Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

Photo by Frida Aguilar Estrada on Unsplash

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ ธนาคารออมสิน เผยผลสำรวจประชาชนฐานราก พบว่า มีเงินออมเพียงร้อยละ 32.2 โดยร้อยละ70 ออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน-เจ็บป่วย มีเพียง 1 ใน 4 ที่ออมเพื่อใช้ในยามเกษียณ พบอุปสรรคสำคัญคือไม่มีเงินเหลือพอเก็บออม ส่วนภาพรวมการออมของประเทศไทยโตชะลอลง จากการเร่งลงทุนโครงการใหญ่ ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธุรกิจและเศรษฐกิจฐานราก ธนาคารออมสิน ได้ทำการวิจัยและสำรวจพฤติกรรมการออมของประชาชนฐานราก จากการศึกษาพบว่า จากกลุ่มตัวอย่างประชาชน ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาททั่วประเทศจำนวน 2,150 ตัวอย่าง พบว่า ประชาชนฐานราก ร้อยละ 32.2 มีเงินออม โดยส่วนใหญ่ร้อยละ 56.9 ของผู้ที่มีเงินออม มีการออมแบบรายเดือน จำนวนเงินออมเฉลี่ยอยู่ที่ 1,500 บาทต่อเดือน

โดยวัตถุประสงค์การออมของประชาชนฐานราก พบว่า 3 อันดับแรก ออมเพื่อใช้ยามฉุกเฉิน/เจ็บป่วย (ร้อยละ 71.7) สำรองไว้ใช้ (ร้อยละ 67.0) และเป็นทุนประกอบอาชีพ (ร้อยละ 39.3) เป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนฐานรากที่มีการออมเพื่อใช้ยามเกษียณมีเพียงร้อยละ 23.5

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน

สำหรับลักษณะการออมและการลงทุนที่มีในปัจจุบันของประชาชนฐานราก พบว่า กลุ่มตัวอย่าง มีการออม/การลงทุน 3 อันดับแรก คือ ฝากไว้กับธนาคาร (ร้อยละ 80.3) เก็บไว้ที่บ้าน/ครัวเรือน (ร้อยละ 22.9) และ เล่นแชร์ (ร้อยละ 8.5)

ส่วนเป้าหมายการออม/การลงทุนในอนาคต พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 40.2 มีการตั้งเป้าหมายที่จะออมเงิน/ลงทุน โดยมีเป้าหมาย 3 อันดับแรก คือ สำรองไว้ยามฉุกเฉิน (ร้อยละ 29.7) เพื่อการศึกษา (ร้อยละ 29.1) และใช้จ่ายยามเจ็บป่วย (ร้อยละ 27.5) โดยอุปสรรคสำคัญที่ไม่สามารถออมเงินได้ คือ ไม่มีเงินเหลือไว้ออม (ร้อยละ 52.3) มีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน (ร้อยละ 24.2) และมีภาระหนี้สิน (ร้อยละ 18.6)

เมื่อสอบถามถึงช่องทางในการทำธุรกรรมการฝากเงิน พบว่า 3 อันดับแรก คือ สาขาของธนาคาร (ร้อยละ 89.8) เครื่องฝากเงินสด (ร้อยละ 68.8) และ Mobile/ Internet Banking (ฝากโอน) (ร้อยละ 18.4)

ทั้งนี้ จากผลสำรวจจะเห็นว่ากลุ่มคนฐานรากยังคงนิยมใช้บริการผ่านบุคคลที่สาขาของธนาคาร ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ธนาคารออมสินไม่มีนโยบายลดจำนวนสาขาลง เพื่อรองรับการให้บริการกับลูกค้าและประชาชนในทุกพื้นที่ต่อไป

สำหรับความคิดเห็นของประชาชนฐานรากกับ “บัญชีเงินฝากพื้นฐาน” พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 92.3 คิดว่าการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานเป็นเรื่องที่ดี เพราะไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้า/รายปีของการใช้บัตร ATM ช่วยเหลือผู้สูงอายุให้มีเงินออม และไม่กำหนดเงินฝากขั้นต่ำ ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.7 เห็นว่าไม่ควรกำหนดเรื่องเกณฑ์อายุ เกณฑ์รายได้ และควรจ่ายดอกเบี้ยพิเศษกว่าปกติ เป็นต้น

จากข้อมูลข้างต้น พบว่า ประชาชนฐานรากที่มีเงินออมมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 32.2 โดยส่วนใหญ่มีการออมแบบรายเดือน สำหรับวัตถุประสงค์ในการออม กว่าร้อยละ 70 ออมไว้เพื่อใช้ยามฉุกเฉิน/เจ็บป่วย และ มีเพียง 1 ใน 4 ที่ออมเพื่อใช้ในยามเกษียณ

อย่างไรก็ดี อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประชาชนฐานรากไม่สามารถเก็บออมได้ คือไม่มีเงินเหลือพอที่จะเก็บออม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลได้พยายามหาทางแก้ไข และสร้างให้เกิดความร่วมมือกับหน่วยงาน และสถาบันต่างๆ อาทิ กองทุนการออมแห่งชาติ และการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐานสำหรับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ ธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นธนาคารเพื่อการออม และมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการออมมากมาย เหมาะสมกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัย

ขณะที่ ภาพรวมการออมของประเทศในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 มีปริมาณการออมเบื้องต้นของประเทศอยู่ที่ 5.4 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากปีก่อนร้อยละ 12.9 คิดเป็นร้อยละ 34.8 ของ GDP ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเดียวกันถือว่าอยู่ในระดับต้นๆ โดยมีการออมในรูปแบบต่างๆ เช่น เงินฝาก สลากออมทรัพย์ พันธบัตร ประกันชีวิต เป็นต้น

สำหรับเงินฝากที่อยู่ในสถาบันการเงิน (ณ เดือนสิงหาคม 2561) อยู่ที่ 17.9 ล้านล้านบาท เป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ 13.2 ล้านล้านบาท และธนาคารเฉพาะกิจ 4.7 ล้านล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของ  ปีก่อนร้อยละ 3.8 และ 6.2 ตามลำดับ

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจฯ ธนาคารออมสิน คาดว่าในระยะต่อไปตัวเลขการออมของประเทศจะมีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง จากการเร่งลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (Megaproject) ที่ต้องการเม็ดเงินลงทุนจำนวนมาก

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า