
จากกรณี เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ผู้เสียหายแจ้งตำรวจว่า ญาติ 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 1 ควบคุมตัวไปจากบ้านใน ต.ทะเลชุบศร อ.เมืองลพบุรี และได้เรียกเงินแลกกับการปล่อยตัวทั้งคู่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบกับ สภ.เมืองลพบุรี ไม่พบการจับกุมดังกล่าว จึงมีการซ้อนแผนนัดหมายจ่ายเงิน และควบคุมตำรวจชุดป้องกันปราบปรามยาเสพติดฯ ได้ 4 นาย
วันที่ 18 เม.ย. พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี ได้สอบปากคำ 4 นายตำรวจ นานกว่า 4 ชั่วโมง โดยผู้ต้องหายังให้ปฏิเสธ เบื้องต้นตำรวจแจ้ง 5 ข้อหา คือ ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ร่วมกันกรรโชกทรัพย์,พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, เป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ เป็นเจ้าหน้าพนักงานเรียกรับสินบน พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก เกรงจะข่มขู่พยาน และทำลายพยานหลักฐาน
จากนั้นช่วงบ่ายได้นำตัว 4 นายตำรวจ ออกจากห้องขังพาขึ้นรถกระบะตู้ควบคุมผู้ต้องหา พร้อมด้วยผู้ต้องหายาเสพติดคดีเดียวกัน ไปฝากขังยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ที่จังหวัดสระบุรี

สภาพเซฟเฮ้าส์และผู้ที่ตำรวจนำไปควบคุมตัวไว้ระหว่างเรียกค่าไถ่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 16 เม.ย. เวลา 16.00 น. ชายฉกรรจ์อ้างว่าเป็นตำรวจ ไม่แสดงบัตรเข้าข่มขู่จะยัดยา ก่อนจะคุมตัวนายคมสันต์ และนางทรัพย์ ไปโดยห้ามไม่ให้ญาติตาม เพียงแต่ให้รอการติดต่อกลับมานั้น ขณะที่นายคมสันต์ และนางทรัพย์ ยืนยันว่าวันถูกจับกุมไม่มียาบ้าแต่อย่างใด
ต่อมาหญิงคนหนึ่งเป็นผู้ต่อรองวงเงินกับ 4 นายตำรวจ ให้ข้อมูลว่า หลังจากที่นายคมสันต์ และนางทรัพย์ ถูกจับกุมตัวไปนั้น ญาติได้ติดตามาดูที่สถานีตำรวจภูธรเมืองลพบุรี เพื่อขอเยี่ยมและประกันตัว แต่ตำรวจได้ตรวจสอบไปยังชุดต่างๆ แจ้งว่าในพื้นที่ยังไม่มีการจับกุมบุคคลทั้ง 2 แต่อย่างใด จากนั้นผู้เสียหายได้โทรศัพท์มาหาบอกต้องการเงิน ส่วนตัวจึงตัดสินใจบอกเรื่องราวทั้งหมดกับตำรวจลพบุรี และได้วางแผนร่วมกันกระทั่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ในระหว่างนำเงินไปให้

เบื้องต้นผู้ต้องหาได้เรียกเงินแลกกับการปล่อยตัวนายคมสันต์ และนางทรัพย์ เป็นจำนวนเงิน 5 เเสนบาท ส่วนตัวไม่มีจึงต่อรองลงมาเหลือ 1 แสนบาท แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมขอเป็น 1 แสน 5 หมื่นบาท สุดท้ายกลับมาตกลงได้ที่ 1 แสน 3 หมื่นบาท นอกจากนี้ หญิงคนนี้ยังยอมรับว่าที่ผ่านมานายคมสันต์และนางทรัพย์ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจริง และหากถูกจับเข้ากระบวนการยุติธรรมจริงไม่ได้ถูกรีดไถ่ก็พร้อมที่จะให้ดำเนินคดี
ด้านพลตำรวจโทอำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินับร้ายแรง และให้ 4 นายตำรวจออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรมกับทั้งทุกฝ่ายหากพบว่ากระทำความผิดจริงให้ดำเนินการทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดอย่าปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่าง









