โลกโซเชียลติด #บอยสกล ! เผย เคยเป็น ปธ.นิสิต หายตัวไปพร้อมเงินสโมสร เกือบ 7 เเสน

ความคืบหน้ากรณีที่โลกโซเชียลติดแฮชแท็ก บอยสกล ลวงโลก เคยก่อวีรกรรม ปี 57 ได้รับเลือกเป็นประธานสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ เรียนได้ 1 ปี หายไปพร้อมกับเงินอีกเกือบ 7 แสนบาท

ตามที่โลกโซเชียลให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องบอยสกล หรือ นายสกล (ขอสงวนนามสกุล) ที่มีรูปปรากฏอยู่ในรั้วของมหาวิทยาลัยชื่อดัง (เเอบอ้าง) ทั้งนั่งเรียน ถือป้าย จนกระทั่งมีการติดแฮชแท๊กในโลกโซเชียลยู่ในขณะนี้ และมีบางช่วง ทางกลุ่มเจาะข่าวได้กล่าวว่า บอยสกล เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี

ทางผู้สื่อข่าวจึงได้ได้เดินทางไปที่กองกิจการนิสิต ของมหาวิทยาลัยดังกล่าว เพื่อไปสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องประวัติของบอยสกล จากกองทะเบียนและประมวลผล ซึ่งก็พบว่า  บอยสกล เคยเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ เมื่อปี พ.ศ.  2557 เเต่เรียนได้ 1 ปี ก็พ้นสภาพเป็นนิสิต อันเนื่องมาจากได้เกรดไม่ถึง 1.75 ตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด

ต่อมาทางผู้สื่อข่าวก็ยังไปยังคณะวิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งก็ได้พบกับเพื่อนๆ ของบอยสกล ที่ได้เคยร่วมกิจกรรมกันเมื่อช่วงปี 2557

เพื่อนร่วมรุ่น (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เล่าว่า “เมื่อปี 2557 ตนกับเพื่อนๆ ก็ถูกนายสกลมาชักชวนหว่านล้อมให้เข้าร่วมพรรค เพื่อเลือกตั้งเป็นคณะทำงานของสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์

“ซึ่งนายสกล มีวาทะศิลป์การพูดจาหว่านล้อม รู้จักใช้คน ตนหลงเชื่อก็เข้าร่วมพรรค และได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำงานทั้งหมด 13 คน

“งานแรกที่ทำคือ จัดกิจกรรมงานวันลอยกระทงในปี 57 จนงานเสร็จ พอมาเคลียร์เรื่องการเงิน บอยสกลบอกว่า ค่าใช้จ่ายเกินงบไปประมาณ 2-3 หมื่นบาท พร้อมกับเอาบัญชีมาให้คณะกรรมการดู ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้ติดใจอะไร เราก็มุ่งที่จะช่วยงานกันไป

“การเบิกเงินของบอยสกล ไม่มีใบเสร็จ หรือสลิป มีแต่ใบรายงานค่าใช้จ่ายอย่างเดียว ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้ติดใจอะไร จนมาทราบว่าเมื่อปี 2558 บอยสกลสอบติดที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง (แอบอ้าง) พวกเพื่อนๆ ก็ดีใจด้วย ยังมาร่วมแสดงความยินดี ร่วมกันบลูมให้บอยสกล

“ทุกคนก็ไม่ทราบว่า บอยสกลพ้นสภาพจากนิสิต มารู้เอาภายหลัง พร้อมกับเงินของสโมรสรนิสิต หายไปเกือบ 7 แสนบาท เเต่ไม่มีหลักฐานที่จะเอาผิดได้ และเรื่องก็ผ่านไปนานหลายปีแล้ว”

ต่อมา ผู้ที่เคยเป็นรุ่นน้องคณะวิศวกรรมศาสตร์ ของบอยสกล (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) เล่าว่า “เริ่มแรกบอยสกล ได้ติดต่อให้ร่วมกิจกรรม โดยจะแต่งตั้งให้ตนเป็นฝ่ายเหริญญิก แต่ตนไม่ถนัดเกี่ยวกับเรื่องเงิน จึงไม่ได้เข้าร่วมงานด้วย

“ช่วงที่พี่เขาเป็นประธานสโมสรนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีการเก็บเงินรุ่นน้องค่ากิจกรรม และเงินรุ่น รุ่นน้องคนละ 1,700 บาท มี 500 คน ก็ตกประมาณ 850,000 บาท ส่วนรุ่นพี่คนละ 1,500 บาท พี่เขาก็จะมีอำนาจสูงสุดในการใช้จ่ายเงินของสโมสร ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเขาเอาไปใช้จ่ายอะไรบ้าง พอปี 58 ก็ทราบว่าพี่เขาสอบติดที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง (แอบอ้าง) แล้วก็หายตัวไปเลย