“กาแฟแก้วละหกพันบาท” ถ้าไทยเป็นแบบเวเนซูเอล่า เงินจะเฟ้อแค่ไหน

ขณะนี้ประเทศเวเนซุเอลากำลังประสบภาวะ “เงินเฟ้อขั้นรุนแรง” (Hyperinflation) นับเฉพาะช่วง 7 เดือนแรกของปี 2561 เงินเฟ้อพุ่งสูงถึง 83,000% ต่อปีแล้ว ในขณะที่ IMF คาดว่าภายในสิ้นปีนี้ เงินเฟ้ออาจพุ่งสูงถึง 1,000,000% ต่อปี หรือเทียบได้ว่าเงิน 1 ล้านบาทจะมีมูลค่าลดลงเหลือเพียง 100 บาทภายใน 1 ปี

เวเนซุเอลา อดีตประเทศเศรษฐีน้ำมันในทวีปอเมริกาใต้ กำลังประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจอย่างรุนแรง โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการของรัฐบาลเวเนซุเอลาระบุว่า ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ประเทศประสบภาวะเงินเฟ้อสูงถึง 83,000% ต่อปีแล้ว

สำนักข่าว Bloomberg ได้จัดทำดัชนีวัดเงินเฟ้อในประเทศเวเนซุเอลาขึ้น โดยใช้ราคาของกาแฟ 1 ถ้วยเป็นตัววัด โดย ณ วันที่ 3 ม.ค. ปีนี้ กาแฟ 1 แก้วในเวเนซุเอลามีราคาแก้วละ 20,000 โบลิวาร์ ในขณะที่ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 22 ส.ค. กาแฟชนิดเดียวกันราคาพุ่งขึ้นเป็กว่า 2,500,000 โบลิวาร์แล้ว หรือก็คือราคาเพิ่มขึ้น 125 เท่าในเวลาประมาณ 8 เดือน

หรือถ้าให้เห็นภาพมากขึ้น หากเหตุการณ์เงินเฟ้อรุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย กาแฟที่ราคาถ้วยละ 50 บาทตอนวันปีใหม่ ในวันนี้จะมีราคาพุ่งสูงไปถึง 6,250 บาท

ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงเช่นนี้ยังส่งผลให้มูลค่าที่แท้จริงของเงินลดลงอย่างมากด้วย สมมติว่า ณ ตอนต้นปีมีเงิน 1,000,000 บาท ซึ่งน่าจะสามารถซื้อรถยนต์ได้ 1 คัน ภาวะเงินเฟ้อรุนแรงกว่า 83,000% ต่อปีเช่นที่เกิดขึ้นในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ที่เวเนซุเอลา จะทำให้มูลค่าแท้จริงของเงิน 1,000,000 บาทเมื่อตอนต้นปี ลดลงเหลือเพียง 1,203 บาทเท่านั้นในเดือน ก.ค.

อีกทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF ยังได้ออกมาคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อในเวเนซุเอลาอาจจะสูงถึง 1,000,000% ภายในสิ้นปีนี้ นั่นเท่ากับว่า ภายใน 1 ปี เงินอาจลดค่าลงถึง 10,000 เท่า หรือก็คือเงิน 1 ล้านบาทเมื่อตอนต้นปี มูลค่าจะลดลงเหลือเพียง 100 บาทเท่านั้น ณ วันสิ้นปี