Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

กรมควบคุมโรค เผย ผลการวิเคราะห์การเสียชีวิตส่วนเกิน (Excess Deaths) ยังไม่พบหลักฐานว่าการได้รับวัคซีนโควิด ชนิด mRNA เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต พร้อมเดินหน้าวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกต่อ

ที่โรงแรมไมด้า งามวงศ์วาน จ.นนทบุรี วันที่ 15 ก.พ. 67 นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดการเสวนาวิชาการผลการวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเฝ้าระวังโรคและสาเหตุการเสียชีวิตในสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีวิทยากรรับเชิญ ได้แก่ พญ.จุไร วงศ์สวัสดิ์ นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ นพ.ปณิธี ธัมมวิจยะ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค และนพ.ระพีพงศ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ (IHPP)

โดย นพ.โสภณ กล่าวว่า การเสวนาวิชาการครั้งนี้เป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลวิชาการและความเห็นต่างๆ จากผู้ที่ให้ความสำคัญกับวัคซีนโควิด-19 ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางระบาดวิทยา นักวิชาการสาธารณสุข กลุ่มคนไทยที่สนใจเรื่องของวัคซีน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลดีและผลกระทบจากวัคซีน ซึ่งสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศได้ทำการศึกษาการตายส่วนเกิน (Excess Death) โดยพบว่า ในปี พ.ศ. 2564 – 2566 ประเทศไทยมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงกว่าค่าที่คาดการณ์ไว้ แม้ว่าจะผ่านช่วงการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 มาระยะหนึ่งแล้วก็ตาม

โดยมีผู้ตั้งสมมติฐานว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ ได้หลายประการ อาทิเช่น ช่วงเกิดเหตุการณ์โควิด-19 ระบาด อาจมีผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือผู้ป่วยสูงอายุจำนวนหนึ่งที่เข้าไม่ถึงบริการสุขภาพตามปกติจึงทำให้ภาวะสุขภาพเสื่อมลงเร็วกว่าที่ควร ซึ่งบางส่วนจะเสียชีวิตในปีที่ระบาดหนัก แต่บางส่วนอาจจะทยอยเสียชีวิตในปีต่อๆ มา นอกจากนี้ยังมีสมมติฐานที่ว่า การเสียชีวิตอาจเป็นผลมาจากการรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA

การเสวนาวันนี้ นพ.ปณิธี และนพ.ระพีพงศ์ ร่วมกันนำเสนอผลการวิเคราะห์ที่สืบเนื่องจากศึกษาการตายส่วนเกิน (Excess Death) ข้างต้น เพื่อทดสอบสมมติฐานว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจจะเกิดจากการได้รับวัคซีนชนิด mRNA หรือไม่ ด้วยการศึกษาทางระบาดวิทยารูปแบบ case-control study ที่อาศัยฐานข้อมูลการเสียชีวิตของประชากรไทยร่วมกับฐานข้อมูลการได้รับวัคซีนโควิด-19 (หมอพร้อม) ช่วง พ.ศ. 2564 – 2566 โดยดูผลลัพธ์การเสียชีวิตภาพรวมจากทุกสาเหตุ และวิเคราะห์แยกสาเหตุการเสียชีวิตตามกลุ่มโรคสำคัญ ได้แก่ กลุ่มโรคหลอดเลือดสมอง และกลุ่มโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ รวมทั้งวิเคราะห์แยกกลุ่มอายุ และนำมาเปรียบเทียบกับกลุ่มตัวอย่างประชากรไทยที่ไม่เสียชีวิตในช่วงเวลาเดียวกันรวมจำนวนตัวอย่างกว่าหนึ่งล้านราย

โดยการเปรียบเทียบจำนวนผู้ได้รับวัคซีน mRNA กับผู้ได้รับวัคซีนชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่วัคซีน mRNA ผลการศึกษา เบื้องต้นเผยให้เห็นว่า ความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตทุกสาเหตุของผู้ได้รับวัคซีน mRNA ในภาพรวมต่ำกว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนอื่นประมาณร้อยละ 23 ส่วนการเสียชีวิตจากสาเหตุกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองและกลุ่มโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ พบว่าในผู้ได้รับวัคซีน mRNA มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตต่ำกว่าผู้ได้รับวัคซีนอื่นร้อยละ 22-37 รวมถึงเมื่อทำการวิเคราะห์แยกตามกลุ่มอายุต่างๆ ก็ได้ผลในลักษณะเดียวกัน

ดังนั้น ผลการวิเคราะห์เบื้องต้นซึ่งอาศัยฐานข้อมูลระดับประเทศดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าการได้รับวัคซีน mRNA เพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตทุกสาเหตุในภาพรวมและยังไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับการเสียชีวิตด้วยกลุ่มโรคหลอดเลือดสมองและกลุ่มโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามกรมควบคุมโรคมีแผนที่จะทำการศึกษาเพิ่มเติมโดยอาศัยฐานข้อมูลแหล่งอื่น เช่น ฐานข้อมูลที่เกียวข้องกับการเสียชีวิตในระดับบุคคลที่มีตัวแปรอื่นๆ มาประกอบการวิเคราะห์ต่อไป

พญ.จุไร กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงแรกประเทศไทยใช้วัคซีนโควิด-19 ตามสถานการณ์ระบาดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ ปี 2564 ประเทศไทยมีการให้บริการวัคซีนหลายชนิด ทั้งวัคซีนชนิดเชื้อตาย คือ ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม วัคซีนในรูปแบบไวรัสเวกเตอร์ คือ แอสตราเซเนกา วัคซีนชนิด mRNA คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์น่า มีการประเมินโดยใช้แบบจำลองคาดการณ์ประโยชน์ของวัคซีนช่วยป้องกันคนไทยป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิดเกือบ 5 แสนราย และมีระบบการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังจากได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง โดยจะนำข้อมูลการตายส่วนเกิน (Excess Death) มาวิเคราะห์เพิ่มเติมในประเด็นที่ได้รับคำแนะนำจากผู้ร่วมการเสวนา ทั้งการวิเคราะห์ในรายพื้นที่ และวิเคราะห์เปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน และในโอกาสหน้าจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพิ่มเติมกับผู้เชี่ยวชาญในประเด็นเชิงลึก เช่น กลไกการออกฤทธิของวัคซีนชนิด mRNA ว่า มีผลต่อสารพันธุกรรมหรือไม่ ตลอดจนผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว พร้อมจัดทำข้อเสนอแนะส่งให้กับคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณานำไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาแนวทางป้องกันควบคุมโควิด 19 ต่อไป

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า