เรือใบสีฟ้าแชมป์แล้ว พร้อมทุบ 3 สถิติ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ ฟอร์มยังคงร้อนแรง ล่าสุดพวกเขาทุบสถิติการคว้าแชมป์ลีกไปถึง 3 สถิติด้วยกัน

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การนำของสุดยอดกุนซืออย่าง “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกปีนี้ไปครองอย่างแน่นอนแล้ว ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยในเกมเมื่อคืนที่ผ่านมา ขุนพล “เรือใบสีฟ้า” เปิดเอติฮัด สเตเดี้ยม ถล่มไบรท์ตันทีมเยือนไปถึง 3-1 และจากชัยชนะในเกมเมื่อคืน ทำห้พวกเขาทุบ 3 สถิติของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ

สถิติแรกคือ แมนฯ ซิตี้ของเป๊ป เก็บชัยชนะมากถึง 31 แซงหน้าเชลซีของอันโตนิโอ คอนเต้ ที่เก็บชัยชนะไป 30 นัด ในฤดูกาล 2016-17

สถิติต่อมาคือ พวกเขาเก็บแต้มได้มากถึง 97 คะแนน แซงหน้าเชลซีในยุคของโชเซ่ มูรินโญ่ที่เคยเก็บแต้มได้สูงสุด 95 ในฤดูกาล 2004-05

และสถิติสุดท้ายคือ ทัพเรือใบสีฟ้ายิงประตูได้มากที่สุดถึง 105 ประตู แซงเชลซีในยุคของคาร์โล อันเชล็อตติที่เคยยิงได้ 103 ประตู ในฤดูกาล 2009-10

แน่นอนว่าสถิติที่กล่าวมามันยังคงจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ เพราะแมนเชสเตอร์ ซิตี้เองยังเหลือโปรแกรมการแข่งขันอีก 1 นัด คือการไปเยือน เซาแธมป์ตัน ที่สนามเซนต์แมรีส์สเตเดียม ในวันอาทิตย์ที่ 13 พ.ค. 61 นี้ ซึ่งดูจากชื่อชั้นแล้ว คงไม่ใช่อุปสรรคอะไรที่จะขัดขวางการสร้างสถิติใหม่ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

เป็ป กวาร์ดิโอลา

เป๊ป กวาร์ดิโอลากุนซือผู้เบิกยุคใหม่ของสโมสร ?

อย่างที่รู้กันว่าแฟนบอลบางส่วนยังมีข้อกังขา ในความเป็นสุดยอดกุนซือของ “เป๊ป กวาร์ดิโอลา” เพราะมองว่าความสำเร็จที่ผ่านมาของเป๊ป เป็นเพราะเข้าคุมทีมที่เก่งอยู่แล้ว และเต็มไปด้วยนักเตะซุปตาร์มากมาย การคุมทั้งบาร์เซโลน่าและบาเยิร์น มิวนิคไม่ใช่เรื่องยาก (จริงเหรอ) และการที่เป๊บเลือกมาคุมทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เพราะเรือใบสีฟ้าเป็นสโมสรที่มีทุนมากพอให้เป๊บใช้สอยซื้อนักเตะราคาแพงมาร่วมทีมได้

แต่หากมองดูให้ลึกแล้วการคุมทีมต่างๆของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ไม่ใช่แค่คุมทีมแล้วผลงานดีแบบทั่วๆไป แต่การเข้ามาของเป๊ปถือได้ว่าเป็นการสร้างยุคสมัยใหม่หรือปฏิวัติทีมๆ นั้นไปเลยก็ว่าได้

เช่นการเข้ามารับงานคุมทีมบาร์เซโลน่าในช่วงปี 2008 ต่อจากแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ทีมบาร์เซโลน่าในช่วงนั้นอยู่ในช่วงขาลงอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเสียแชมป์ “ลา ลีกา” ให้คู่แข่งตลอดกาลอย่างเรอัล มาดริดถึง 2 ปีติด (2006-07, 2007-08) การเข้ามาของเป็บถือเป็นการเปิดยุคบาร์เซโลน่าครองเมือง เป๊ปนำทีมคว้า 6 แชมป์ในหนึ่งปี เป๊ปสร้างระบบการเล่นรูปแบบของติกิ ตากา (Tiki-Taka) ทำให้คู่แข่งต้องปวดตับกับการรับมือแผนการเล่นของบาร์ซ่าและเสียท่าอย่างเละเทอะ แม้จะเป็นทีมใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค หรือเอซี มิลาน ล้วนต้องสยบให้กับ “ทีมต่างดาว”

เป็ป กวาร์ดิโอลา สมัยคุมทีมบาร์เซโลน่า

หรือการเข้ามารับไม้ต่อจากเทรนเนอร์ “จุ๊ปป์ ไฮย์เกส” ที่พาเสือใต้ชุดที่โหดที่สุดชุดหนึ่งในประวัติศาสตร์สโมสรคว้าทริปเปิลแชมป์ในปี 2013 แน่นอนว่าแฟนบอลบางส่วนต่างก็มองว่าบาเยิร์นเป็นสโมสรที่ใครคุมก็ได้แชมป์ แต่เอาเข้าจริงแล้วการป็นโค้ชของบาเยิร์น มิวนิคไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบาเยิร์นเป็นทีมที่มีความคาดหวังสูง อีกทั้งบอร์ดบริหารและนักเตะก็จัดได้ว่ามีอีโก้ที่สูงมาก โดยเฉพาะนักเตะของทีมเสือใต้ที่แต่ละคนก็ล้วนแต่เป็นซุปตาร์ จนสื่อในเยอรมันตั้งฉายาให้บาเยิร์นว่า “เอฟซี ฮอลลีวูด” มันทำให้คนที่จะเข้ามาเป็นโค้ชของทีมต้องมีจิตวิทยาพอสมควรที่จะให้นักเตะเล่นเพื่อเขา

เป็บเข้ามาเปลี่ยนระบบการเล่นของเสือใต้จากเยอรมันสไตล์ที่เน้นเล่นบอลแบบเป็นระบบ เป๊ปนำเอาติกิ ตากาเข้ามาผสม สิ่งจุดนี้มันยิ่งทำให้เสือใต้นำหน้าทีมคู่แข่งในบุนเดส ลีกาอย่างไม่เห็นฝุ่น รักษาบัลลังคืแชมเมียงเบียร์ 3 ปีซ้อน แต่ทว่ารอยด่างพร้อยเดียวในการคุมบาเยิร์นของเป็บก็คือไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ยุโรปได้

เป็ป กวาร์ดิโอลา พาทีม “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ 3 ฤดูกาลติด

จนในปี 2016 เป๊ป กวาร์ดิโอลา เลือกเส้นทางเส้นใหม่ในการเข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เขาถูกสบประมาณนับครั้งไม่ถ้วนหลายคนกล่าวว่า “ฟุตบอลของกวาร์ดิโอลามันเล่นในอังกฤษไม่ได้หรอก” ในซีซั่นแรกทีมของเป๊ปดูจะยังเล่นไม่ได้ตามที่เขาคาดหวังไว้ เขาพาทีมไปจบอันดับ 3 ตามหลังแชมป์อย่างเชลซีถึง 15 แต้ม

นั้นทำให้ในฤดูกาลนี้เป๊ปทำการเสริมทัพครั้งใหญ่ทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา, เอแดร์สัน, ไคลน์ วอล์คเกอร์, ดักลาส ลุยซ์, ดานิโล, เอเมอริค ลาปอร์ต (หรือเอเมอริค ลาปอร์เต้) และ เบนจามิน เมนดี้ และก็ดูเหมือนว่านักเตะของเขาเริ่มคุ้นชินและเข้าใจรูปแบบการเล่นที่เป๊ปต้องการมากขึ้น จะเห็นได้ว่าแมนซิตี้ในซีซั่นนี้มีเกมรุกที่ดุดันและจบสกอร์ได้เด็ดขาด มีการทำเกมในแดนกลางที่เยี่ยมยอดครองบอลได้ดี และเกมรับที่เล่นได้ดีขึ้นจากซีซั่นที่แล้วอย่างมาก นอกจากนี้นักเตะในทีมของเขายังมีฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ รักษาระดับการเล่นได้ดี มันจึงทำให้พรีเมียรืลีดกฤดูกาลนี้ เป็นปีที่เรามองเห็นแชมป์ได้ตั้งแต่ช่วงปีใหม่เลยทีเดียว

สิ่งที่เป๊ปทำกับเรือใบสีฟ้าในซีซั่นนี้ได้พิสูจณ์แล้วว่า เขาคือกุนซือผู้สร้างยุคสมัยใหม่ให้ทีมที่เขาคุมอย่างแท้จริง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ชุดนี้ของเขาจะเป็นหนึ่งในชุดที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน ตอนนี้พวกเขาทำลายสถิติเก่าๆ เรียบร้อยไปถึง 3 สถิติ มันเป็นความสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง เราสามารถจินตนาการได้เลยว่าศึกพรีเมียร์ลีกฤดูการหน้าจะมีการแข่งขันที่สูงขึ้น และจะเป็นบททดสอบที่สำคัญว่า “เรือใบสีฟ้า” ของเป๊ป กวาร์ดิโอลาจะรักษามาตรฐานในลีกได้ดีเช่นปีนี้อีกหรือไม่

รวมถึงการที่พวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหนในบอลยุโรป ที่เต็มไปด้วยคู่แข่งสุดหินจากทั้งสเปน, เยอรมัน, อิตาลี และฝรั่งเศส ซึ่งแน่นอนว่าเราคงได้เห็นการเสริมนักเตะซุปตาร์ตบเท้าเข้าเป็นลูกทีมของกวาร์ดิโอลาเพื่อภารกิจรักษาแชมป์ลีกและไล่ล่าความสำเร็จในบอลยุโรปซีซั่นหน้า