เคอรี่ เลิกจ้างพนักงานแกะพัสดุลูกค้า พร้อมแถลงขอโทษ

บริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส แถลงขอโทษหลังชาวเน็ตลุมจวกพนักงานแกะพัสดุลูกค้า โพสต์ล้อเลียน ระบุทำการเลิกจ้างและเตรียมดำเนินคดีกับพนักงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

วันที่ 30 เม.ย.2562 กรณีมีพนักงานเคอรี่ แกะพัสดุของลูกค้ารายหนึ่งและนำสิ่งของลูกค้าไปถ่ายรูปโพสต์ลงในสื่อโซเชียล จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้น ล่าสุดบริษัทขนส่งสินค้า เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) ออกแถลงการณ์ขอโทษผ่านเฟซบุ๊ก Kerry Express Thailand  ว่ามีการตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นและได้เลิกจ้างพนักงานและเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมายกับพนักงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยข้อความระบุว่า

ตามที่สื่อออนไลน์ได้เผยแพร่เมื่อคืนวันที่ 29 เมษายน 2562 ผ่านมา เกี่ยวกับพนักงานจำนวน 4 คน ของบริษัทในศูนย์กระจายสินค้าแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่แสดงบนหน้าสื่อออนไลน์ส่วนตัวของพนักงานคนหนึ่ง เป็นรายการพัสดุที่หลุดออกมาจากหีบห่อที่เสียหาย ทางบริษัทฯ ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและมีการดำเนินการในทันที โดยพนักงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้องโดยตรงถูกเลิกจ้างทันที เนื่องจากความผิดร้ายแรงต่อจรรยาบรรณในการทำงานของบริษัท และหัวหน้าของเขตนี้จะถูกดำเนินการทางวินัยต่อไป นอกจากนี้บริษัทจะดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่เลิกจ้างให้ถึงที่สุด

ทีมบริหารทุกคนของบริษัทฯ รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และขออภัยอย่างสูงที่ทำให้ผิดหวัง และเกิดความอับอายเกิดขึ้น และเราสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเฉกเช่นนี้อีก

การปกป้องความเป็นส่วนตัว และความเป็นมืออาชีพด้านบริการที่ยอดเยี่ยมเป็นคุณค่าหลักของบริษัท เราจะไม่ประนีประนอมกับพฤติการณ์ใดที่ผิดในทุกสถานการณ์ และจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อรักษามาตรฐานของเราไว้ในฐานะผู้นำการจัดส่งพัสดุรายใหญ่ของประเทศไทย การวางมาตรฐานสูงยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องในการสรรหาพนักงานทุกระดับ และเรายึดมั่นปฏิบัติตามหลักการ “Good-guys-in, bad-guys-out” ที่เข้มงวดมากเพื่อให้แน่ใจว่ามีเพียงบุคลากรที่ดีเท่านั้นที่ทำงานบริการให้ลูกค้าของเรา เราจะไม่ยอมให้คนที่มีพฤติกรรมหรือวินัยที่ไม่ดีทำงานอยู่ในองค์กรได้

สุดท้ายทางบริษัทต้องขออภัยลูกค้าและสาธารณชนเป็นอย่างสูงอีกครั้ง และหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนบริการของเราโดยการติดตามการบริการของเราต่อไป เราจะมุ่งมั่นพัฒนาบริการเราให้ดีขึ้นแน่นอน”