Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สองขุนพลอีสานสองขั้วพรรคการเมือง “สุทิน คลังแสง” จากพรรคเพื่อไทย กับ “สุภรณ์ อัตถาวงศ์” หรือ แรมโบ้อีสาน จากพรรคพลังประชารัฐ โคจรมาเจอกันในเวทีดีเบต ที่ช่องเวิร์คพอยท์ ในบ่ายวันอังคาร ที่ 15 ม.ค.  

ทั้งคู่เคยเป็น ส.ส. สมัยอยู่พรรคไทยรักไทย ในปี 2544 ด้วยกัน ดังนั้นอรรถรสในการดีเบตอาจไม่ดุดัน แต่ก็เชือดเฉือนโชว์ความเก๋าในฐานเสียงภาคอีสานพื้นที่ที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดในประเทศ ซึ่งต่างคนต่างก็เชื่อมั่นว่า “รู้ใจคนอีสาน ต้องการอะไร”

ชูนโยบายเศรษฐกิจ กระชากคะแนนเสียงจากคนอีสาน

สุภรณ์ อัตถาวงศ์ เปิดใจก่อนว่า การย้ายพรรคไปอยู่กับขั้วตรงข้ามไม่ได้ทำให้หนักใจ เพราะไม่ได้ลงพื้นที่ไปหาเสียงแบบเผาบ้านพรรคเก่า ชาวบ้านในโคราช ก็ไม่มีใครต่อว่าทำไมแรมโบ้อีสานย้ายพรรคไปปราศรัยพูดนโยบายเขาก็เข้าใจกัน

“บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่ใช่การซื้อเสียง รู้ไหมชีวิตของคนจน เงิน 100 200 300 มีคุณค่ากับครอบครัวเขามาก ไม่ใช่ให้ครั้งเดียวแต่ให้ทุกเดือนและให้ตลอดไป ทุกคนจะมีความหวังว่าอย่างน้อยมีค่ากับข้าวแน่ รวมถึงค่าต่างๆ ที่เติมเข้าไป ถ้าเทียบกับนโยบายอื่น นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี่ผมว่า โดนใจคนรากหญ้ามาก การแจกปลาต้องมีด้วย  แจกเบ็ดต้องมีด้วย ต้องมีทั้งสององค์ประกอบช่วยกัน ไม่ใช่เงินมากมาย แต่เป็นเงินพอประทังความอยู่รอดของประชาชน”

ด้าน สุทิน คลังแสง กล่าวด้วยความมั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยกับคนอีสานนี่เรียกได้ว่าก้าวข้ามเรื่องนโยบายไปแล้ว คนอีสานเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยทำได้ ดังนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้ มองว่า พื้นที่ภาคอีสานไม่มีอะไรน่าหนักใจสำหรับพรรคเพื่อไทย

“วันนี้เพื่อไทยที่เราจะชนะในอีสานแน่นอน ความเชื่อมั่นต่อพรรคสำคัญกว่า แต่เรื่องนโยบายเรื่องใหญ่ที่สุดของเราที่ชาวบ้านคาดหวังและเชื่อว่าทำได้แน่นอน คือเรื่องเศรษฐกิจ เขาเชื่อว่าถ้าเราได้เป็นรัฐบาลทำเศรษฐกิจได้ดีแน่ เรามีมากกว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ  จริงๆ ชาวบ้านไม่ได้ยังชีพด้วยสวัสดิการที่รัฐเอาไปให้ มันเป็นเพียงอาหารเสริม แต่อาหารหลักคือรายได้จากราคาพืชผลทางการเกษตร  พรรคเพื่อไทยไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่จะปรับปรุงให้ดีขึ้นควบคู่กับทำให้รายได้ประชาชนเพิ่มขึ้น”

 ที่มานโยบาย “ถ้าอยู่กับเรากระเป๋าตุง ถ้าอยู่กับลุงกระเป๋าแฟ๊บ” ของพรรคเพื่อไทยมาจากไหน

สุทิน : เราดูจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่กระทรวงการคลังแถลง ยุคที่เพื่อไทยเป็นรัฐบาลทุกครั้ง นับตั้งแต่ ทักษิณ สมัคร สุนทรเวช สมชาย ยิ่งลักษณ์ ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่เคยตก ตัวเลขทางเศรษฐกิจไม่เคยตก อยู่กับเราในยุครัฐบาล 4 คนชาวบ้านไม่เคยจนอยู่ดีกินดี แต่มาใน 4 ปีของลุงตู่ ตัวเลขมันบอกทุกตัวเลย หนี้สินครัวเรือนเพิ่มขึ้น หนี้ประเทศเพิ่มขึ้น ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงเพิ่มขึ้น เรื่องนี้ไม่พูดหรือคิดเอาแบบมโนเอา แต่ดูกันที่ตัวเลขและไปถามชาวบ้านว่า จะเอาเศรษฐกิจแบบไหน เลือกตั้งทุกครั้งทำไมเราชนะ แสดงว่าชาวบ้านชอบว่าอยู่กับเรากระเป๋ามันดีกว่าแน่ แต่มันยุคนี้ก็ลองตอบดูสิ

สุภรณ์ : สโลแกนที่พรรคเพื่อไทยไปใช้ถามว่า ตุงกี่คน ถ้าตุงกระจายไปทั่ว จะเกิดคดีขึ้นไหม อยากรู้ให้ไปถามรัฐมนตรีบุญทรงดู ว่าตุง ตุงอยู่ใคร แต่เราก็ไม่อยากไปรื้อฟื้นอะไรตรงนั้น ปัญหาคือว่าวันนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่า เรากำลังแก้ปัญหา รากหญ้า บ้านผมวันนี้เขาเริ่มฟื้นตัว ราคาพืชผลทางการเกษตรเขาพอใจ ไม่อยากเปรียบเทียบว่าในอดีตราคาต่ำกว่านี้อีก มีเครื่องบ่งบอกว่า รายได้ของประชาชนต่อครัวเรือนกำลังเพิ่มขึ้น สโลแกนการหาเสียงอย่างนี้ ผมเป็นห่วงอาจารย์สุทินกับพรรคเพื่อไทยว่า ถ้าไปเริ่มหาเสียงแบบนี้ก็เหมือนใส่ความกัน โจมตีกันไปมาสุดท้ายการหาเสียงก็ไม่เกิดการปรองดอง

(สุภรณ์ อัตถาวงศ์ พรรคพลังประชารัฐ)

จริงๆ “ลุงตู่” ไม่ได้อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปปกป้องทำไม

สุภรณ์: ท่านยังไม่ได้อยู่ ตามหลักหาเสียงก็ผิดแล้ว ที่พรรคเพื่อไทยไปขึ้นป้าย ผิดเพราะอะไร เพราะท่านยังไม่ได้อยู่ในพรรค ยังไม่ได้ตอบรับจะเป็นแคนดิเดตอันดับ 1 ของพรรค แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่เราจะไปเชิญท่านมา

(สุทิน คลังแสง พรรคเพื่อไทย)

นโยบายของเพื่อไทยไปแตะตัวบุคคลทำไม

สุทิน : บุคคลที่ไปแตะเกี่ยวอะไรกับพรรคพลังประชารัฐ คนเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำไมจะแตะไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่ให้คุณให้โทษคนทั้งประเทศ ต้องแตะได้ ต้องพูดได้ แต่ข้อสำคัญอย่าไปแตะเรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องผลการบริหารงาน เขาเป็นนายกฯ เขาทำเศรษฐกิจตกต่ำ ทำชาวบ้านลำบาก ยากจนต้องพูดได้ และการพูดนั้นต้องมีความจริงมาอธิบาย ตัวเลขจากกระทรวงการคลังทั้งนั้นที่พูด

ภาคอีสานมีจำนวนส.ส. 116  แต่ละคนคิดว่าพรรคตัวเอง จะได้กี่ที่นั่ง

สุทิน : คิดว่าจะได้เยอะที่สุด และไม่น้อยลงกว่าเดิม คือ 80 ขึ้นไป ผมมองว่า ส.ส.เขตพลังประชารัฐได้ไม่เกิน 10 ที่นั่ง แต่เขาอาจจะได้จากบัญชีรายชื่อ เป็นพรรคอันดับสอง

สุภรณ์ : ผมว่าโคราชบ้านผม มองไม่เห็นว่าพรรคเพื่อไทยคนไหนจะได้ เรามั่นใจพลังประชารัฐ ส.ส.เขตในอีสานจะได้ 60 ที่นั่ง ผมกล้าเดิมพันถ้าได้เท่ากับที่อาจารย์สุทินประเมิน ผมเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิตเลย

เงินซื้อเสียงชาวอีสานได้หรือไม่

สุภรณ์ : คนโคราชบ้านผมยืนยันว่า เงินซื้อไม่ได้ เพราะนโยบาย ผลประโยชน์ของพลังประชารัฐ จะทำให้พี่น้องได้เข้าใจอย่างแท้จริง ถ้ามีคนเอาเงินมาให้ พี่น้องเอาไหม พี่น้องเอาครับ เอาไว้ซื้อหมากซื้อพลู เอาไว้ไปทำบุญที่วัด แต่เงินไม่สามารถชี้นำพี่น้องได้ มีคนเอาเงินมาให้ 500 บาท แต่เลือกเอาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 500 ทุกเดือนๆ ตลอดชีวิต พี่น้องจะเลือกเอาอย่างนั้น นี่คือคนอีสาน นี่คือคนโคราช พี่น้องบ้านผมครับ

สุทิน : แต่ก่อนมีประโยคฮิตคนอีสาน “เงินไม่มากาไม่เป็น” แต่ยุคหลังมีประโยคฮิตใหม่ “เอาเงินหมากาเพื่อไทย” นั่นแสดงว่า ซื้อไม่ได้ เพราะสมัยก่อนชาวบ้านมองเห็นพรรคการเมืองไม่มีอะไรต่างกัน เข้าไปเป็นแล้วก็ไม่มีใครมีผลงานชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อเหมือนๆ กันเอาเงินดีกว่า เพราะฉะนั้นผู้ใดให้เงินเอาผู้นั้น แต่หลังจากยุคท่านทักษิณมาชาวบ้านเริ่มเรียนรู้ว่าการเมืองมันตอบสนองกับชีวิตได้ มีผลต่อปากท้อง เพราะฉะนั้นเขาถึงเริ่มสนใจนโยบาย ใครนโยบายดี ทำได้จริง เงินไม่มีความหมายแล้ว เขาจะเลือกนโยบายที่ทำได้จริง

มีโอกาสไหมที่พรรคพลังประชารัฐ จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย

สุภรณ์ : ผมอยากให้ทุกพรรคการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัดเจนว่า ต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปร่วมกัน บ้านเมืองพัฒนาไปด้วยกัน ผมว่า บางสิ่งบางอย่างเราจะไม่พอใจในเรื่องของอดีต แต่ว่า ถ้าเมื่อมีการเลือกตั้ง ประชาชนตัดสินใจให้พรรคการเมืองมาทำงาน พลังประชารัฐเปิดกว้างทุกพรรค และไม่เคยประกาศว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคอื่น มีแต่พรรคอื่นชอบประกาศจะไม่ร่วมกับเรา มั่นใจว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

สุทิน : ผมว่าหลังเลือกตั้งสถานการณ์จะเปลี่ยน ที่คิดว่า ต้องหาเสียงให้ได้ 126 คน ไม่ใช่แล้ว ต้องหามากกว่านั้น ณ วันนี้เราเองสองคนเป็นคนเล็กๆ จะไปพูดว่าจับมือกันไหมไม่มีใครเชื่อหรอก และเราต้องรอดูผลเลือกตั้ง ถ้าคะแนนออกมาใกล้เคียงกัน เราก็ควรจะจับมือกัน แต่สมมุติว่า เพื่อไทยชนะท่วมท้นขาดลอย แสดงว่า ประชาชนปฏิเสธพรรคอื่น ต้องทำความเข้าใจว่า การปรองดองก็ดี การก้าวข้ามความขัดแย้งก็ดี พรรคการเมืองจะมาก้าวข้ามกันเองโดยไม่ถามประชาชน ไม่มองความต้องการของประชาชนไม่จบ คุณอาจจะปรองดองกันได้แต่ชาวบ้านไม่ปรองดองด้วย

จากเวทีดีเบตสองขุนพลอีสาน “เพื่อไทย VS พลังประชารัฐ” ในรายการ ลุยศึกเลือกตั้ง 62 น่าติดตามว่าในที่สุดแล้ว “คนอีสาน” จะเทใจให้กับพรรคไหน เพราะนโยบายของสองพรรคนี้ไม่แตกต่างกัน อาจต้องวัดกันอย่างสูสี หรืออาจมี “ตาอยู่” มาคว้าพุงปลาไปกิน เพราะบริบทในการเลือกตั้งครั้งนี้ต่างจากอดีตเกือบสิ้นเชิง…

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า