Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

รองผู้ว่าระยอง ตรวจสอบ 13 รีสอร์ท พบบุกรุกพื้นที่สาธารณะก่อสร้างหลังเขื่อนกันคลื่นทะเลระยอง และลอบปล่อยน้ำเสียสิ่งปฏิกูลลงทะเล สั่งรื้อถอนภายใน 30 วัน

วันที่ 12 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายทุนหัวใสสร้างรีสอร์ทบนแพหลังเขื่อนหินกันคลื่น หน้าทะเลเกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ห่างจากฝั่งบ้านเพประมาณ 500 เมตร สร้างเป็นห้องพักให้เช่าพร้อมร้านอาหารบริการ ทิ้งน้ำเสียจากการซักล้าง และน้ำเสียจากห้องน้ำสิ่งปฏิกูลถูกทิ้งลงทะเลโดยไม่มีบ่อกักเก็บ สร้างความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ทางทะเล ท้าทายอำนาจรัฐเปิดเฟซบุ๊กขายนักท่องเที่ยวโจ๋งครึ่ม หัวละ 1,590 บาท โดยไม่สนกฎหมาย ล่าสุด นายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการ จ.ระยอง เตรียมประสานเจ้าท่าภูมิภาค จ.ระยอง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 และกรมประมง เข้าตรวจสอบและรื้อถอน เพราะเป็นการก่อสร้างที่ผิดกฎหมาย ส่วนการเลี้ยงปลาในกระชังต้องตรวจสอบว่ามีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ต้องรื้อออกเช่นกัน โดยให้ทางกรมประมงตรวจสอบต่อไป ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ผ่านมา พ.ย.นายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการ จ.ระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า สาขาระยอง นายสงกรานต์ แสงจันทร์ ประมง จ.ระยอง และ นายไพรัตน์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านเพ ร่วมประชุมเกี่ยวกับกรณีที่มีนายทุนก่อสร้างรีสอร์ทรุกทะเลบริเวณหลังเขื่อนหินกันคลื่น จนทำให้ระบบนิเวศน์ทางทะเลเสียหาย เพราะมีการปล่อยน้ำเสียลงทะเล ทั้งน้ำเสียจากการทำอาหาร และน้ำเสียจากห้องน้ำที่ไม่มีบ่อบำบัดและบ่อกักเก็บ ซึ่งผลการประชุมสรุปว่า รีสอร์ทที่สร้างรุกทะเลหลังเขื่อนหินมีทั้งหมด 13 แห่ง โดยเป็นการก่อสร้างบุกรุกทั้งหมด และผิดกฎหมายมาตรา 17 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้ทำหนังสือเพื่อเดินทางไปปิดประกาศบนแพที่พักทั้ง 13 แห่ง หลังเขื่อนหินกันคลื่น เพื่อให้รื้อถอนภายใน 30 วัน

โดย นายธีระวัฒน์ รองผู้ว่าราชการ จ.ระยอง นายภุชงค์ สฤษฎีชัยกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่า สาขาระยอง และ น.อ.อำนรรฆ ภมรพล รอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายใน จ.ระยอง พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ จึงได้นั่งเรือจากท่าเรือเทศบาลตำบลเพเดินทางไปยังบริเวณแพรีสอร์ท เมื่อเดินทางไปถึง พบว่ารีสอร์ท 12 แห่ง ได้ปิดตัวเงียบ เหลือเพียง แพป้าติ๊ด ที่มีการก่อสร้างด้วยไม้ไผ่อย่างสวยงาม รวมทั้งหมด 10 ห้องพัก และมีลานห้องอาหาร เข้าไปตรวจสอบพบมีพนักงานยังคงทำงานกันอยู่ภายในรีสอร์ท สำหรับห้องพักมีการตกแต่งด้วยไม้ไผ่สานมีห้องน้ำในตัวอย่างสวยงาม เมื่อตรวจสอบห้องน้ำพบว่าไม่มีบ่อกักเก็บโดยปล่อยทิ้งลงไปในทะเล นอกจากนี้น้ำซักล้างและทำครัวถูกทิ้งลงทะเลเช่นกัน จากการสอบถามพนักงานทราบว่า เจ้าของแพรีสอร์ทกำลังเดินทางกลับมา

ต่อมา นายไพโรจน์ คร้ามสมอ อายุ 41 ปี เจ้าของแพรีสอร์ทป้าติ๊ด ได้เดินทางมายังแพ พร้อมกับรับฟังคำสั่งของทางเจ้าหน้าที่มาแจ้งปิดประกาศ โดยเปิดเผยว่า เพิ่งมาเปิดเป็นห้องพักและปรับปรุงแล้วเสร็จเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ได้เปิดเป็นห้องพักเล็กๆ และเลี้ยงปลาในกระชังมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว โดยไม่คิดว่าจะเป็นการผิดกฎหมาย ซึ่งก็ยอมรับผิดและยินยอมรื้อออกตามคำสั่ง

ด้าน นายธีระวัฒน์ สุดสุข รองผู้ว่าราชการ จ.ระยอง กล่าวว่า จากการตรวจสอบแพห้องพักทั้ง 13 แห่ง ถือว่าผิดตามมาตรา 17 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งมีคำสั่งให้รื้อภายใน 30 วัน หากยังไม่มีการรื้อ ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการรื้อถอนเอง โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ผู้ประกอบการทั้ง 13 ราย กับพนักงานสอบสวน สภ.เพ จ.ระยอง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับการบุกรุกและทำลายสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความผิดตามมาตรา 17 พรบ.ส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า