Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ข่าวใหญ่ในวงการสตรีมมิ่ง เมื่อ YouTube ประกาศถอย สั่งปิดแผนก YouTube Originals ยุบทีมสร้างคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟ ทั้งหนัง ซีรีส์ สารคดีที่หาดูได้ที่เดียวบน YouTube เท่านั้น 

โดยให้เหตุผลในการยุบทีมว่า นับจากนี้ทางบริษัทจะทุ่มกำลังและเงินทุนไปที่ ‘ครีเอเตอร์’ และ ‘ยูทูเบอร์’ ที่สร้างสรรค์คอนเทนต์บนแพลตฟอร์ม

แต่เหตุผลเพียงเท่านี้ ทำให้เราไม่ได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด บทความนี้ TODAY Bizview จะอธิบายถึงสาเหตุ ที่มาที่ไปให้เข้าใจง่ายๆ ใน 10 ข้อ

1) YouTube Originals ก่อตั้งครั้งแรกในปี 2016 เป็นทีมผลิตเนื้อหาป้อนลงแพลตฟอร์ม YouTube Red บริการสตรีมมิ่งแบบเสียค่าใช้บริการรูปแบบเดียวกับ Netflix 

แนวทางการผลิตคอนเทนต์ในช่วงแรกๆ เน้นไปที่การดึงยูทูเบอร์ที่ดังที่สุดในโลกตอนนั้นคือ PewDiePie มาสร้างเป็นซีรีส์ของเขาโดยเฉพาะในชื่อว่า Scare PewDiePie ซึ่งสร้างโดยผู้บริหารระดับสูงของทีมสร้าง The Walking Dead เลยทีเดียว 

2) ในระยะต่อมา ทีม YouTube Originals ก็พยายามสร้างคอนเทนต์ความบันเทิงในสไตล์ฮอลลีวูดมากขึ้น สร้างซีรีส์ Cobra Kai ภาคต่อของ The Karate Kid ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในปี 2018

3) หลังจากนั้น YouTube Originals ก็เพิ่มรายการใหม่ๆ ครอบคลุมหลากหลายภาษา โดยเฉพาะสายสารคดีวงการเพลง ที่โด่งดังคือนำ BTS: Burn The Stage สารคดีเบื้องหลังการแสดงคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ของ BTS มาลงฉาย หรือแม้กระทั่งรายการพิเศษของ Barack Obama

ถ้าดูจำนวนรายการ YouTube Originals แล้วก็มีจำนวนไม่น้อย ครอบคลุมหลากหลายประเภท แต่จะเน้นหนักไปทางสารคดีและเรียลลิตี้ ส่วนคอนเทนต์ซีรีส์หรือหนังจำพวกที่ต้องมีการเขียนบท หรือ scripted content นั้นมีสัดส่วนน้อยกว่า 

4) ด้วยศักยภาพของ YouTube ที่มี Alphabet บริษัทแม่ของ Google เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมถึงการเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลก ทำให้ YouTube Originals ถูกจับตามองว่า นี่คือหนึ่งในคู่แข่งที่จะท้าชน Netflix ได้ เพราะ YouTube มีพร้อมแทบทุกอย่างในการสู้ในสมรภูมิสตรีมมิ่ง 

5) แต่แล้วเรื่องราวก็พลิกผัน โดยในปี 2019 ปรากฏสัญญาณขาลงของ YouTube Originals 

โดยสัญญาณนั้น คือการที่ YouTube ประกาศในอีเมลที่ส่งไปยังสมาชิก YouTube Premium ว่า คอนเทนต์ของ YouTube Originals นับจากนี้ จะเปิดให้ดูฟรีแบบมีโฆษณาได้เลย ไม่ต้องมีกำแพงค่าสมาชิกหรือ paywall มากั้นเหมือนเดิมอีกต่อไป

ส่วนผู้ใช้งาน YouTube Premium อยู่แล้วก็ยังได้สิทธิประโยชน์ในการดูเนื้อหาแบบไม่มีโฆษณาและดาวน์โหลดดูแบบออฟไลน์ได้ 

6) เหตุผลที่ YouTube ต้องยอมลดกำแพงลง เป็นเพราะต้องการตรึงคนดูเอาไว้ในแพลตฟอร์มให้ได้ ซึ่งอันที่จริงแล้ว YouTube ก็รู้ดีว่า นอกจาก YouTube Originals แล้ว หนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยตรึงคนให้อยู่บน YouTube ได้นานก็คือ เหล่าครีเอเตอร์และยูทูเบอร์ทั้งหลายนั่นเอง

เมื่อเปิดดูข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า YouTube ลงทุนให้ครีเอเตอร์ ศิลปิน และบริษัทสื่อร่วม 3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยเกือบ 1 ล้านล้านบาทในระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และยังมีการเติบโตรวมถึงโอกาสใหม่ๆ อีกมากมาย

8) สุดท้ายในปี 2022 ก็ถึงเวลาที่ YouTube รั้งโครงการ YouTube Originals ไม่ไหวอีกต่อไป ต้องตัดสินใจยุบทีมทิ้ง และหันไปโฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีและมีอยู่แล้ว นั่นคือการหันกลับไปสนับสนุนครีเอเตอร์และยูทูเบอร์ที่มีอยู่แล้วนับล้านคนบนแพลตฟอร์มดีกว่า

จากอีเมลประกาศยุบ YouTube Originals มีเผยตัวเลขด้วยว่า ตอนนี้มีครีเอเตอร์มากกว่า 2 ล้านคนใน YouTube Partner Program (โครงการเข้าถึงฟังก์ชันและรายได้ของ YouTube) และยังเผยด้วยว่าชุมชนครีเอเตอร์ของ YouTube ไม่เคยประสบความสำเร็จเท่านี้มาก่อน 

อย่างไรก็ตาม การยุบทีม YouTube Originals ส่งผลให้ Susanne Daniels หัวหน้าทีมตัดสินใจลาออกจากบริษัทในทันที

9) เบื้องหลังของเรื่องราวการยุบทีม YouTube Originals จึงทำให้เห็นภาพได้ว่า YouTube ลดสเกลการลงทุนคอนเทนต์แบบ Originals เพื่อไปทุ่มให้กับครีเอเตอร์ผ่านโครงการย่อยๆ ดีกว่า ซึ่งเมื่อไปขุดดูก็พบว่า มีทั้งโครงการ Black Voices และ YouTube Kids Funds 

หรืออย่างเมื่อกลางปีที่แล้ว YouTube ยังแสดงท่าทีชัดเจนในการแข่งขันกับ TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอสั้นที่ฮิตไปทั่วโลก ด้วยการทุ่มทุน 100 ล้านดอลลาร์ตั้งกองทุน YouTube Shorts Fund ชิงตัวอินฟลูเอนเซอร์มาสร้างคอนเทนต์บน YouTube Shorts 

10) เป็นธรรมชาติของ Google “ทำอะไรไม่เวิร์ค…ก็เลิกทำ” 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของ YouTube และ Google ในการระงับโปรเจกต์ และบริการต่างๆ จนถึงตอนนี้ Google ส่งโปรดักต์ตัวเองเข้ากรุมาแล้วนับไม่ถ้วน ถึงกับมีเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลไว้ว่า Google ปิดตัวอะไรไปแล้วบ้าง สามารถเข้าไปดูเล่นได้ที่เว็บไซต์ https://killedbygoogle.com 

ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง ที่ต้องบอกว่า หาก YouTube จะแข่งกับ Netflix นั้นสามารถทำได้และมีความเป็นไปได้สูง (ช่วงเปิดตัว YouTube Originals ใหม่ๆ ยังไม่มี Disney+) เนื่องจากมีทุนและมีฐานผู้ใช้งานทั่วโลกรออยู่แล้ว แต่หากต้องลงทุนลงมือไปพร้อมๆ กับการสนับสนุนยูทูเบอร์ทั่วโลก ก็อาจเป็นงานหนักพอสมควร 

ถึงที่สุดแล้ว คอนเทนต์ที่คนชอบดูบน YouTube ก็เป็นคอนเทนต์ที่ผลิตจากครีเอเตอร์เสียเป็นส่วนใหญ่ จนถึงขนาดที่อาจพูดได้เลยว่า YouTube ไม่จำเป็นต้องลงมาสร้างคอนเทนต์เองก็ได้ ยังไงก็มีคนดูคอนเทนต์อยู่บนแพลตฟอร์มอยู่แล้ว 

สุดท้ายเมื่อคิดได้แบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไม YouTube จึงเลือกยุบทีม Originals แล้วหันไปทุ่มทุนที่ครีเอเตอร์โดยตรง เพื่อสู้ในศึกสตรีมมิ่งอันดุเดือด

อ้างอิงข้อมูล : Ars Technica, WSJ, TechCrunch, Wikipedia, Blognone

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า