรวมกิจการ คาดว่าจะมีรายได้ราว 2.17 แสนล้านบาท มากกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน และคาดว่าจะมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ราว 8.3 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับคู่แข่ง โดยประเมินส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) ที่ประมาณ 40%

[ ผู้ถือหุ้น 2 บริษัทเห็นด้วยให้ควบรวมกิจการ ]

ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2565 TRUE และ DTAC แจ้งมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 โดยผู้ถือหุ้น TRUE อนุมัติการควบรวมกิจการกับ DTAC ด้วยเสียง 99.37% เช่นเดียวกับผู้ถือหุ้น DTAC ที่มีมติอนุมัติการควบรวมกิจการกับ TRUE ด้วยเสียง 89.07%

ส่วนขั้นตอนถัดไป TRUE และ DTAC จะดำเนินการส่งหนังสือแจ้งเจ้าหนี้ของแต่ละบริษัทเกี่ยวกับมติของผู้ถือหุ้นซึ่งอนุมัติการควบบริษัทภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติ โดยกำหนดเวลาให้เจ้าหนี้ส่งคำคัดค้านภายใน 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือ หรือคาดว่ากระบวยการนี้จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือน เม.ย. ถึงปลายเดือน มิ.ย. 2565

ถัดมาในช่วงปลายเดือน มิ.ย. ถึงต้นเดือน ส.ค. 2565 ผู้ทำคำเสนอซื้อ ซึ่งในที่นี้คือ บริษัท ซิทริน โกลบอล จำกัด และ Citrine Venture SG Pte Ltd จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจ ส่วนช่วงต้นเดือน ส.ค. ถึงกลางเดือน ส.ค. 2565 บริษัท ซิทริน เวนเจอร์ โฮลดิ้งส์ จำกัด และ Citrine Investment SG Pte Ltd จะร่วมกันรับซื้อหุ้น TRUE และ DTAC จากผู้ถือหุ้นที่คัดค้าน

[ ร่วมกันตั้งชื่อบริษัทใหม่ปลายเดือน ก.ย.นี้ ]

ขณะที่ปลายเดือน ก.ย. 2565 จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมกันระหว่าง TRUE และ DTAC เพื่อพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่จำเป็นในการควบรวม เช่น ชื่อบริษัทใหม่ ทุนของบริษัทใหม่ การจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ ฯลฯ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะดำเนินการจดทะเบียนควบบริษัทกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 14 วัน นับจากวันจัดประชุมผู้ถือหุ้นร่วม

ส่วนกระบวนการสุดท้าย หลังจากจดทะเบียนตั้งบริษัทใหม่แล้ว บริษัทใหม่จะยื่นคำขอให้รับหุ้นของบริษัทใหม่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเมื่อ ตลท.อนุมัติคำขอหุ้นของบริษัทใหม่แล้ว หุ้น TRUE และ DTAC จะถูกเพิกถอนและสิ้นสภาพจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันเดียวกัน

[ นักวิเคราะห์เตือน TRUE-DTAC อาจควบรวมไม่สำเร็จ ]

อย่างไรก็ตาม ‘พิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์’ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญในกลุ่มธุรกิจสื่อสารและโทรคมนาคม ระบุว่า สำหรับการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE และ DTAC ยังคงมีความเสี่ยง เพราะอำนาจการตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงกลางปี 2565 ว่าจะอนุมัติการควบรวมครั้งนี้หรือไม่

ในกรณีที่ควบรวมสำเร็จจะเป็นผลบวกต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น เพราะราคาหุ้นมีโอกาสปรับขึ้นจากการ Synergy หรือการรวมพลังงานกันของ 2 ธุรกิจ แต่ในทางกลับกันมองเป็นผลเสียต่อผู้บริโภคเพราะมีทางเลือกน้อยลง จากเดิมผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยประกอบด้วย 3 รายหลัก ได้แก่  บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (AIS) TRUE และ DTAC แต่หลังควบรวมจะเหลือเพียง AIS และบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม (MergeCo)

“ในกรณีแรก เรามองว่าดีน้อยกับผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม คนไทยคุ้นชินกับการมีผู้ให้บริการไม่กี่เจ้าในตลาด เพราะไม่ใช่ประเทศที่มีทางเลือกให้เลือกเยอะนัก แต่เชื่อว่าผู้กำกับดูแล กสทช.จะมีการกำกับดูแลที่ดีเพื่อประโยชน์ของประชาชน”

[ ผลต่อผู้บริโภค ควบรวมก็ไม่ดี ไม่ควบรวมก็ไม่ดี ]

ส่วนกรณีที่ควบรวมไม่สำเร็จ คาดว่าจะส่งผลเสียต่อนักลงทุนและผู้ถือหุ้น เพราะราคาหุ้น TRUE และ DTAC ที่ระดับปัจจุบัน ปรับขึ้นจากข่าวบวกการควบรวมกิจการเป็นหลัก หากการควบรวมไม่สำเร็จคาดว่าราคาหุ้นจะปรับลงอย่างมาก โดย TRUE จาก 3 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 5 บาทต่อหุ้น ส่วน DTAC จาก 30 บาทต่อหุ้น มาอยู่ที่ 48 บาทต่อหุ้น

ในทางกลับกัน มองเป็นผลดีกับผู้บริโภค แต่ไม่ดีที่สุด เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดผู้ให้บริการหลักในประเทศไทยจะเหลือเพียง 2 รายเท่านั้น คือ AIS และ TRUE ภายหลังกลุ่ม Telenor ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ DTAC ประกาศชัดเจนว่าจะออกจากตลาดโทรคมนาคมในไทย

นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบความแข็งแกร่งทางธุรกิจ พบว่า TRUE ค่อนข้างอ่อนแอกว่า AIS ซึ่งในกรณีเลวร้าย หาก TRUE ไม่สามารถแข่งขันกับ AIS ได้ คาดว่าผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือในไทยจะเหลือเพียงรายเดียวคือ AIS ที่ครองตลาด

[ AIS ยืนยันทำตามหน้าที่ กรณียื่นหนังสือให้กสทช.ตรวจสอบ ]

สำหรับกระแสข่าวในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-8 เม.ย.) กรณีผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ AIS ได้ทำหนังสือถึงประธาน กสทช. เพื่อชี้แจงผลกระทบและผลเสียจากการควบรวมระหว่าง TRUE และ DTAC นั้น

ภายหลังนักวิเคราะห์สอบถามไปยังบริษัท พบว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารเดิมที่ยื่นไปเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2565 โดยการไม่เห็นด้วยกับดีลควบรวมกิจการในครั้งนี้ เป็นการทำหน้าที่ผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน ไม่ได้มีเจตนาคัดค้าน และอยากให้ กสทช.ตรวจสอบทางกฎหมายให้รอบครอบเท่านั้น