SHARE

คัดลอกแล้ว

แม่ผู้สร้างและทำลายชีวิตของ ‘คิมฮเยซู’ ราชินีจาก ‘Under the Queen’s Umbrella’

คิมฮเยซู เป็นนักแสดงเจ้าบทบาทที่มีผลงานอยู่ต่อเนื่องในบทที่หลากหลาย พูดได้ 5 ภาษา เล่นได้ทั้งแอ็คชั่น ดราม่า ตลก นับเป็นนักแสดงที่ฝีมือเข้าขั้นเฉียบขาด โดยเฉพาะกับบทบาทล่าสุดในซีรีส์จาก Netflix เรื่อง Under the Queen’s Umbrella ใต้ร่มราชินี  ที่เธอรับบทเป็นพระราชินีแม่ลูกสี่ที่ต้องคอยปกป้องลูกชายและหลานไว้ใต้ร่มเงาของเธอ ซีรีส์พีเรียดที่ดูโบราณแต่มีแก่นเรื่องที่ทันสมัย และสะท้อนการแก่งแย่งชิงดีในสังคมเกาหลีได้ไม่แพ้ SKY Castle ซีรีส์ในตำนานที่เสียดสีเรื่องการศึกษาได้โดนใจผู้ชม คิมฮเยซูถ่ายทอดบทบาทความเป็นแม่ได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้ผู้ชมเชื่อในบทบาทแม่ที่ยืนหยัดเพื่อครอบครัวได้หมดใจ แต่ชีวิตจริงของคิมฮเยซูนั้น เธอมีประสบการณ์กับแม่ที่ต่างออกไปจากราชินีในเรื่องโดยสิ้นเชิง เมื่อผู้ให้กำเนิดของเธอนั้นกลายเป็นพายุที่โหมกระหน่ำใส่แทนที่จะเป็นร่มที่คอยป้องกันภัยให้เธอ

คิมเฮยซู เกิดวันที่ 5 กันยายน ปี 1970 ที่ปูซาน โดยเป็นลูกคนที่สองจากพี่น้อง 5 คน เธอเริ่มต้นชีวิตนักแสดงตั้งแต่ยังเด็ก ประมาณปี 1985 โดยเริ่มจากการรับงานโฆษณา มิวสิควิดีโอ ก่อนจะได้รับบทในภาพยนตร์เรื่องแรก Ggambo ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลนักแสดงหญิงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม จาก Baeksang Arts Award ตามมาด้วยซีรีส์ตามลำดับ นอกจากนักแสดงเธอยังเป็น MC เป็นนักร้องที่มีเพลงฮิตในปี 1988 เธอมีผลงานมากมายที่แสดงให้เห็นด้านใหม่ ๆ อยู่เสมอ ทั้งบทบาทสาวใสที่ทำให้เธอได้รับฉายารักแรกแห่งชาติ สาวทรงเสน่ห์สุดเซ็กซี่ จากบทมาดามจองใน Tazza และอีกมากมาย แต่ที่หลายคนอาจจะไม่ได้เคยรู้คือเธอเริ่มต้นชีวิตการแสดงจากความต้องการของแม่ โดยบทความจาก Korea Posts English ระบุว่าแม่ของเธอเป็นผู้จัดการของฮเยซูที่คอยรับงานให้ 

ตลอดชีวิตของเธอ คิมฮเยซูมีผลงานอย่างต่อเนื่องแทบไม่เว้นว่าง นับได้ว่าเป็นนักแสดงแถวหน้าของวงการ คนส่วนใหญ่จะจินตนาการว่าเธอคงสามารถใช้ชีวิตหรูหราได้อย่างสบาย แต่ในปี 2019 มีข่าวที่นำมาสู่การเปิดเผยชีวิตส่วนตัวของคิมฮเยซูที่ไม่ค่อยมีใครรู้ เมื่อมีข่าวว่าแม่ของเธอเป็นหนี้มูลค่า 1.3 พันล้านวอนในปี 2019 บทความจาก Koreaboo เผยว่าแม่ของคิมฮเยซูเริ่มระดมทุนในปี 2011 โดยอ้างว่าเธอกำลังจะเปิดกิจการ โดยเจ้าหนี้ที่เป็นคนที่มีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองให้ยืมเงินเพราะเชื่อใจว่าเธอเป็นแม่ของคิมฮเยซูที่เป็นนักแสดงชื่อดัง ต้นสังกัดของคิมฮเยซูก็ออกแถลงการณ์ถึงเรื่องนี้ ว่าเธอได้ตัดความสัมพันธ์กับแม่ของเธอไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เธอรู้ว่าแม่สร้างหนี้ก้อนใหญ่ที่มีมูลค่ามากกว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่เธอมีอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังแก้ปัญหาทางการเงินให้กับแม่อยู่ ทนายของฮเยซูก็ออกมาแถลงยืนยันว่าในตอนนั้น ถึงแม้เธอจะไม่มีความเกี่ยวข้อง รู้เรื่อง หรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ แต่เธอก็เคยได้ใช้หนี้ให้กับแม่ของเธอไปแล้วในปี 2012 และตัดความสัมพันธ์ของทั้งสองนับแต่นั้น ดังนั้นเธอจึงไม่เคยรับรู้เรื่องหนี้ก้อนใหม่ในปี 2019 อย่างแน่นอน

นอกจากนี้ในช่วง 2019 ยังมีการเปิดเผยว่าเธออยู่ในอพาร์ตเมนท์เล็ก ๆ เก่า ๆ เพราะเธอนำทรัพย์สินทั้งหมดไปใช้หนี้ให้แม่ บทความจาก All K-Pop ระบุว่าเธอต้องพบกับความยากลำบากเพราะหนี้ที่แม่เธอสร้างไว้อย่างต่อเนื่องจากการหยิบยืมและโกงเงิน นักข่าวคิมแทโอระบุว่าเขารู้จักคิมฮเยซูตั้งแต่ปี 1991 และเธอเคยต้องลำบากเพราะหนี้ที่แม่สร้างอยู่หลายครั้ง โดยที่ข่าวไม่ได้ถูกเผยแพร่ทางหน้าสื่อ และที่จริงในปี 2012 เธอต้อขายทรัพย์สินเกือบทั้งหมดเพื่อล้างหนี้ให้แม่ และต้องเช่าอพาร์ตเมนท์เล็ก ๆ เก่า ๆ เพื่ออาศัยอยู่เพราะต้องใช้หนี้ให้กับแม่ และถึงแม้เจ้าหนี้ได้มีการพยายามฟ้องร้องเพื่อให้คิมฮเยซูชดใช้หนี้แทนแม่อีกครั้ง แต่บทความจาก Korea Joongang Daily ก็รายงานว่าในที่สุดศาลก็ตัดสินให้คิมฮเยซูไม่ต้องชดใช้หนี้ที่เธอไม่ได้ก่อ และจากหลายบทความดูเหมือนประชาชนก็จะเห็นใจเธอเป็นอย่างดี บทความจาก Soompi เผยว่าคิมฮเยซูเล่าถึงเหตุการณ์นั้นว่าเธอ ‘ช็อคมากจนแทบจะทำงานไม่ได้ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกอะไรถึงขั้นนั้น’

“ตอนที่ฉันรู้ว่าแม่ฉันทำอะไรลงไป ฉันทำงานไม่ได้เลย ฉันไม่อยากจะทำงานอีกต่อไปแล้วด้วยซ้ำ ฉันคิดว่ามันเป็นเพราะฉันทำงานตั้งแต่ยังเด็ก ปัญหานี้ก็เลยเกิดขึ้น ใจฉันแบ่งเป็นสองขั้ว ขั้วที่บอกว่า ‘ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด’ กับ ‘ไม่รู้ก็ถือว่าผิดเหมือนกัน’ ฉันบอกทุกคนที่รู้จักว่า ‘ฉันจะไม่ไปทำงาน ฉันทำไม่ได้ และฉันจะพยายามแก้ไขเท่าที่จะทำได้’ และถึงแม้ฉันจะไม่ได้อยากทำงานอีกต่อไปแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันไม่ควรปล่อยเวลาที่ฉันใช้มาในฐานะนักแสดงทิ้งไปอย่างเสียเปล่า”

หากดูจากอันดับซีรีส์เรตติ้งสูงในเกาหลี จะพบว่าซีรีส์ที่อยู่ในอันดับต้น ๆ มักเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ทั้ง World of Married Couple หรือ SKY Castle ซึ่งสะท้อนว่า ความสัมพันธ์ในครอบครัวนับว่าเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้น ๆ เกาหลีนั้นก็คล้ายกับประเทศในแถบเอเชียที่มีความเชื่อว่าลูกต้องสำนึกทดแทนบุญคุณพ่อแม่ ดูแลเมื่อยามแก่เฒ่า แต่ในช่วงหลังความเชื่อนั้นมีสัญญาณของความเปลี่ยนแปลง โดยกรณีที่ชัดเจนที่สุดคือการผ่าน ‘พระราชบัญญัติคูฮารา’ ที่ถูกบัญญัติขึ้นในปี 2021 หลังจากการเสียชีวิตของไอดอลสาว คูฮารา ที่เติบโตมากับพี่ชาย ย่า และ ป้า เพราะแม่ทอดทิ้งไปตั้งแต่หย่าร้างกับพ่อ แต่เธอกลับมาแสดงตัวเพื่อรับมรดกครึ่งหนึ่งจนเกิดการฟ้องร้องกันขึ้น จบด้วยการที่ทรัพย์สินถูกแบ่งที่สัดส่วน 60:40 และคูฮโยอิน พี่ชายของฮาราก็ได้ผลักดันพระราชบัญญัติเพื่อป้องกันทรัพย์สินของลูกที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง และสุดท้ายก็ผ่านด้วยแรงสนับสนุนจากประชาชน ในพระราชบัญญัติระบุว่า ‘บุคคลที่บกพร่องในการทำหน้าที่เลี้ยงดูบุตร เช่น ทอดทิ้ง ละเลยบุตร หรือไม่มีความรับผิดชอบในการเป็นผู้ปกครองของบุตร หรือการก่ออาชญากรรม เช่น การไม่ดูแลบุตร หรือ ทารุณกรรมบุตร จะถูกตัดสิทธิจากการสืบมรดกของบุตรหากมีการพิสูจน์ได้ว่าการกระทำนั้นเป็นความจริง’

ถึงแม้ในกรณีของคิมฮเยซูแม่ของเธอไม่ได้ทอดทิ้งเธอไป แต่เสียงตอบรับพระราชบัญญัติคูฮาราและเรื่องราวของคิมฮเยซูนั้นสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อที่ว่าคนเป็นลูกต้องกตัญญูอย่างไม่มีเงื่อนไขนั้นค่อย ๆ เปลี่ยนไปอย่างช้า ๆ และเมื่อหันมาดู Under the Queen’s Umbrella เราจะได้เห็น ภาพของแม่ตัวอย่างที่สังคมวาดไว้ในวันนี้อย่างชัดเจน ว่าแม่และพ่อที่ดีนั้น ไม่ต้องสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง แต่ควรจะปกป้อง ชี้นำ และขอโทษลูกเมื่อทำผิดได้

และแม้ทั้งหมดจะถูกเล่าผ่านตัวละครจากยุคก่อน แต่การนำประเด็นสังคมและค่านิยมในปัจจุบันไปแทรกไว้ในละครย้อนยุคที่เป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นก่อนด้วย จึงคล้ายกับจะสื่อถึงความตั้งใจที่จะส่งสารกับผู้ชมกลุ่มนี้โดยตรง ว่าอนาคตของประเทศนั้นอยู่ในมือของพ่อแม่ ที่เปรียบได้กับราชาและราชินีที่เลี้ยงดูรัชทายาท โดยเฉพาะในเกาหลีทุกวันนี้ที่ถูกปกครองด้วยระบอบสาธารณรัฐ กระบวนการ ‘แทคฮยอน’ ที่คัดเลือกรัชทายาทจากความสามารถ จึงกลายเป็นดั่งภาพสะท้อนของกระบวนการคัดเลือกประธานาธิบดีที่ไม่ว่าใครที่มีความสามารถก็อาจจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งได้ ส่วนเหล่ามเหสีและขุนนาง ก็เป็นผู้กำหนดอนาคตของชาติผ่านทางคนรุ่นถัดไปเช่นกัน เพราะการทำให้ชาติเจริญไม่ได้ใช้กษัตริย์เพียงคนเดียว แต่อาศัยสังคมที่ดี ขุนนางที่ฉลาดและเที่ยงธรรม ดังนั้นไม่ว่าพวกเขาจะเป็นเชื้อพระวงศ์ บัณฑิต หรือเป็นประชาชน การเลี้ยงดู บ่มเพาะนิสัย สร้างวิธีคิดที่ดีให้กับลูกนั้นจึงไม่ต่างกับการสร้างชาติเลย

หัวใจหลักของ Under the Queen’s Umbrella จึงอยูที่การเน้นย้ำความสำคัญของการดูแลลูก ที่ไม่ได้จำกัดอยู่กับการผลักดันให้ลูกประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาหรือหน้าที่การงาน แต่เป็นการทำหน้าที่คุ้มภัยและชี้นำลูกไปในทางที่ดี เพื่อให้เขาได้เติบโตอย่างแข็งแรงในแบบของตัวเองใต้ร่มเงาของพ่อแม่

ติดตาม Under the Queen’s Umbrella ใต้ร่มราชินี  ได้ทาง Netflix ในทุกวันเสาร์และอาทิตย์

อ้างอิง

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า