“เป็นคำอธิบายที่ง่ายเกินไป” สมชาย แนะ ตั้งกรรมการ 3 ฝ่าย ตรวจสอบกรณี “บัตรเขย่ง”

ภาพจากเฟซบุ๊ก Somchai Srisutthiyakorn

สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. แสดงความคิดเห็นต่อกรณี บัตรเขย่ง เเนะตั้งกรรมการ 3 ฝ่าย ประกอบด้วย กกต. พรรคการเมือง และนักวิชาการ มาตรวจสอบ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคม

วันที่ 29 มี.ค. 62 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กของตัวเอง กรณีจำนวนบัตร กับผู้มาใช้สิทธิ ไม่ตรงกัน แล้ว กกต.เรียกบัตรดังกล่าวว่า “บัตรเขย่ง” ดังนี้

บัตรเขย่ง ฤาเขย่า กกต.

การแถลงข่าวของ กกต.เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 มีการกล่าวถึงจำนวนที่ไม่ตรงกันระหว่างจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์กับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่หายไป จำนวน 9 ใบ ซึ่ง กกต.เรียกว่าบัตรเขย่ง

กล่าวคือ จำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ มากกว่าจำนวนบัตรที่อยู่ในหีบ เมื่อนับบัตรทั้งหมดที่มีแล้วน้อยกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ 9 ราย โดยกกต.ให้เหตุผลว่า อาจจะเซ็นชื่อแล้วไม่รับบัตร ซึ่งเหตุผลดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะโต๊ะเซ็นชื่อกับโต๊ะรับบัตรติดกัน และแทบจะเป็นกระบวนการต่อเนื่อง

สิ่งที่อาจเป็นไปได้ คือ การรับบัตรมาแล้ว นำบัตรเปล่าที่ไม่กาออกนอกหน่วย ซึ่งเทคนิคดังกล่าวหากกรรมการประจำหน่วยรู้เห็นเป็นใจ ก็จะทำได้ไม่ยาก

การลักลอบนำบัตรเปล่าออกนอกหน่วยเพียง 1 ใบ เป็นเทคนิคการโกงเลือกตั้งแบบคลาสสิค ที่จะเป็นหลักประกันว่า ประชาชนที่รับเงินซื้อเสียงไม่มีทางที่จะ “รับเงิน(ห)มา แต่กาพรรคที่ชอบ”ได้

เพราะบัตรเปล่าที่ถูกนำออกนอกหน่วย จะถูกนำไปกาเบอร์ของผู้สมัคร และให้ประชาชนนำไปหย่อนในหีบ พร้อมรับบัตรเปล่าใหม่ออกมาใหม่ ทำวนแบบนี้ การันตีได้เป็นร้อยคะแนนว่า ร้อยทั้งร้อยไม่สามารถบิดพริ้ว

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องสนใจตรวจสอบว่า บัตรเขย่งทั้ง 9 ใบมาจากพื้นที่ใด หากกระจายไปทั้งประเทศก็มีแนวโน้มความผิดพลาดแบบธรรมชาติ แต่หากกระจุกรวมตัวที่จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง นั่นแปลว่าเป็นกลิ่นของขบวนการทุจริตการเลือกตั้ง

อย่าปล่อยให้เงียบ อย่าบอกว่าคนมาใช้สิทธิ์แล้วปวดท้องกลับบ้าน ดูเป็นคำอธิบายที่ง่ายเกินไป

หากให้ดี ตั้งกรรมการสามฝ่าย ประกอบด้วย กกต. พรรคการเมือง และนักวิชาการ มาช่วยดูกรณีบัตรเขย่ง ให้เป็นที่ยอมรับของสังคม

เพื่อไม่ให้บัตรเขย่ง เขย่า กกต.และความเชื่อมั่นต่อการจัดการเลือกตั้ง