พ.ต.ท. จุดเตารมควันในรถฆ่าตัวตาย ทิ้ง จม. บอกเมีย ‘ไม่ต้องจัดงานศพ’

ภาพจาก มูลนิธิร่วมกตัญญู (นคร 45)

พ.ต.ท. อดีตตำรวจสังกัดตำรวจท่องเที่ยว จุดเตาถ่านรมควันฆ่าตัวตายในรถยนต์ หน้าบ้านพักย่านลาดปลาเค้า ทิ้งจดหมายระบุ ‘ไม่ต้องจัดงานศพ’ ภรรยาเผยสามีเพิ่งลาออกจากตำรวจ ประมาณ 2 เดือน

วันที่ 8 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.วรณัฐ วงศ์คำ รอง สว.(สอบสวน) สน.บางเขน รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์ ภายในซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 10 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน แพทย์นิติเวช ร.พ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุ อยู่ภายในซอยลาดปลาเค้า 72 แยก 10 บริเวณริมถนน ฝั่งตรงข้ามบ้านเลขที่ 46 พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีเทา หมายเลขทะเบียน วท 5998 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ สภาพติดเครื่อง ประตูรถล็อกจากด้านในและหน้าต่างถูกปิดสนิท ด้านในพบชายนอนหมดสติบริเวณที่นั่งคนขับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องทำลายกระจกบานเล็กฝั่งประตูด้านหลังคนขับ เพื่อเปิดประตูรถเข้าช่วยเหลือ แต่ชายคนดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว

จากการตรวจสอบภายในรถ พบกระเป๋าสะพายข้างสีดำ 1 ใบ วางอยู่บนเบาะหลัง บริเวณที่วางเท้าด้านหลังฝั่งผู้โดยสารพบเตาถ่าน (เตาอั้งโล้) วางอยู่ ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อต่อมาคือ พ.ต.ท.ธนกรณ์ พรหมภักดี อายุ 41 ปี สว.ฝอ.บก.กก.ทท. (ท่องเที่ยว1) และเป็น นรต.รุ่น 53

พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลบางเขน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิต พ.ต.ท.ธนกรณ์ เป็นอดีตตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณเบาะหน้าด้านคนขับ ภายในรถพบจุดเตาถ่านเพื่อทำให้อากาศภายในรถหมด โดยจากการสอบสวนภรรยาของผู้ตาย ทราบว่า ผู้ตายเพิ่งลาออกจากตำรวจได้ประมาณ 2 เดือน ก่อนเกิดเหตุภรรยากลับมาถึงบ้านก็ไม่พบผู้ตาย จึงได้ออกตามหากระทั่งพบเป็นศพในรถดังกล่าว

เบื้องต้น จากการตรวจสอบในบ้านพัก พบผู้เสียชีวิตได้เขียนจดหมายถึงภรรยาว่าไม่ให้มีการจัดงานศพ และพบหนังสือการบริจาคร่างกายให้กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อศึกษาทางการแพทย์ ขณะที่แพทย์ได้ส่งศพให้แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลภูมิพล ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต ส่วนการส่งศพให้คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้นอยู่กับความประสงค์ของทางญาติ รวมทั้งจะสอบปากคำญาติเพื่อหามูลเหตุการก่อเหตุดังกล่าว