SHARE

คัดลอกแล้ว

พูดคุยไปกับ ผู้กำกับ เหอรุ่นตง (Peter Ho) เจ้าของรางวัล Golden Bell พร้อมทีมนักแสดงนำ ไคเซอร์ จวง (Kaiser Chuang) และ วิเวียน ซู (Vivian Hsu) จาก WHO’S BY YOUR SIDE ซีรีส์สายดาร์กที่เจาะลึกมุมมองของความสัมพันธ์ และความท้าทายในการใช้ชีวิตคู่

แฟนซีรีส์ไต้หวันห้ามพลาดกับ Who’s By Your Side 《誰在你身邊》ออริจินัลซีรีส์เรื่องใหม่ของ HBO Asia ที่เข้าฉายสองตอนแรกไปเมื่อวันที่ 3 ต.ค. ที่ผ่านมา

ซึ่งเรื่องราวในซีรีส์กล่าวถึงความสัมพันธ์และความท้าทายในการใช้ชีวิตคู่ เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด ตลอดจนภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวละครผ่านมุมมองการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา ผลงานการกำกับของ เหอรุ่นตง (Peter Ho) ผู้กำกับเจ้าของรางวัล Golden Bell

โดยมีไคเซอร์ จวง (Kaiser Chuang) มารับบท Zhi-Sheng ช่างซ่อมรถยนต์ผู้มีหนี้สินติดตัว และ วิเวียน ซู (Vivian Hsu) รับบท Yong-Jie ภรรยาผู้ใจกว้างและมองโลกในแง่ดีของเขาซึ่งทำงานสองอย่างเพื่อหารายได้มาช่วยสามีชำระหนี้

เมื่อ Zhi-Sheng กล่าวหาอย่างไร้เหตุผลว่าผู้เป็นภรรยานั้นนอกใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ Yong-Qi น้องสาวของ Yong-Jie ที่รับบทโดย จาง จวินหนิง (Ning Chang) รู้สึกประหลาดใจ และสะกิดให้ความคลางแคลงใจในชีวิตแต่งงานที่สมบูรณ์แบบระหว่างเธอกับ Hao-Yuan รับบทโดย เฉิน เอินเฟิง (Ivan Chen) ซึ่งมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยและเป็นที่เคารพนับถือเกิดปะทุขึ้น

และแน่นอนว่า workpointTODAY PLAY ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์พิเศษกับผู้กำกับ เหอ รุ่นตง (Peter Ho) พร้อมด้วยทีมนักแสดงนำ ไคเซอร์ จวง เเละ วิเวียน ซู  ถึงเบื้องหลังการทำงาน เเละความพิเศษของซีรีส์เรื่องนี้ ก่อนไปชม ‘WHO’S BY YOUR SIDE’ 

รุ่นตง (Peter Ho)

ในฐานะที่คว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเรื่อง Age of Rebellion มาแล้ว การมานั่งแท่นผู้กำกับในเรื่อง Who’s By Your Side มีความคาดหวัง ความยากง่ายแตกต่างจากเรื่องก่อนหน้านี้ยังไงบ้างคะ แล้วอะไรเป็นแรงบันดาลใจที่จุดประกายให้เปลี่ยนแนวจากซีรีส์แนววัยรุ่น การเติบโต มาเป็นแนวที่สะท้อนชีวิตคู่สามีภรรยา รวมไปถึงความสัมพันธ์ของพี่น้องในเรื่องนี้?

Peter Ho :: ผมคิดว่าน่าจะมี 2 เหตุผล เหตุผลแรกคือ ผมคาดหวังว่าผลงานแต่ละชิ้นจะไม่เหมือนกัน เพราะผมเป็นผู้กำกับที่ผลิตผลงานในแต่ละปีออกมาไม่เยอะ ผมจึงไม่อยากให้ผลงานที่ผมกำกับออกมาเป็นแนวอุตสาหกรรมแบบโรงงานที่ผลิตสินค้าออกมาในรูปแบบซ้ำๆเดิมๆ เพราะฉะนั้นผมหวังว่าในทุกครั้งที่ผมกำกับ  ผมก็จะกลับไปเป็นศูนย์แล้วมีความกระตือรือร้นในการเริ่มต้นไปถ่ายทำใหม่

อย่างในเรื่อง Age of Rebellion จะเป็นเรื่องที่วัยรุ่นหน่อย แต่ว่าเรื่องนี้ด้วยความที่ผมแต่งงานแล้ว  ดังนั้นจึงมีมุมมองความเข้าใจต่อการแต่งงานที่ไม่เหมือนเดิม อีกทั้งยังสอดคล้องกับสภาพจิตใจในปัจจุบันของผม เนื้อเรื่องไม่เหมือนกัน การแสดงออกก็จะไม่เหมือนกัน ตัยวอย่างเช่นเรื่อง Age of Rebellion ผมจะแพลนกล้องแบบเร็ว วัยรุ่นก็จะเป็นการถ่ายสลับฉากให้ผ่านไปเร็ว แต่ว่าเรื่อง Who’s By Your Side ผมจะใช้ซีนยาว จะไม่ตัดฉากสลับไปมาเยอะ เป็นฉากที่ยาวแล้วก็ค่อนข้างเสถียร ผมอยากจะให้ผู้ชมได้รับรู้และเห็นถึงความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัว ไม่อยากจะตัดซีนสลับไปมาตัดอารมณ์ความรู้สึกผู้ชม

ทำไมถึงเลือกเล่าเรื่องความสัมพันธ์คู่ชีวิตผ่านตัวละคร สามีไม่เอาไหน กับ ภรรยาใจกว้าง ซึ่งดูเป็นการจับคู่ต่างขั้ว ที่อาจจะสร้างความอึดอัดใจให้คนดูตั้งแต่เริ่มเรื่อง

Peter Ho: ในชีวิตจริงจะมีคู่สามีภรรยาแบบนี้เยอะมาก ทุกคนจะชินกับหนังหรือซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวในด้านดีๆของคู่รัก สามีภรรยาเข้ากันได้ดี เหมาะสมกันมาก แต่ในชีวิตจริงแล้ว ผมเจอเยอะมาก ผมมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งบอกกับผมว่าสามีของเธอนั้นไม่ดีต่อเธอเลย สามีของเธอก็ไม่ได้หน้าตาดี ส่วนผู้หญิงหน้าตาดีมาก พวกเราก็เลยบอกว่าทำไมเธอไม่เลิกกับเขาล่ะ เธอต้องมีโอกาสเจอคนอื่นที่ดีกว่านั้นแน่นอน แต่ว่าเรื่องของความรู้สึกมันเป็นเรื่องที่พูดยาก เธออาจจะชอบจุดไหนของเขาสักอย่าง

ดังนั้น Yung-Jie ชอบ Zhi-Sheng ที่ตรงไหน ไม่ใช่แค่ภายนอกหรือเรื่องของเงินแน่ๆ เพราะว่าถ้าเขาชอบที่ภายนอกและเงินล่ะก็ นั่นไม่ใช่ Yung-Jie แล้ว นั่นถือว่าเป็นคนที่ผิวเผินมาก งั้น Yung-Jie เห็นอะไรในตัวเขาล่ะ เห็นว่าเขาเป็นคนที่เรียบง่าย น่ารัก บริสุทธิ์ มีผู้หญิงบางประเภทที่มีความเป็นแม่สูงมาก พวกเธอมักจะชอบดูแลฝ่ายตรงข้าม ที่จริงแล้วในสังคมมีคนแบบนี้เยอะมาก

เวลาคุณดูข่าวก็จะเห็นข่าวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงภายในครอบครัว แต่ทำไมผู้หญิงถึงไม่จากผู้ชายคนนั้นมาล่ะ เพราะว่าเธอทิ้งเขาไม่ลง มีบางอย่างที่คนนอกอย่างเรายากที่จะเข้าใจ ดังนั้นความซับซ้อนของมนุษย์ก็อยู่ตรงนี้ ความซับซ้อนทางอารมณ์ก็อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ว่าซีรีส์รักที่ดำเนินตามรูปแบบ ABC จะสามารถสรุปความเป็นมนุษย์ ได้ทั้งหมด ความเป็นมนุษย์ ในรูปแบบ A-Z ยังครอบคลุมได้ไม่หมดเลย ดังนั้นผมแค่เลือกนำความเป็นไปได้ 1 ใน 10 ส่วนของความเป็นมนุษย์แสดงออกมาเท่านั้นเอง

นอกจากปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครแล้ว จะมีอะไรให้ผู้ชมได้ลุ้นเเละประทับไปกับซีรีส์เรื่องนี้ไหม 

Peter Ho: ผมรู้สึกว่าสิ่งที่ผมอยากจะให้จดจำมากที่สุดในเรื่องก็คือ “ตัวละคร” เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใช้เหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งดึงดูดผู้ชม ยกตัวอย่างเช่น หนังต่อสู้เขาใช้ฉาก/เรื่องราวมาดึงดูดคน สิ่งที่ประเทศไทยถนัดที่สุดก็คือหนังน่ากลัว แต่ว่าซีรีส์เรื่องนี้ผมอยากให้ผู้ชมโฟกัสและตามติดชีวิตของตัวละครว่าต่อไปพวกเขาจะตัดสินใจอย่างไร พวกเขามีสิ่งไหนที่เหมือนกันกับชีวิตของพวกเรา ชีวิตพวกเขาหลังจากนี้มีอะไรที่คล้ายกับพวกเราบ้างหรือไม่

เห็นว่าคุณเขียนบทเองด้วย ได้แรงบันดาลใจในในการเขียนบทมาจากไหน

Peter Ho: เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยาย ชื่อว่า Huangwen  เป็นนิยายสยองขวัญ เนื้อหาต้นฉบับจะน่ากลัวตลอดทั้งเรื่องเลย ตอนที่ผมเขียนบท ผมยิ่งเขียนก็ยิ่งอยากจะใส่ตัวละครเข้าไป เพื่อลดความน่ากลัวลง จากเดิมที่น่ากลัว100 เปอร์เซ็นต์ลดลงเหลือเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น  อีก 95 เปอร์เซ็นต์ใส่เนื้อหาของตัวละครลงไปเป็นหลัก ผมกำกับเรื่องนี้กับเรื่องที่แล้วมีนักแสดงหลายท่านถามว่า ตอนสมัยเด็กๆ ผมพบเจอเรื่องที่มันเลวร้ายมามากแค่ไหนเหรอ

ทำไมถึงมีความคิดแบบนี้ จริงๆผมรู้สึกว่าครอบครัวของผมมีความสุขมากนะ แต่เนื่องจากผมเป็นนักแสดงมานาน ผมชินที่จะซึมซับและสังเกตสิ่งรอบข้างเก็บไว้ในตัวผม พอถึงเวลาหนึ่ง คุณก็อยากจะปลดปล่อยสิ่งที่คุณสังเกตมาตลอด และเสริมสิ่งที่คุณต้องการแสดงออกลงไป ถ้าดูจากข่าวสังคมหรือเพื่อนๆรอบข้าง จะเห็นได้ว่าปัญหาเกิดจากสิ่งเล็กๆ และสั่งสมเกิดเป็นปัญหาใหญ่ จนกระทั่งไม่สามารถแก้ไขได้ คุณไม่รู้เลยว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากจุดเล็กๆเท่านั้น ผมมักจะเห็นข่าวเพื่อนสนิทที่แทงกันจนตาย  สาเหตุก็มาจากปัญหาเล็กๆน้อยๆ เช่นกัน

ช่วยพูดถึงนักแสดงหญิงอีก 2 ท่านหน่อยค่ะว่า ประทับใจอะไรในตัวของวิเวียน ซูกับจางจวินหนิงถึงได้เชิญทั้งคู่กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง รวมไปถึงเฉินเอินเฟิงที่กลับมารวมตัวกันเป็นครั้งที่ 2 หลังเจอกันแล้วในเรื่อง Age of Rebellion

Peter Ho:  สำหรับคุณวิเวียนซู (Vivian Hsu) ผมรู้จักกับเธอมา 20 กว่าปีแล้ว แต่ว่าเราไม่เคยทำงานร่วมกัน ผมชอบนิสัยของเธอ เธอเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมาก รับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นแม่ พี่สาวหรือว่าน้องชายของเธอ สำหรับโปรดิวเซอร์แล้ว ผมก็ต้องการคนที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งในด้านนี้เธอก็ตอบโจทย์ผมมาก ส่วนในด้านการแสดง เธอเป็นนักแสดงที่ดีมาก มีความสามารถ เธอไม่ใช่คนที่ยึดติด ให้ทำอะไรก็สามารถทำได้หมด

สำหรับคุณจวินหนิง (Ning Chang) ผมรู้จักกับเธอมานานมาก เคยได้ร่วมงานกับเธอไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ละคร โฆษณา เอ็มวี ร่วมงานด้วยกันมาหมดแล้ว คุ้นเคยกันมาก ผมเลยหวังว่าเธอจะมาร่วมในผลงานชิ้นสำคัญของผมในครั้งนี้ เรื่อง Age of Rebellion เธอได้เข้าแค่ 2-3 ฉาก แต่สำหรับผมแล้วมันยังไม่พอ เพราะมิตรภาพระหว่างผมกับเธอดีมาก ผมจึงทาบทามเธอให้มาแสดงเป็นตัวละครหลักในเรื่อง บวกกับทุกคนมักจะรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยสง่า อ่อนโยน แต่ว่าจริงๆแล้วเธอก็มีด้านที่แมนเหมือนกัน ดังนั้นในครั้งนี้ผมจึงให้เธอตัดผมสั้น เป็นแบบ Rocker ยอมทำทุกอย่างเพื่อสามีที่เธอรัก มีบุคลิกที่พิเศษไม่เหมือนใคร

สำหรับเฉินเอินเฟิง (Ivan Chen) ผมรู้จักเขามานานมากๆ แล้ว รู้จักมา 20 กว่าปี ตอนแรกเราทั้งสองคนเริ่มจากการเป็นนายแบบมาด้วยกัน งานแฟชั่นโชว์แรกของผมก็เป็นเวทีแรกของเขาเช่นกัน แล้วเราก็โดนด่ามาพร้อมๆ กัน เริ่มต้นจากศูนย์เหมือนกันแล้วก็ค่อยๆเดินมาจนถึงจุดนี้ เราเลยไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย เราต่างก็เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกัน เมื่อ 10 ปีที่แล้วเขาเคยเล่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง เรื่องนั้นเขาไม่ชอบมันเลย ซึ่งผลตอบรับก็ออกมาไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาจึงไม่รับแสดงภาพยนตร์อีกเลย

แต่ในเรื่อง Age of Rebellion ผมรู้สึกว่าบุคลิกของเขาเหมาะกับการเล่นภาพยนตร์ ผมเลยดึงดันให้เขากลับมาแสดงให้ได้ ผลคือเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม ผมชื่นชอบการแสดงของเขา เพราะว่าเขาไม่ได้ใช้เทคนิคเหมือนเวลาเรียนการแสดง มันค่อนข้างเรียล ผมเลยเลือกเขามาแสดงในเรื่องนี้ ในเรื่องที่แล้วเขาเล่นเป็นนักฆ่า แต่ในเรื่องนี้ให้เขาแสดงเป็นผู้ชายอบอุ่นและอ่อนโยน

การใช้โทนสีภาพเหมือนกำลังดูภาพยนตร์ เป็นเสน่ห์ในการเล่าเรื่องชวนตื่นเต้นลุ้นระทึกมากๆ พูดถึงเทคนิคการถ่ายทำหน่อย

Peter Ho:  โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่สนใจในเรื่องการถ่ายภาพ/วีดีโอ ผมจะค่อนข้างใส่ใจภาษาที่สื่อออกมาผ่านกล้อง อย่างเวลาดูซีรีส์เกาหลีในหลายๆเรื่อง ส่วนมากมักจะมีมุมกล้องหลายมุม และตัดฉากออกมาเยอะๆ ท่อนหนึ่งมีไม่กี่วินาที นี่เป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้การดำเนินเรื่องเร็ว

แต่วิธีการของผมคือเป็นซีนยาว แต่ไม่ได้หยุดนิ่ง คือกล้องจะตามติดตัวนักแสดงไป ภาพที่ออกมาก็จะไม่เหมือนกับกล้องกำลังถ่ายทำอยู่ แต่จะเหมือนกับคุณเข้าไปอยู่ในสถานการณ์นั้นๆ และกำลังดูเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ สำหรับผมแล้วคิดว่าวิธีการถ่ายทำแบบนี้มันจะค่อนข้างเหมาะกับเรื่องนี้ ทำให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครได้มากขึ้น ไม่ถูกตัดอารมณ์โดยการเปลี่ยนฉากบ่อยๆ

เล่าถึงการทำงานในกองถ่าย รวมถึงการทำงานกับ HBO

Peter Ho: ผมต้องขอบคุณ HBO ที่ซื้อซีรีส์เรื่องนี้ของผม ในตอนแรกผมลงทุนกับนักลงทุนท่านหนึ่ง หลังจากเริ่มถ่ายทำแล้ว HBO ถึงมาซื้อลิขสิทธิ์ซีรีส์ของผม ทาง HBO ไม่ได้ออกทุนให้ผมสร้างเรื่องนี้ สำหรับผมแล้วมันถือว่าเป็นความเสี่ยงมาก ถ้าเกิดไม่มีใครซื้อผมก็คงจะขาดทุน ประจวบกับ HBO ชอบซีรีส์เรื่องนี้ของผมพอดี ก่อนหน้านี้ผมดูซีรีส์เรื่อง Game of thrones ที่ฉายทาง HBO ผมจึงรู้สึกเป็นเกียรติและดีใจมากๆที่ซีรีส์ของผมจะได้เข้าฉายในช่องเดียวกันกับซีรีส์ที่ผมชื่นชอบมากๆ อย่าง Game of thrones

เรื่องราวต่อนข้างดาร์กและดราม่ามาก คุณมีปัญหาหรือความยากที่ต้องเผชิญในระหว่างการถ่ายทำบ้างหรือไม่?

Peter Ho: ในระหว่างถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้อยู่ในช่วงที่โควิดระบาดหนัก การยืมใช้สถานที่ถ่ายทำเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าเกิดว่ามีทีมงานคนใดคนหนึ่งมีปัญหา เราก็ต้องพักกอง ทุกอย่างก็จะต้องหยุด ในระหว่างการถ่ายทำทุกคนต่างก็เครียดมาก อีกทั้งเนื่องจากอยู่ในช่วงโควิด สถานที่ถ่ายทำที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว พอวันถ่ายทำจริงไปถึงที่นั่น อยู่ๆก็บอกว่าถ่ายไม่ได้แล้ว พวกเราก็ต้องรีบหาสถานที่ถ่ายทำใหม่ทันที

เพราะเราไม่สามารถเลื่อนวันและเวลาได้ เนื่องจากคิวของนักแสดงแต่ละท่านก็มีเวลาจำกัด พวกเขายังมีซีรีส์เรื่องอื่นที่จะต้องไปแสดงต่อจากนี้อีก เพราะฉะนั้นก็จะต้องแก้บทสดตรงนั้นทันที ต้องตั้งมุมกล้องใหม่ทั้งหมดซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้เตรียมการมาหมดแล้วว่าจะใช้มุมกล้องตรงไหนบ้าง เป็นการทำผลงานออกมาโดยผ่านสภาพแวดล้อมความกดดันต่างๆมากมายจริงๆ ครับ

ไคเซอร์ จวง (Kaiser Chuang)  เเละ วิเวียน ซู (Vivian Hsu) 

ในเรื่องนี้คุณ Vivian Hsu รับหน้าที่ทั้งผู้ผลิตและนักแสดงด้วย คุณคิดว่าส่วนไหนยากที่สุด 

Vivian: ฉันคิดว่าความแตกต่างระหว่างผู้ผลิตและนักแสดงก็คือ ผู้ผลิตทำหน้าที่หาเงินทุน สร้างผลงานออกมาให้ดี สำหรับหน้าที่ของนักแสดงก็คือเก็บเงิน แสดงผลงานออกมาให้ดี สำหรับฉันคิดว่าส่วนที่ยากที่สุดน่าจะเป็นขั้นตอนการหาเงินทุน ต้องแบกรับความกดดันอยู่เบื้องหลัง รวมถึงเบื้องหน้าก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคและปัญหาต่างๆมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ในระหว่างการเตรียมการถ่ายทำ การยืมสถานที่ถ่ายทำต่างๆอย่างโรงพยาบาลหรือบาร์ก็ค่อนข้างยาก อีกทั้งยังต้องแก้ไขปัญหาต่างๆเพื่อให้ผู้กำกับสามารถทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นค่ะ

ตัวละคร Yong-Jie กับ ตัวจริงของ Vivian Hsu มีส่วนที่เหมือนกันบ้างหรือไม่

Vivian: ฉันคิดว่ามีส่วนที่เหมือนกัน เพราะฉันเป็นคนเป็นคนที่ทำงานอย่างเต็มที่สุดแรงกำลังตั้งแต่เด็กๆ ฉันเป็นคนที่ดูแลหาเลี้ยงครอบครัว เป็นเสาหลักของบ้าน ดังนั้นเพื่อความเป็นอยู่อย่างสุขสบายของครอบครัว ฉันสามารถทำงานสองอย่างได้สบายไม่มีปัญหา เป็นคนที่ไม่คร่ำครวญและทำอะไรก็ทำอย่างจริงจังในทุกๆเรื่อง ตัวละคร Yong-Jie ในซีรีส์เคยพูดว่า “ทุกปัญหาล้วนมีทางออก” ส่วนตัวฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันว่า “ถ้าเจอปัญหาก็แก้ไข”

Kaiser: ผมคิดว่าในเรื่องนี้ ตัวละคร Yong-Jie ดูแล Zhi-Sheng เหมือนดูแลเด็กเล็กๆเลย ทั้งๆที่เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จากที่ผมรู้จักกับวิเวียน ซู มา เธอเป็นคนที่ทำงานมาหลากหลายบทบาทมาก เป็นทั้งนักร้อง นักแสดง นักเขียน นอกจากนี้ยังเป็นภรรยา เป็นแม่ เพียงแค่นี้เธอก็น่าจะยุ่งมากๆแล้ว แต่เธอก็ยังทุ่มเทดูแลคนรอบข้างและเพื่อนทุกคนที่เธอรู้จักเหมือนเป็นคนในครอบครัวของตัวเอง ผมคิดว่าส่วนนี้เป็นส่วนที่เหมือนกับตัวละคร Yong-Jie ในเรื่องมากที่สุด เธอเป็นคนที่ชอบดูแลคนอื่น

ตัวละคร Zhi-Sheng กับ ตัวจริงของ Kaiser Chuang มีส่วนที่คล้ายหรือเหมือนกันบ้างหรือไม่ เราได้ยินมาว่าตอนที่คุณอ่านบท คุณรู้สึกซาบซึ้งจนถึงกับร้องไห้ อยากทราบว่าส่วนไหนในเรื่องที่ทำให้คุณประทับใจเช่นนั้น

Kaiser: ไม่ขนาดนั้นหรอก ผมคิดว่าผมแค่เป็นคนที่เซนซิทีฟมาก ตอนแรกผู้กำกับ Peter Ho นัดผมที่ร้านกาแฟเพื่อคุยเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ สิ่งที่เขาพูดถึงเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในซีรีส์มีหลายส่วนที่ทำให้ผมซาบซึ้งและประทับใจ สิ่งที่เขาเล่าเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของเขา ผมคิดว่าตัวผู้กำกับเองเขาเริ่มต้นจากการเป็นนักแสดง เขาจึงแสดงออกและถ่ายทอดความรู้สึกออกมาได้ดี ตอนที่เขาพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา เขาอยู่ในวัยที่เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของความสัมพันธ์และปัญหาที่แท้จริงระหว่างสามีภรรยา

ผมจำได้ว่าตอนที่เราพูดคุยกันเรื่องนี้ เขาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน ผมคิดว่าผู้กำกับท่านอื่นที่ไม่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน เวลาพวกเขาอธิบายต้องใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าที่พวกเราจะเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อออกมา แน่นอนว่าแต่ละคนก็มีจุดเด่นไม่เหมือนกัน แต่สำหรับ Peter เขามองในมุมมองของนักแสดงเลยทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งและประทับใจในสิ่งที่เขาพูดถึง ผมเลยอยากร่วมงานกับเขาและคิดว่าผลงานที่ออกมาน่าจะเป็นผลงานที่น่าประทับใจอีกชิ้นหนึ่งเลยครับ

ในซีรีส์เรื่องนี้คุณ Vivian Hsu รับหน้าที่ 2 อย่างคือเป็นทั้งผู้ผลิตและนักแสดง อยากทราบว่าคุณมีความพึงพอใจในหน้าที่ไหนมากกว่ากัน

Vivian: ฉันคิดว่าฉันน่าจะพอใจกับการเป็นนักแสดงมากกว่า เพราะว่าปกติฉันใช้เวลาทำอะไรหลายๆอย่างในแต่ละวันค่อนข้างรวดเร็ว ตอนที่ฉันรับงานแสดง ฉันรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นการให้ตัวเองได้มีเวลาพักผ่อนบ้างและก็เหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของคนอื่น

เพราะฉันใช้ชีวิตในแต่ละวันเหนื่อยมาก ฉันต้องเป็นทั้งภรรยา แม่ นักร้อง นักแสดง และต้องทำอะไรหลายๆอย่างในหนึ่งวัน ตอนที่ฉันเป็นนักแสดง ทุกคนอาจจะคิดว่าฉันทำงานเหนื่อยมาก แต่ฉันกลับมองว่ามันเป็นการให้ตัวของฉันเองได้หยุดพัก ฉันรู้สึกมีความสุขมากในการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงสิ้นสุดการถ่ายทำในแต่ละเรื่อง ฉันพึงพอใจกับผลงานมาก ส่วนการรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตนั้นต้องเผชิญหน้ากับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ และค่อนข้างมีความกดดันสูงมากค่ะ 

ซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับปัญหาต่างๆในชีวิตคู่ คุณทั้งสองคนต่างก็แต่งงานแล้ว ไม่ทราบว่ามีส่วนไหนในเรื่องที่เหมือนกับชีวิตคู่ในชีวิตจริงของคุณบ้างและคุณได้เรียนรู้อะไรจากซีรีส์เรื่องนี้บ้าง

Kaiser: จริงๆแล้วผมก็เคยคิดเรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนที่ซีรีส์ใกล้จะออกอากาศ ผมคิดว่าความท้าทายของการใช้ชีวิตคู่ซึ่งน่าจะเป็นกันหลายๆคู่ก็คือเราจะเริ่มไม่สนใจและละเลยเรื่องเล็กๆน้อยๆของอีกฝ่าย พอมีปัญหาเกิดขึ้นปัญหาต่างๆมันก็จะค่อยๆเริ่มสะสม นั่นก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าเราต้องพูดคุยสื่อสารกันตลอดเวลาและปรับความเข้าใจกันทันที ผมมักจะมองว่าภรรยาของผมไม่ใช่ภรรยาแต่เป็นแฟนเก่า เพราะว่าคุณจะสามารถพูดคำว่า ขอบคุณหรือขอโทษได้ง่ายกว่า แต่พอกลายมาเป็นคนในครอบครัวแล้วเราอาจจะละเลยคำพูดง่ายๆหรือสิ่งต่างๆนี้ไปเพราะคิดว่าเป็นคนกันเอง ดังนั้นสิ่งที่ผมเรียนรู้จากเรื่องนี้คือการใช้ชีวิตคู่เราต้องพูดคุยสื่อสารกันตลอดเวลา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ทุกคนลองเอาวิธีนี้ไปใช้ดูได้นะครับ

ตัวละครสามีของคุณ Vivian Hsu ในเรื่องค่อนข้างเป็นคนไม่เอาไหน ทั้งเล่นการพนัน ดื่มเหล้า คุณคิดว่าทำไม Yong-Jie ถึงยอมรับได้ว่าเขาเป็นสามีของคุณ

Vivian: จริงๆแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่ไม่ดีนะ เพราะฉันคิดว่า Yong-Jie ในเรื่องเลือกที่จะอยู่กับเขา ไม่ทอดทิ้งเขาน่าจะเป็นเพราะว่าเธอรู้จัก Zhi-Sheng เป็นอย่างดีตั้งแต่ตอนที่เขาประสบความสำเร็จจนกระทั่งในตอนที่เขาล้มเหลว เธอรู้ว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง และเธอก็รู้ถึงจุดเริ่มต้นของการเล่นพนันซึ่งนั่นทำให้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่ไม่ดี รวมถึงเธอก็รู้ว่าสามีของเธอมีความหวังในการเล่นพนันว่าเขาจะสามารถชนะพนันได้สักครั้งเพื่อให้ภรรยาและลูกของเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

จริงๆแล้วซีรีส์เรื่องนี้ต้องดูไปจนถึงตอนจบ คุณจะพบว่า Zhi-Sheng เขามีการพัฒนาขึ้น เขาเป็นคนดี ตอนที่ฉันแสดงซีรีส์เรื่องนี้เหมือนเป็นการสะท้อนถึงชีวิตของตัวเอง เพราะว่าพ่อของฉันก็เป็นแบบนี้ พ่อแม่ของฉันหย่ากันตั้งแต่ฉันอายุ 3 ขวบ ตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าพ่อล้มเหลวทางธุรกิจ ติดการพนัน ส่วนแม่ของฉันก็เหมือนกับ Yong-Jie ในเรื่องเลยคือทำงานสองอย่างพร้อมกัน รวมถึงดูแลบ้าน อดทนและรักพ่อของฉันมาก พ่อแม่ของฉันเหมือนกับตัวละคร Zhi-Sheng และ Yong-Jie ในเรื่องเลย แม่ของฉันก็เป็นคนที่ไม่โอดครวญ ทุกวันก็ขยันและตั้งใจทำงานพร้อมทั้งดูแลบ้าน แม่รู้ถึงมุมที่น่ารักของพ่อและรู้ว่าพ่อเป็นคนดี แต่ว่าอาจจะใช้วิธีที่ผิดในการแก้ปัญหา

Kaiser: ผมคิดว่าคู่รักแบบนี้พื้นฐานความรักพวกเขาก็คือยังมีความรักให้กันอยู่ แต่พอเกิดปัญหาขึ้นก็มีวิธีการรับมือกับปัญหาที่แตกต่างกัน ไม่สื่อสารกัน 

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างดาร์ก อยากทราบว่าบรรยากาศในการถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง เพราะผู้กำกับเหอรุ่นตงก็เป็นคนค่อนข้างอบอุ่น

Kaiser: บรรยากาศในการถ่ายทำค่อนข้างมีความสุขมาก ทุกๆวันในกองถ่ายก็มักจะมีเพื่อนๆแวะมาเยี่ยมเยียน เป็นบรรยากาศที่ดีและอบอุ่นมาก เหมือนเป็นการรวมญาติกันในวันตรุษจีน ผมคิดว่าบรรยากาศเหล่านี้มันช่วยทำให้พวกเรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเวลาที่ต้องถ่ายทำฉากที่ค่อนข้างซีเรียส

คุณ Kaiser Chuang ได้ร่วมงานกับทาง HBO ในเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ 2 แล้ว คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง รวมถึงมีคนบอกว่าคุณกลายเป็นลูกรักของ HBO ไปแล้ว

Vivian: ถ้าดูจากอายุของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นพ่อของ HBO มากกว่า (หัวเราะ)

Kaiser: ตอนที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่องนี้ ผมไม่ค่อยทราบรายละเอียดพวกนี้เท่าไหร่ ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกเราจะได้ร่วมงานกับทาง HBO ผมคิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาด้วย ผมรู้สึกดีใจมากเพราะว่า HBO เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก ผมเลยรู้สึกว่าเยี่ยมมากเลยที่จะได้ถ่ายทอดเรื่องราวให้ผู้ชมจากทั่วโลกได้รับชม ได้เห็นความแตกต่างระหว่างเรื่องนี้และเรื่องก่อนหน้านี้ที่ผมแสดง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถตัดสินใจเองได้แต่พอได้ยินว่าจะฉายทาง HBO ก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก ขอบคุณมากครับ 

Vivian: ฉันรู้สึกโชคดีมาก สำหรับซีรีส์เรื่องที่แล้วที่ฉายทาง HBO กับเรื่องนี้จะแตกต่างกันมาก เป็นคนละแนวกันเลย อย่างเรื่องที่แล้ว Dream Raider จะเป็นซีรีส์แนวไซไฟซึ่งฉันไม่เคยแสดงแนวนี้มาก่อนเลย เป็นโปรเจคที่ใหญ่มาก ส่วนเรื่องนี้พอฉันรู้ว่าซีรีส์จะได้เข้าฉายทาง HBO อีก ก็รู้สึกดีใจและต้องขอบคุณทาง HBO มากที่สนับสนุนผลงานของพวกเรา หวังว่าฉันจะโชคดีและได้รับโอกาสที่ดีแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะคะ (หัวเราะ)

พวกคุณคิดว่าเหตุผลที่ต้องดูซีรีส์ Who’s By Your Side คืออะไร

Vivian: เหตุผลที่ต้องดูก็เพราะว่าฉันแสดงเรื่องนี้ค่ะ (หัวเราะ)

Kaiser: เป็นเหตุผลที่ตรงประเด็นมากครับ (หัวเราะ) ผมคิดว่าซีรีส์ Who’s By Your Side เป็นเรื่องที่ค่อนข้างให้คำจำกัดความหรือคำนิยามยาก เรื่องนี้ถ่ายทอดมุมมองความดาร์ก ความลึกลับ พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ ความรัก การแต่งงาน รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ลูก ผมเชื่อว่าทุกคนถ้าได้ดูเรื่องนี้แล้วจะพบส่วนที่สามารถเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของคุณที่คุณจะสามารถสัมผัสและรับรู้ได้ เมื่อดูเรื่องนี้จบแล้วผู้ชมน่าจะได้ข้อคิดรวมถึงพลังในการใช้ชีวิตต่อไปครับ

แฟนซีรีส์ไต้หวันห้ามพลาดกับ Who’s By Your Side 《誰在你身邊》ซีรีส์ความยาว 10 ตอน ออริจินัลซีรีส์จาก HBO Asia ที่เล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์และความท้าทายในการใช้ชีวิตคู่ เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด ตลอดจนภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของตัวละครผ่านมุมมองการใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขา สามารถรับชมตอนใหม่ได้ทุกวันอาทิตย์ เวลา 20.00 น. ทาง HBO GO เท่านั้น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า