SHARE

คัดลอกแล้ว

รวบแล้ว 2 วัยรุ่นหัวร้อน ทุบทำลายรถตู้พยาบาลอาสาฯ มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต เหตุไม่พอใจเพราะถูกบีบแตร

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 23 พ.ค. 62 ที่กองบังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต  พล.ต.ต.วิศาล พันธุ์มณี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ. เสริมพันธ์ ศิริคง รองผู้บังคับตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และพนักงานสอบสวนฯ

ร่วมสอบปากคำ นายซากิ๊บ หรือกิ๊บ ยอมใหญ่ อายุ 22 ปี ชาว ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง และนายสุทธิ หรือเบนซ์ ศรีพูล อายุ 29 ปี ชาว ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง  ผู้ถูกกล่าวหาว่าในความผิดซึ่งหน้า คือ ”ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย และทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ”

และข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในความครอบครอง” “หลังก่อเหตุใช้อาวุธมีดและขวานทุบทำลายรถยนต์ตู้ฉุกเฉินของนายเดชณรงค์ ส่งแสง ซึ่งเป็นทนายความและเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต จนได้รับความเสียหาย

เหตุเกิดวันที่ 20 พ.ค. ผ่านมา ที่บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 (ถนนบายพาส) อ.เมือง จ.ภูเก็ต โดยผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.วิชิต และทางเจ้าหน้าไปทำการจับกุมตัวได้ที่บ้านเช่าเลขที่ 5/4 หมู่ที่ 6 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต

สำหรับการจับกุม สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 62 เวลาประมาณ 16.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่า ขณะขับรถฉุกเฉินอยู่บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 (หน้าโรงพยาบาลสิริโรจน์ ต.วิชิต  อ.เมืองภูเก็ต ได้มีชายไทยวัยรุ่น 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กถ 3966 ตรัง กำลังจะแซงรถไปทางช่องขวา

ในเวลาเดียวกันนั้น รถฉุกเฉินกำลังจะเปลี่ยนเข้าช่องทางซ้าย แต่เห็นรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว จึงได้ใช้สัญญาณแตร 1 ครั้ง ทำให้วัยรุ่นทั้งสองคนไม่พอใจ ได้ขับรถตามมา และได้ใช้วัตถุแข็งบางอย่างขว้างปากระจกหลัง 1 ครั้ง ต่อมาผู้แจ้งได้ชะลอความเร็วรถและชิดซ้าย ปรากฏว่าชายวัยรุ่นทั้ง 2 คน ได้ลงมาจากรถ จยย. พร้อมถืออาวุธมีดและขวานเดินมา ผู้เสียหายจึงได้ขับรถออกไป แต่ชายวัยรุ่นทั้ง 2 คน ยังขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมา และเร่งความเร็วแซงขึ้นไปด้านหน้ารถฉุกเฉิน จากนั้นได้ใช้อาวุธมีดแทงบริเวณฝากระโปรงรถหลายครั้ง และยังคงขับตามมา โดยมีการใช้อาวุธขวานฟันกระจกด้านหลัง และกระจกด้านข้างของรถฉุกเฉิน ได้รับความเสียหาย

หลังจากนั้นทางผู้เสียหายได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.วิชิต และได้ประสานข้อมูลกับเจ้าหน้าที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าว และได้มีการสืบสวนเพื่อติดตามหาตัวผู้กระทำผิดดังกล่าว

ขณะเดียวกันวันนี้ (23 พ.ค.) ผู้เสียหายได้มีการเผยแพร่ภาพของผู้ก่อเหตุผ่านทางเฟซบุ๊ค เพื่อให้ช่วยกันแจ้งเบาะแส กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุดังกล่าวพักอยู่ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในพื้นที่  ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต จึงได้วางแผนเข้าจับกุมได้ดังกล่าว พร้อมด้วยของกลางที่ทำการตรวจยึด ได้แก่ อาวุธพกสั้นปืนไทยประดิษฐ์ (ลูกซอง) 1 กระบอก, กระสุนปืนลูกซอง 2 นัด, อุปกรณ์การเสพกัญชา 1 ชุด, มีดที่ใช้ก่อเหตุ 1 เล่ม, ขวานที่ใช้ก่อเหตุ 1 ด้าม, เครื่องแต่งกายที่คนร้ายทั้งสองคนที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงินฟ้า หมายเลขทะเบียน 1 กถ 3966 ตรัง

ขณะที่นายเดชณรงค์ ส่งแสง ผู้เสียหาย มีอาชีพเป็นทนายความ และอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต หรือที่เรียกว่า เทพกระษัตรี 05 ซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าว กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ในวันเกิดเหตุตนขับรถไปลำพังเพียงคนเดียว เพื่อไปซื้อยามาประจำในรถ

ซึ่งช่วงที่เกิดเหตุยอมรับว่ารู้สึกกลัวเหมือนกัน เพราะถูกทุบรถ และเชื่อว่าหากเขาเข้ามาในรถได้ ตนคงต้องตายแน่  เหตุที่ไม่หยุดรถ เพราะดูจากพฤติการณ์ของคู่กรณีซึ่งมีทั้งมีดและขวาน โดยมีการทุบและแทงหัวรถ ส่วนเหตุที่ไม่ขับรถชนผู้ก่อเหตุนั้น เพราะเกรงจะเกิดอันตรายรถคันอื่นด้วย ประกอบกับตนเป็นอาสาสมัครฯ ซึ่งต้องขับรถช่วยชีวิตคน และตนถูกสอนมาให้ช่วยเหลือคน ซึ่งการที่จะเอารถพยาบาลไปทำร้ายใครนั้นก็คิดว่าไม่ใช่

ในส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นกับตัวรถ มีกระจกด้านหลังและด้านข้างแตกเสียหาย จำนวน 3 บาน และมีร่องรอยของมีดที่บริเวณด้านหน้าตัวรถ หลังเกิดเหตุก็ได้ไปเปลี่ยนเรียบร้อยแล้ว มูลค่าความเสียหายประมาณ 5 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม นายเดชณรงค์ กล่าวด้วยว่า รู้สึกดีใจที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต, เจ้าหน้าที่ตำรวจทีมงานชุดสืบสวนตำรวจภูเก็ตจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต ซึ่งเป็นขวัญและกำลังใจให้กับตนและชาวบ้านด้วย

และอยากฝากเตือนผู้ขับขี่รถบนท้องถนนทุกท่านว่าให้ใจเย็นๆ  และอยากบอกว่าบางครั้งการที่บีบแตรรถไม่ใช้เป็นการด่า แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นการด่า แต่บางครั้งก็เป็นการเตือนสติในการขับรถ ซึ่งกรณีนี้หากไปเจอคนที่ใจร้อนเหมือนกัน และมีการพกพาอาวุธด้วย ก็อาจจะเกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า