วิกฤตPM2.5ภาคเหนือ! นายกฯ สั่งเข้มใช้กฎหมายจับคนเผาป่า วอดแล้ว 1.2 แสนไร่

นายกฯ สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีรองแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุ มีการลอบเผาป่าโยงการเมือง ขณะที่ รองผบ.ตร. เผย ปีนี้จับกุมคนลักลอบเผาในที่โล่งเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ยืนยันไม่ละเว้นนายทุน 

วันที่ 2 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และมลพิษทางอากาศที่ทำให้ 8 จังหวัดภาคเหนือได้รับผลกระทบต่อเนื่องนับสัปดาห์

โดยเวลา 08.30 น. จะตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจกำลังพลพร้อมมอบสิ่งของสนับสนุนการปฏิบัติงาน ที่มณฑลทหารบกที่ 33 ค่ายกาวิละ ต.วัดเกต อ.เมืองเชียงใหม่ จากนั้น จะเป็นประธานประชุมติดตามสถานการณ์การจัดการและแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ อ.เมืองเชียงใหม่

(ภาพจาก FB : PR Chiangmai)

ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.บัญชา ดุริยพันธ์ รองแม่ทัพภาคที่ 3 ระบุ มีกระบวนการลอบเผาป่าเพื่อหยิบยกเป็นเหตุโจมตีทางการเมือง ว่า มอบให้ผู้เกี่ยวข้องสืบสวนข้อเท็จจริง ย้ำไม่ควรเชื่อมโยงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นประเด็นทางการเมือง

“ต้องมีการสืบสวนกันต่อไป และถ้าสอบเจอว่ามาจากใคร ในการปลุกปั่นปลุกระดมตรงนี้ก็ไปหามา และอย่านำมาเกี่ยวพันกัน คนทำรู้ตัวเองอยู่แล้ว ไม่อยากให้นำเหตุการณ์ไฟป่ามาเป็นเรื่องการเมืองไปหมดประเทศชาติจะเดินไม่ได้”

พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำว่า การลักลอบเผาป่า เป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือแต่ปัญหายังคงเกิดขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มงวดในทุกมาตรการ โดยเฉพาะการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ลักลอบเผาป่า นอกจากนี้ นายกฯ ได้สั่งให้กระทรวงมหาดไทย ประสานขอความร่วมมือในพื้นที่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่มีไฟป่ากว่า 3,000 จุด โดยให้กระทรวงการต่างประเทศหารือในเวทีอาเซียน เพราะไฟที่ไหม้ไม่ใช่ไฟป่า แต่เป็นไฟที่เผาจุดเอง ซึ่งพยายามแก้ปัญหามาตลอด แต่ควบคุมไม่ได้ เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูง

(พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.)

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) กล่าวถึงการดำเนินการกับผู้ลักลอบเผาป่า ว่า ปีนี้มีการจับกุมการเผาป่าเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ ดำเนินคดีอยู่กว่า 230 ราย พร้อมเสนอว่า ถ้าจะให้ได้ผลเด็ดขาดต้องแก้ไขกฎหมาย เนื่องจากโทษของการเผาป่ายังเบาอยู่ ยืนยันเจ้าหน้าที่ดำเนินการไม่ละเว้น ไม่ว่าจะเป็นนายทุน นักธุรกิจ เจ้าของไร่ หรือกระแสข่าวสั่งเผาหวังผลทางการเกษตร ซึ่งถ้าเผาแล้วทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายจะใช้โทษอาญา แต่ถ้าเผาในที่ของตนเองแแต่ทรัพย์สินผู้อื่นไม่เสียหายก็ใช้ พ.ร.บ.สาธารณสุขดำเนินการ

จากข้อมูลของกรมป่าไม้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2562 มีพื้นที่ป่าเสียหายแล้ว 1,158 ไร่ นับตั้งแต่ตุลาคม 2561 ถึง 31 มีนาคม 2562 มีพื้นที่ป่าเสียหาย 127,569 ไร่ และเป็นพื้นที่เกษตร 921 ไร่

ข่าวย้อนหลัง

“พล.อ.ประยุทธ์” บินด่วนประชุมผู้ว่าฯ ภาคเหนือแก้วิกฤตอากาศ