กรมฝนหลวง ปรับแผนรับมือกับภัยแล้ง เร่งช่วยเหลือประชาชน

กรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงทำงานเชิงรุกและเฝ้าติดตามสภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเมื่อใดที่สภาพอากาศเอื้ออำนวยและมีความชื้นสัมพัทธ์ อยู่ในระดับที่เหมาะสม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ก็พร้อมที่จะขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงได้ทันที 

นายสุรสีห์กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร บอกว่า ขณะนี้มีภัยแล้งกระจายไปในวงกว้างทั่วประเทศทั้งในส่วนภูมิภาคต่างๆ เพราะกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ออกประกาศ จังหวัดที่ประสบพื้นที่ภัยแล้งออกมาแล้ว เช่น จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดตราด จึงได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้ง 10 หน่วยทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมขึ้นบินปฏิบัติการฝนหลวงอยู่เสมอ โดยทุกหน่วยจะทำงานแบบไม่มีวันหยุดและพร้อมขึ้นบินได้ทุกเมื่อ เมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวยในการทำฝนหลวง

สำหรับหน่วยปฏิบัติการในภาคเหนือมี 2 หน่วย อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และพิษณุโลกดูแลพื้นที่ภาคเหนือตอนบนและตอนล่าง ส่วนภาคกลางอยู่ที่จังหวัดนครสวรรค์กับกาญจนบุรี และตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไปจะปรับแผนเพื่อดูแลพื้นที่ภาคกลางให้ครอบคลุมมากขึ้น พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมี 2 หน่วยปฏิบัติการซึ่งได้ปรับแผนให้ดูแลพื้นที่อย่างครอบคลุมแล้ว ส่วนพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่ค่อนข้างได้รับผลกระทบจากภัยแล้งก็จะปรับแผนให้สามารถรับมือกับภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้เช่นกัน

ส่วนพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีพื้นที่ยาวและได้วางไว้ 3 หน่วย โดยปีนี้ประสบปัญหาภัยแล้งค่อนข้างมากก็จะมีหน่วยอยู่ที่อำเภอหัวหิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่อำเภอหาดใหญ่ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ภาคใต้ตอนบนตอนกลางและตอนล่าง และที่สำคัญขณะนี้คือป่าพรุซึ่งมีปริมาณน้ำน้อยลงไปมากต่ำกว่าผิวดินมากโอกาสที่จะเกิดไฟไหม้ป่าพรุค่อนข้างสูง โดยเฉพาะในส่วนของป่าพรุโต๊ะแดงและพรุบาเจาะ ปริมาณน้ำต่ำกว่าระดับผิวดินค่อนข้างมาก ป่าพรุหากเกิดเพลิงไหม้แล้วดับยาก ถึงต้องเติมน้ำและรักษาให้เกิดความชุ่มชื้นอยู่เสมอ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวย้ำว่า จะให้ความสำคัญในการรับมือกับภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกจังหวัด แม้ว่าบางพื้นที่ไม่ได้ประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งแต่เกษตรกรก็ประสบปัญหา ขาดแคลนน้ำพืชผลทางการเกษตรก็จะเข้าไปช่วยเหลือ หรือบางพื้นที่หากวิเคราะห์แล้วว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคก็จะเข้าไปช่วยเหลือด้วยเช่นกัน