‘วัฒนา’ พร้อมสู้คดีบ้านเอื้ออาทร เชื่อถูกกลั่นแกล้ง

“วัฒนา เมืองสุข” ขึ้นศาลสู้คดีบ้านเอื้ออาทร ลั้นไม่คิดหนี กังวลไม่ได้สู้ตามกระบวนการยุติธรรม เตรียมเงินไว้ 2 ล้านประกันตัว

วันที่ 9 พ.ค. 2561 นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายนรินทร์พงศ์ จินาภักดิ์ ที่ปรึกษากฎหมาย เดินทางมารายงานตัวต่อคณะทำงานอัยการคดีปราบปรามทุจริต 2 ตามที่นัดเพื่อส่งตัวพร้อมสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยมีนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ประสานพาตัวผู้ถูกกล่าวหาที่เดินทางมาถึงเข้าพบคณะทำงาน ทั้งนี้อัยการแจ้งให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 ราย มาพบเพื่อฟังคำสั่ง ขณะที่มีผู้ถูกกล่าวหา 9 ราย แจ้งจะเดินทางมาในวันนี้

นายวัฒนา ยืนยันว่า คดีนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการรัฐประหารปี 2549 จริงๆแล้วคดีนี้ถูกขู่มาก่อนที่จะถูกข้อหาอื่นๆ คดีกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์ในโครงการบ้านเอื้ออาทรไม่มีความสลับซับซ้อน และเชื่อมั่นว่าจะสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาโดยเฉพาะการเรียกรับผลประโยชน์ได้ ย้ำไม่ได้กังวลอะไร เพราะจะได้ ต่อสู้ให้เกิดความชัดเจน และไม่คิดหนีคดี เพราะมีอีกหลายเรื่องหลายคดีที่ยังต้องเดินหน้าต่อสู้ โดยเฉพาะคดีในศาลอาญา ที่สืบเนื่องจากการแสดงความเห็นทางการเมือง ส่วนเรื่องการขอปล่อยตัวชั่วคราวขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินหลักทรัพย์ แต่จากคดีที่ผ่านๆมา หลักทรัพย์อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท

ขอบคุณภาพจาก twitter@Nim_Warintra

นายวัฒนา กล่าวว่า การถูกฟ้องร้องเพิ่มเติมอีก 1 คดี จะไม่เป็นอุปสรรคในการแสดงความคิดเห็นและจุดยืนทางการเมือง พร้อมให้กำลังใจกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่จะเคลื่อนไหวใหญ่ในวันที่ 22 พ.ค.นี้

คดีนี้อัยการนัดให้ผู้ถูกกล่าวหา 19 รายไปพบที่ห้องประชุม 501 อาคารสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนแจ้งวัฒนะ จากนั้นจะนำตัวผู้ถูกกล่าวหาพร้อมสำนวนเอกสารหลักฐานต่างๆ ในคดีที่เริ่มต้นในชั้นคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และรับช่วงต่อมาถึง ป.ป.ช. ไปยื่นฟ้องยังศาลฎีกาฯ ในวันเดียวกัน

บ้านเอื้ออาทร (แฟ้มภาพ)

เปิดสำนวนคดีทุจริตการอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทร

สำหรับสำนวนทุจริตการอนุมัติโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ เป็นคดีสุดท้ายในการตรวจสอบหลายโครงการที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดได้รับสำนวนมา จาก คตส.โดยชุดแรกเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2551 จากนั้นมีหลายส่วนทยอยส่งมา กระทั่ง คตส.ยุติหน้าที่จึงเป็น ป.ป.ช. รับช่วงสำนวนคดีต่อจากข้อกล่าวหาเรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนให้ได้โควต้าเป็นคู่สัญญาจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทรกับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท

จากนั้นได้ชี้มูลความผิดนายวัฒนา เมืองสุข อดีตรัฐมนตรีว่าการพัฒนาสังคมฯ และผู้เกี่ยวข้องราว 10 คน เป็นผู้ถูกกล่าวหาใน 3 ข้อหา

1.ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้ซึ่งทรัพย์สินแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท หรือประหารชีวิต

2.ฐานเป็นเจ้าพนักงานฯ เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการในตำแหน่งโดยไม่ชอบฯ ตาม 149 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 100,000 – 400,000 บาท หรือประหารชีวิต

3.ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม 157 ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปีหรือปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ขณะที่วานนี้ นายวัฒนาได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุกส่วนตัว ข้อความตอนท้ายระบุว่า คดีนี้ได้คุณนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยมาเป็นทนายให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย การถูกฟ้องคดีนี้ไม่ได้เกินความคาดหมาย ทั้งไม่ได้ทำให้ผมหวั่นไหวเพราะไม่ได้มีเพียงผมคนเดียวที่ถูกเผด็จการยัดคดีให้ แต่ยังมีประชาชนผู้บริสุทธิ์อีกเป็นจำนวนมากที่ตกเป็นผู้ต้องหาและจำเลยเพราะอยู่ตรงข้ามเผด็จการ การมีคดีเพิ่มขึ้นจึงไม่ได้เป็นอุปสรรคในการอยู่ตรงข้ามกับเผด็จการต่อไป ก็แค่มีเพิ่มอีกคดีเท่านั้นเอง ผมจะรีบขอประกันตัวออกมาเพื่อให้กำลังใจน้องๆ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่กำลังจะมีกิจกรรมใหญ่ครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร มาให้กำลังใจพวกเค้าสู้กับเผด็จการร่วมกันครับ