สำหรับคนชอบท่องเที่ยวในประเทศไทยชื่อของ ‘วีรันดา’ ย่อมคุ้นเคยติดหู เพราะ ‘วีรันดา’ หรือ บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ถือเป็นโรงแรมที่โดดเด่นด้านดีไซน์ที่คลุกคลีอยู่ในวงการท่องเที่ยวไทยมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ หัวหิน ชะอำ สมุย ทุกโลเคชันยอดนิยมของท่องเที่ยวไทยมีโรงแรมหรือรีสอร์ทของวีรันดาตั้งอยู่
แต่วีรันดากลับยังไม่ได้ปักธงวางรากฐานในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ของไทยอย่าง ‘ภูเก็ต’ จนกระทั่งมาถึงโปรเจ็กต์ใหม่ล่าสุดอย่าง ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’ โลเคชันตรงนี้ดียังไง และอะไรจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในรีสอร์ทแห่งใหม่นี้
TODAY Bizview คุยกับ ‘ภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์’ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA เกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาในการรุกเข้าสู่โลเคชันใหม่ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงรายละเอียดของ ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’
จุดเริ่มต้นหมุดหมายใหม่ ทำไมถึงต้องเป็น ‘ภูเก็ต’
เพราะว่า ‘ภูเก็ต’ เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมทางการท่องเที่ยวของไทยมาอย่างยาวนาน จึงนำมาสู่คำถามว่า “ทำไมวีรันดาถึงเพิ่งตัดสินใจสร้างโรงแรมแห่งใหม่ในภูเก็ตตอนนี้”
แม่ทัพใหญ่ของวีรันดาอย่าง ‘ภวัฒก์’ เล่าว่า จริงๆ แล้วภูเก็ตเป็นเมืองที่วีรันดามองและมีแผนอยากจะตั้งโรงแรมแห่งใหม่มานานหลายปีแล้ว แต่ติดที่ยังไม่เจอที่ดินที่ถูกใจและเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของที่ตั้ง พื้นที่รอบข้างอย่างชายหาดและทะเล รวมถึงระยะทางและราคาด้วย
จึงทำให้วีรันดาตัดสินใจจะไปขยายในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ ของไทยก่อน ผ่านไปหลายปีจนกระทั่งช่วงโควิด-19 ที่วีรันดาได้เจอโลเคชันในภูเก็ตที่ตรงใจ พร้อมๆ กับได้สินเชื่อมาในเวลาที่พอเหมาะกัน ทำให้สามารถเริ่มต้นโครงการในภูเก็ตได้ในที่สุด
โดยเหตุผลที่ทำให้ภูเก็ตมีความน่าสนใจในช่วงหลายปีมานี้ เพราะเป็นเมืองแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม (multi-culture) ผสมผสานอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมแบบชิโนโปรตุกิส รากวัฒนธรรมไทย จีน มุสลิม ที่สำคัญยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก
นอกจากนั้น ภูเก็ตยังเป็นฮับของอีเว้นท์มากมายที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายเข้ามา และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสม และมีท่าอากาศยานนานาชาติบนเกาะ และภูเก็ตยังโดดเด่นขึ้นอีกในฐานะแหล่งรวมอาหารอร่อยหลากหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นอาหารใต้ อาหารจีน ของหวานประจำถิ่น ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตกและโลกตะวันออกเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
เลือกปักหมุดพันวา-อ่าวยน โซนพรีเมี่ยมของเกาะภูเก็ต
ส่วน ‘ที่ตั้ง’ ของโรงแรมแห่งใหม่ของวีรันดาในภูเก็ตเองก็มีความน่าสนใจ เพราะตั้งอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแหลมพันวาที่คนไทยคุ้นหูกันเป็นอย่างดีและเป็นโซนลักชูรี่ของภูเก็ต เป็นพื้นที่ที่มีโรงแรมหรูที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง มีหาดทรายขาวและตั้งอยู่บนพื้นที่สโลปของภูเขา ทำให้ห้องพักส่วนใหญ่จะสามารถมองเห็นทะเลและมองเห็นพระอาทิตย์ตกได้ อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง (old town) เพียง 15-20 นาทีและห่างจากสนามบินราว 45 นาทีเท่านั้น
สาเหตุสำคัญที่วีรันดาเลือกพื้นที่พันวา-อ่าวยน เพราะว่าเป็นโซนที่ที่พักยังไม่หนาแน่น สามารถรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวตลาดพรีเมี่ยม ที่เน้นความสะดวกสบายและใกล้เมือง รวมถึงใกล้แหล่งร้านอาหารและบาร์ที่มีชื่อเสียง ไปจนถึงร้านที่ได้รับการรับรองจากมิชลินไกด์
ทำให้โซนนี้เป็นโซนที่เหมาะกับการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์และการพักผ่อนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะตลาดจีน เกาหลีใต้ และตะวันออกกลาง ไปจนถึงกลุ่มผู้ชื่นชอบงานดีไซน์และศิลปวัฒนธรรม ซึ่งจะได้ฐานลูกค้าคนไทยที่คุ้นเคยแบรนด์วีรันดาและตลาดยุโรปและอเมริกา ที่เป็น Loyalty Program ของ Marriott มาชูโรงด้วย
โดยจะปักหมุดดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมี่ยม (Premium Traveler) ที่มีกำลังซื้อสูง เน้นหาประสบการณ์ที่แตกต่าง สนใจวัฒนธรรมท้องถิ่น และอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากการศึกษาระบุว่า 68% ของนักท่องเที่ยวกลุ่มพรีเมี่ยมพร้อมที่จะใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวมากขึ้นในปีหน้า เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมากเท่ากับกลุ่มอื่นๆ ซึ่งโลเคชันนี้เหมาะกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก
ลุยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ติดแบรนด์ใหม่เครือ Marriott
‘ภวัฒก์’ เล่าให้ฟังต่อว่า โรงแรมนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 159 ห้อง ไม่ถึงกับเป็นโรงแรมขนาดใหญ่มาก แต่ด้วยตลาดนักท่องเที่ยวหลักเป็นตลาดต่างประเทศ จึงเหมาะกับการทำ Franchise agreement
โดยโมเดลนี้ วีรันดาเป็นเจ้าของและบริหารจัดการโรงแรม ขณะที่ Marriott จะเข้ามาสนับสนุนด้านมาตรฐานและ Customer Loyalty Program ซึ่งวีรันดาเคยใช้โมเดลนี้กับ 2 โรงแรมในเครือได้แก่ วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่ และวีรันดา รีสอร์ท พัทยา โดยใช้แบรนด์ M Gallery ของเครือบริหารจัดการโรงแรมระดับโลกอย่าง Accor มาแล้ว
แต่ในรอบนี้ วีรันดา เลือกแบรนด์ใหม่อย่าง ‘Autograph Collection’ ในเครือ Marriott และเป็นโรงแรม Autograph Collection แห่งแรกในภูเก็ต เหมาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เรียกว่า ‘Individual List’ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการประสบการณ์ที่แตกต่าง เป็นตัวของตัวเอง ให้ความสำคัญกับดีไซน์และศิลปะ ทำให้โรงแรมแห่งใหม่ของวีรันดาถูกดีไซน์ให้แตกต่างและมีท่วงทำนองของโลเคชันเข้าไปด้วย
โดย ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’ จะเน้นให้ความสำคัญกับดีไซน์ที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา ความโค้งมนสอดรับกันของสถาปัตยกรรม จัดวางห้องและอาคารตามสโลปของภูเขา เพื่อให้สามารถเห็นทะเลและพระอาทิตย์ตกให้ได้มากที่สุด การตกแต่งภายในห้องพักให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด เรียกว่าทุ่มงบประมาณด้านงานดีไซน์มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งซีอีโอของวีรันดา เชื่อมั่นว่า เครือ Marriott ที่โดดเด่นทางด้าน Loyalty Program และมีอัตราการเข้าพักของสมาชิก Loyalty Program สูงถึง 45-60% จะทำให้นักท่องเที่ยวรู้จักและเลือกเข้ามาพัก ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’ ได้ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงจะได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าหลักที่วีรันดาที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย และองค์กรบริษัทต่างๆ ด้วย
อีกประการ คือ เมื่อวีรันดามีรีสอร์ทในพื้นที่ภูเก็ต ที่มีอัตราการเข้าพักอย่างหนาแน่นและการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่สูงที่สุดในไทย ก็จะทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมดของวีรันดา (RevPAR) สูงขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลายปี
ปัจจุบัน ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’ สร้างและตกแต่งไปแล้วราว 70% จะเปิดให้บริการไม่เกินเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมของปี 2567
ไม่ได้มีแค่โรงแรม แต่มีโครงการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อคืนทุนได้เร็วขึ้น
นอกจากจะมี ‘Veranda Resort Phuket, Autograph Collection’ เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวแล้ว วีรันดาก็ยังได้แบ่งที่ดินบางส่วนมาทำเป็นเรสซิเดนท์ โดยใช้ชื่อโครงการว่า ‘Veranda Villa & Suite Phuket’ ทั้งหมด 17 ยูนิต แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 6 ยูนิต และคอนโด 11 ยูนิต มียูนิตน้อยกว่าโครงการอื่นๆ เพราะเน้นรูปแบบบ้านมากกว่าอาคารชุด
โดยปัจจุบันขายไปได้แล้วกว่า 53% และยังคงมีผู้สนใจเข้ามาดูอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ยูนิตบ้านจะขายไปให้กับคนไทย ส่วนคอนโดมีลูกค้าหลากหลายชาติ
สำหรับความคาดหวังที่มีต่อโรงแรมแห่งใหม่ ‘ภวัฒก์’ ยืนยันว่า โรงแรมแห่งใหม่ในภูเก็ตจะทำให้ Average Room Rate ของทั่วทั้งกรุ๊ปดีขึ้น และรับรู้รายได้ชัดเจนในปีที่ 2 และ 3 เพราะไม่ได้มีโรงแรมติดหาดแบบ Premium เปิดใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพราะสถานการณ์โควิด-19 และการใช้โมเดลพัฒนาอสังหาฯ ติดกับรีสอร์ทจะทำให้โครงการคืนทุนได้เร็วขึ้น โดยก้าวใหม่ในภูเก็ตถือเป็นการคว้าโอกาสในโลเคชันที่เติบโตได้ดีและจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
“แม้ว่าการแข่งขันและต้นทุนในภูเก็ตจะค่อนข้างสูง แต่จากการที่ตลาดกำลังอยู่ในช่วงขยายตัว และโปรดักส์ของเรามีความแตกต่างมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวในตลาดที่กว้างขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่นักท่องเที่ยวตลาดยุโรปและอเมริกา แต่รวมถึงตลาดเอเชียและคนไทยด้วย” ภวัฒก์กล่าว