SHARE

คัดลอกแล้ว

เหตุกราดยิงโรงเรียนประถมในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กประถม อายุเพียง 9 ขวบรวมอยู่ด้วย 3 คน จุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกครั้ง 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการสืบสวนเบื้องต้นของตำรวจ ปืนที่คนร้ายพกเข้าไปก่อเหตุในโรงเรียน 2 กระบอก ทั้งปืนพกและปืนไรเฟิล พบว่า เป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เกิดเป็นคำถามตามมาว่า ในเมื่อกฎหมายเปิดกว้างให้เสรีภาพในการครอบครองอาวุธปืน แต่มือปืนมีสิทธิอะไรในการใช้อาวุธเหล่านั้นมาพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์ 

หรือชาวอเมริกันครอบครองปืนง่ายเกินไป? 

เรื่องนี้เป็นคำถามที่มีการถกเถียงมานานแล้วในสหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันหลายคน อาวุธปืนดูเหมือนจะเป็นของใช้ธรรมดาๆ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ชาวอเมริกันที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป (หรือ 18 ปีในบางรัฐ) สามารถซื้อหรือครอบครองปืนได้โดยชอบธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 2 (Second Amendment)

บทบัญญัตินี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน ซึ่งมองว่า สิทธิการครอบครองปืน เป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนพึงมี เหมือนกันกับเสรีภาพในการแสดงออก ดังนั้นการห้ามหรือจำกัดการครอบครองปืนจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมือง 

จากการสำรวจของ Small Arms Survey ซึ่งเป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธเบา ระบุว่า ข้อมูลในปี 2561 ชาวอเมริกันมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองเฉลี่ย 120.5 กระบอก ต่อประชากร 100 คน นับเป็นสัดส่วนการครองปืนมากที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี 2554 ซึ่งสัดส่วนการครองปืนอยู่ที่ 88 กระบอก ต่อประชากร 100 คน 

อัตราการครองปืนที่สูงขึ้นได้ถูกนำมาโยงกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้เกิดการผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการครอบครองอาวุธปืน แต่มีหลายครั้งที่ร่างแก้ไขกฎหมายถูกปัดตกในสภาคองเกรส จากฝ่ายที่คัดค้านการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งให้เหตุผลว่าพลเมืองมีสิทธิที่จะครอบครองปืน เพื่อปกป้องเสรีภาพและทรัพย์สินของตนเอง 

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถผลักดันการปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนครั้งใหญ่ได้สำเร็จ 

โดยกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะซื้อปืนเข้มงวดขึ้น และจูงใจให้รัฐต่างๆ บังคับใช้กฎหมาย ‘ธงแดง’ ซึ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถยึดปืนจากบุคคลที่พิจารณาแล้วว่า เป็นอันตรายหรือภัยคุกคามต่อบุคคลอื่น นับเป็นการยกระดับการควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดสุดในรอบ 28 ปีของสหรัฐฯ 

แต่ความพยายามปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรง ที่เรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่มีสาเหตุมาจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ ลดน้อยลงไปถึงระดับที่ไว้วางใจได้  

ข้อมูลจากเว็บไซต์คลังข้อมูลความรุนแรงจากปืน Gun Violence Archive ระบุว่า ปี 2566 ล่วงมาเพียงยังไม่ครบ 3 เดือนเต็ม ก็มีเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘กราดยิง’ ซึ่งตามคำนิยามคือมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน ไม่รวมมือปืน เกิดขึ้นในสหรัฐฯ แล้วอย่างน้อย 130 ครั้ง รวมเหตุการณ์ในเมืองแนชวิลล์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

อีกทั้งเหตุการณ์ล่าสุดนี้ยังนับเป็นเหตุยิงกันในสถานศึกษาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ครั้งที่ 19 ที่เกิดในปีนี้ของสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุนักเรียนวัย 17 ปี ใช้อาวุธปืนยิงครูได้รับบาดเจ็บ 2 คน ในโรงเรียนมัธยมที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ก่อนที่มือปืนจะจบชีวิตตัวเอง 

ขณะที่สถิติตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นในสหรัฐฯ มากกว่า 600 ครั้ง เท่ากับว่าในเวลาไม่ถึง 2 วันจะมีการกราดยิงเกิดขึ้น 1 ครั้งโดยเฉลี่ย นับเป็นอัตราที่น่าตกใจอย่างยิ่ง และที่น่าสลดใจยิ่งกว่านั้น เหตุกราดยิงหลายๆ ครั้งถูกพบว่า เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กๆ

โดยโศกนาฏกรรม ซึ่งเรียกได้ว่าฝันร้ายของชาวอเมริกันครั้งหนึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เมื่อคนร้าย อายุเพียง 18 ปี ควงปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 บุกเข้าไปกราดยิงในโรงเรียนประถม Robb Elementary School ที่เมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ทำให้เด็กประถมเสียชีวิตไป 19 คน และครู 2 คน นับเป็นเหตุการณ์กราดยิงครั้งร้ายแรงสุดในรอบ 10 ปี

เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโรงเรียน จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบครั้งสำคัญของประธานาธิบดีไบเดน หลังจากที่เขาเพิ่งประกาศชัดเจนในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะเดินหน้ายกระดับกฏหมายควบคุมอาวุธปืนให้ไปถึงจุดที่มีการห้ามครอบครองอาวุธปืนประเภทจู่โจมทั้งหมด เพราะที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามจากรัฐบาลหลายสมัยที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อลดความสูญเสียจากอาวุธปืน แต่ก็ทำได้เพียงการควบคุมหรือจำกัดการครอบครองเท่านั้น ไม่สามารถไปถึงการห้ามครอบครองอาวุธปืนได้เลย 

เนื่องจากเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีการเสนอร่างกฎหมายต่อสภา จะถูกคัดค้านจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตบางคนที่ยังคงมองว่าเสรีภาพในการครอบครองปืนยังควรต้องมีอยู่ โดยมีสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association – NRA) เป็นผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ด้วยการบริจาคเงินก้อนใหญ่สนับสนุนพรรครีพับลิกันในแต่ละปี ทำให้การปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนไม่สามารถก้าวไปถึงจุดที่ควรจะเป็นเพื่อความปลอดภัยของพลเมืองทุกคนได้สำเร็จ 

 

ที่มา BBC, CNN, USA Today

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า