เวิร์คพอยท์ เชิญ 4 ขุนพลพรรคการเมือง แสดงวิสัยทัศน์ ระบบสุขภาพ

สถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์ และเวิร์คพอยท์นิวส์ออนไลน์ เชิญ 4 ขุนพลจากพรรคการเมือง ซึ่งมีสามคนอยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาแสดงวิสัยทัศน์นโยบายด้านสุขภาพประชาชน ในหัวข้อ ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย

“ลุยศึก เลือกตั้ง 62” สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ช่อง 23 จัดงานเสวนา ผ่าแนวคิดพรรคการเมือง อนาคตสุขภาพคนไทย ที่โรงละครเคแบงค์สยามพระพิฆเนศ โดยมีระดับแกนนำมาปราศรัยแนวคิดหลักประกันสุขภาพ ได้เเก่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานฝ่ายยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย , นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ส่วนนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ขอถอนตัวเพราะติดภารกิจ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงความเห็นด้วยกับการควบรวมสามกองทุนจะต้องเกิดขึ้น ระบบประกันสังคมจะต้องไม่จ่ายซ้ำซ้อน ส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนระบบราชการ จะต้องอยู่บนฐานที่ สอดคล้องกับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้การจ่ายเงินทั้ง 2 ระบบ ใกล้เคียงกันในอนาคต ก่อนดำเนินการควบรวมทั้งสามกองทุน แต่ไม่เห็นด้วยกับระบบร่วมจ่าย จะทำให้ประเทศล้าหลัง

ส่วนจุดอ่อนที่ต้องแก้ไขคือ ปัญหางบประมาณ ทั้งที่งบประมาณประเทศมีเพียงพอสำหรับการดูแลประชาชนแต่ที่ผ่านมาไม่ถูกนำมาใช้เพื่อดูแลประชาชน เพราะรัฐให้ความสำคัญกับระบบนายทุน ทั้งงบประมาณการพัฒาโรงพยาบาลงไป รพ.ปฐมภูมิ ทำให้เกิดปัญหาความแออัดของโรงพยาบาลใหญ่ ดังนั้นควรดึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาดูแลโรงพยาบาลท้องถิ่น เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ด้านงบประมาณที่ตอบสนองการทำงานของโรงพยาบาลระดับท้องถิ่นอย่างแท้จริง เสริมสร้าง กลไกทางเทคโนโลยีจะช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาล

และดึง อสม.ที่มีความรับผิดชอบช่วยดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ รัฐต้องเข้าไปสนับสนุน ค่าใช้จ่ายในส่วนดังกล่าว ทั้งนี้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองมากเกินไป จนไม่พัฒนาต่อ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  ระบุว่า หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเป็นหลักประกันความเสมอภาค  ไม่ควรย้อนไปในระบบร่วมจ่าย แต่ควรปรับปรุงระบบงบประมาณ ต้องทำระบบใหม่ให้เกิดความมั่นใจว่ารัฐบาลจะให้เงินครบถ้วน  ส่วนโรคเรื้อรังจะต้องมีวิธีการระดมเงินเพิ่ม  และพัฒนาระบบภาษี ปรับเป็นสวัสดิการ   ส่วนการแก้ไขต้องกลับมาดูวิธีการบริหารจัดการด้านงบประมาณว่าจะทำอย่างไรเพื่อให้รัฐบาล มีเงินสนับสนุน อย่างเพียงพอ

และต้องดึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยทำงาน เช่นการกระจายอำนาจ เปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆเข้ามาเชื่อมโยงได้ ประสานงานกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล รวมถึงนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ สนับสนุน โครงการ  ส่วนการยุบรวมสามกองทุน ว่า ยังมีข้อจำกัดในหลายด้านแต่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ประกันตนรวมถึง การปรับรูปแบบของราชการโดยเฉพาะ ข้าราชการที่เข้าสู่ตำแหน่งใหม่

ด้านคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ระบุว่า ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต้องมีรูปแบบเป็น Help for all รักษาอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม รูปแบบการรักษาที่มีการแบ่งคุณภาพ จะต้องไม่เกิดขึ้น

ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ช่วยป้องกันการล้มละลายของคน ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดี เป็นกำลังผลิตที่สำคัญของประเทศ หลักการ 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องเป็นลักษณะของ health care ไม่ใช่ Sick Care การร่วมจ่าย ณ จุดบริการ จะไม่มีความจำเป็น โรงพยาบาลต้องบริหารให้คนสุขภาพแข็งแรง ก่อนที่จะได้รับความเจ็บป่วย โดยใช้เทคโลยีมาสนับสนุนงานป้องกัน แต่ความเห็นการรวมสามกองทุนสิทธิการรักษาพยาบาล สามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยมองว่าจุดเริ่มต้นจะต้องทำให้ทุกกองทุนเท่าเทียม โดยเฉพาะสิทธิต่างๆ ในการรักษา

นาย.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือบัตรทอง เป็นสิทธิ์ขั้นพื้นฐานโดยระบบเป็นการร่วมจ่ายก่อนป่วย คนรายได้น้อยร่วมจ่ายผ่านภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่วนคนรวยจ่ายภาษีทั้งภาษีทางตรงและทางอ้อม

โดยพรรคพลังประชารัฐ มีแนวทางเพิ่มคุณภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยต้องทำให้ครอบคลุมทั่วถึง เพิ่มคุณภาพของหน่วยบริการ และได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ไม่เห็นด้วยระบบร่วมจ่าย แต่เสนอให้บริการ คือโรงพยาบาล ควรนำระบบการจัดซื้อยาร่วมกันมาใช้ เพื่อช่วยลดต้นทุน

ทั้งนี้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้ผู้ป่วยมีสิทธิร่วมจ่ายได้ เช่น ระบบประกัน นอกจากนี้ต้องมีระบบการออม การออกกำลังกาย รวมไปถึงนโยบายมารดาประชารัฐ ที่จะมาดูแลสตรีมีครรภ์ ผ่านบัตรประชารัฐ สร้างหมอครอบครัวให้ครบทุกตำบล เพื่อมาเป็นหมอประจำตัว ถ้าสุขภาพดีสามารถลดหย่อนภาษีได้

ทั้งนี้ หลายพรรคการเมืองเห็นพ้องร่วมกันว่า ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ต้องให้ประชาชนได้สิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้น ครอบคลุมทุกคน ไม่ใช่เฉพาะผู้มีรายได้น้อย และจะไม่กลับไปใช้ระบบร่วมจ่าย