สาวใหญ่เครียด กระโดดลานจอดรถห้างดัง 11 ชั้นดับ ทิ้ง จม. “ฝากดูแลอาม่าด้วย”

สาววัย 40 ปี กระโดดตึกลานจอดรถห้างดังย่านปิ่นเกล้า จากชั้น 11 ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เผยในรถทิ้งจดหมายเขียนไว้ว่า “ฝากดูแลอาม่าด้วย” พร้อมกับประวัติการรักษาสุขภาพ เจ้าหน้าที่คาดอาจเกิดความเครียดจากปัญหาสุขภาพ เนื่องจากพบประวัติรักษา ใบนัดแพทย์ และยานอนหลับ

เมื่อเวลา 14.10 น.วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.รุ่งโรจน์ โตไร่ รองสว.(สอบสวน) สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งเหตุมีหญิงสาวกระโดดตึกจากลานจอดรถ ชั้น 11 ของห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านปิ่นเกล้า แขวงอรุณอัมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหาคร จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.นิรันดร์ ประดิษฐ์อัสดร รองผกก.(สส.) และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน

ที่เกิดเหตุบริเวณพื้นด้านล่างของอาคารจอดรถ พบกองเลือดและกุญแจรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าตกลงอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนเดินทางไปตรวจสอบคนเจ็บที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา ทราบชื่อต่อมา น.ส.สุวัฒนา สัตตบรรณศุข อายุ 40 ปี อาชีพนักออกแบบภายใน มีบาดแผลบริเวณศรีษะ

ต่อมาได้เจ้าหน้าที่ได้นำกุญแจมาตรวจสอบพบว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีดำ หมายเลขทะเบียน ฆท 6667 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ภายในอาคารจอดรถใหม่ฝั่งใต้ชั้น 2 ครึ่ง ช่อง V07 จากการตรวจสอบภายในรถพบกระเป๋าสะพาย (หลุยส์) สีน้ำตาล มีเงินสดจำนวน 2,000 บาท

และบริเวณด้านหน้าคอนโซลรถพบจดหมาย เขียนด้วยดินสอว่า ฝากชำระเงินค่าบัตรเครดิตโดยมีเงินอยู่ในบัญชี เมื่อชำระแล้วก็นำเงินที่เหลือไปใช้ได้ และฝากดูแลอาม่าด้วย นอกจากนั้นยังพบเอกสารประวัติการรักษาสุขภาพ ใบนัดของแพทย์และยานอนหลับ เจ้าหน้าที่จึงได้ได้เก็บรวมรวบใช้เป็นพยานหลักฐาน

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางห้างสรรพสินค้า เปิดเผยว่า รถยนต์คนดังกล่าวได้เข้ามาภายในบริเวณห้าง เวลาประมาณ 10.00 น. จากนั้นหญิงคนดังกล่างได้เดินขึ้นไปนั่งอยู่บนราวชั้นดาดฟ้า ซึ่งอยู่อยู่ระหว่างลานจอดรถใหม่และเก่า ซึ่งตนก็ได้ให้ลูกน้องเฝ้าระหว่างต่อมาเวลาประมาณ 14.10 น. หญิงคนดังกล่าวได้ตัดสินใจกระโดดลงมาจากนั้นทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงได้ลงมาตรวจสอบพบร่างผู้หญิงหายใจโรยริน จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลโดยด่วน

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าสาเหตุขอการกระโดดครั้งนี้น่าจะมาจากปัญหาสุขภาพ อย่างไรก็ตามจะต้องทำการสอบปากพยานแวดล้อมและญาติของผู้เสียชีวิตอีกครั้ง เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป