SHARE

คัดลอกแล้ว

กระทรวงสาธารณสุขเลือกวัคซีนโควิด 19 ที่มีความปลอดภัย ลดป่วยรุนแรง ลดอัตราการเสียชีวิต ลดการแพร่เชื้อ ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย เตรียมฉีดในสถานพยาบาลกว่า 1,000 แห่ง มีระบบติดตามอาการหลังฉีดทาง Line OA “หมอพร้อม” และมีอสม. เจ้าหน้าที่สธ.ไปเยี่ยมบ้าน

วันที่ 12 ก.พ.2564 นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ประธานอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และนพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวประเด็นการบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ว่า คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้ตั้งคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด 19 แก่ประชาชนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยด้วยความสมัครใจ ให้ได้รับวัคซีนที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ

ขณะนี้ได้จัดหาวัคซีน 2 ชนิด ได้แก่ ชนิด Virus Vector ของบริษัท แอสตราเซนเนกา และชนิดเชื้อตายจากซิโนแวค เป็นเทคโนโลยีเก่าที่คุ้นเคย มั่นใจเรื่องความปลอดภัย อย่างไรก็ตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนอาจเกิดขึ้นได้ เช่น ปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และจากการติดตามผลการฉีดของประเทศต่างๆ ไม่ได้มีอาการที่รุนแรง

สำหรับเป้าหมายในการฉีดวัคซีนโควิดกับประชาชน แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ระยที่ 1 เมื่อมีวัคซีนปริมาณจำกัด เพื่อลดการป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 และรักษาระบบสุขภาพของประเทศ ฉีดให้กลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง มีความเสี่ยงสูง หากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงและเสียชีวิตได้ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้า ทั้งภาครัฐเอกชน รวมถึงเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด 19 ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วย เช่น อสม. ทหาร ตำรวจ ประชาชนและแรงงานในพื้นที่ระบาดของโควิด 19

ระยะที่ 2 เมื่อมีวัคซีนมากขึ้นและเพียงพอ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชากรและฟื้นฟูให้ประเทศกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยจะฉีดให้แก่ประชาชนทั่วไป, ผู้ประกอบอาชีพด้านการท่องเที่ยว เช่น พนักงานโรงแรม สถานบันเทิง มัคคุเทศก์, ผู้เดินทางระหว่างประเทศ เช่น นักบิน/ลูกเรือ นักธุรกิจระหว่างประเทศ, นักการทูต เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศ และแรงงานในภาคอุตสาหกรรม, กลุ่มเป้าหมายในระยะที่ 1, บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขอื่นๆ ที่นอกเหนือจากด่านหน้า

กลยุทธ์การบริหารจัดการการให้วัคซีนโควิด-19 มี 5 กลยุทธ์ ได้แก่

1. การสื่อสารทำความเข้าใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับประโยชน์ ความปลอดภัยของวัคซีน ระบบขั้นตอนในการให้บริการ

2. การบริการที่มีคุณภาพ รวมถึงระบบการเก็บ ขนส่ง ต้องมีอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส เพื่อให้คงคุณภาพจัดระบบบริการที่ดีที่มีความรวดเร็ว จะฉีดทั่วประเทศให้ได้เดือนละ10 ล้านโดส แล้วเสร็จภายในปี 2564 ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย

3. การประกันคุณภาพวัคซีน มีการเฝ้าระวังหลังการฉีด 30 นาที และระบบติดตามอาการข้างเคียงภายหลังได้รับวัคซีนในวันที่ 1, 7, 30 และในระบบ Line Official Account และติดตามด้วย อสม. เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล

4. พัฒนาระบบข้อมูล Line OA “หมอพร้อม” เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารกับโรงพยาบาล 5.การจัดการองค์ความรู้ภายหลังการฉีดวัคซีน ว่าประชาชนมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้นหรือไม่ ป้องกันการป่วย ลดการแพร่โรคหรือไม่

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ปฏิบัติหน้าที่รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการสำรวจทัศนคติความเห็นของประชาชน (DDC Poll) ระหว่างวันที่ 26 มกราคม -8 กุมภาพันธ์ 2564 ในกลุ่มเป้าหมาย 2,879 คน พบว่าส่วนใหญ่ร้อยละ 70.4 เห็นว่าบุคลากรสาธารณสุขควรได้รับวัคซีนก่อน รองลงมาคือประชาชนทุกคน นอกจากนี้ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 70 ยังต้องการฉีดวัคซีนแม้ไม่มีรายงานการติดเชื้อ การป่วย และเสียชีวิตจากโรคโควิด 19 นอกจากนี้ ยังมีประชาชนบางส่วนเห็นว่าเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับวัคซีนเช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นการฉีดในภาวะฉุกเฉิน ยังไม่มีข้อมูลวิชาการเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนในกลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีและหญิงตั้งครรภ์

การฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งได้รับขึ้นทะเบียนใช้ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อป้องกันควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้เตรียมแผนไว้ 2 ระยะ

ระยะที่ 1 เดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม 2564 จำนวน 2 ล้านโดส ให้บริการผ่านสถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีความพร้อมของแพทย์และห้องฉุกเฉินไว้อย่างเพียงพอ ประมาณ 1,000 แห่ง พร้อมให้การช่วยเหลือในกรณีที่เกิดผลข้างเคียงหรืออาการไม่พึงประสงค์หลังจากการได้รับวัคซีน ในพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ซึ่งยังพบผู้ติดเชื้ออยู่คือ จ.สมุทรสาคร และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และพื้นที่ที่เคยพบผู้ติดเชื้อมาก่อนหน้าในช่วงเดือนมกราคม ได้แก่ จ.ระยอง ชลบุรี จันทบุรี ตราด และ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งยังพบผู้ติดเชื้อ โดยจะพิจารณาตามลำดับพื้นที่และความสำคัญของการระบาด

ระยะที่ 2 มิถุนายน – ธันวาคม 2564 จำนวน 61 ล้านโดส อาจเพิ่มบริการในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลขนาดใหญ่บางแห่ง เพื่อฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมเร็วขึ้น

นพ.โสภณ กล่าวว่า เนื่องจากการให้บริการวัคซีนโควิด-19 เป็นวัคซีนใหม่ บุคลากรทางการแพทย์ต้องผ่านการอบรม เรื่องการฉีดวัคซีน เตรียมระบบบริการ อุปกรณ์การแพทย์ ดูแลหลังการฉีดใกล้ชิด ประชาชนที่มารับบริการต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด สังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีนตามเวลาที่กำหนดเป็นเวลา 30 นาที และติดตามจนครบ 1 เดือนขอให้ประชาชนมั่นใจว่าระบบการให้วัคซีนโควิด 19 ที่เตรียมไว้มีความปลอดภัย ประชาชนได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรค

สธ.เผยภาพรวมผู้ติดเชื้อในประเทศชะลอตัว ขอประชาชนป้องกันตนเองต่อเนื่อง

ด้าน นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 201 ราย
มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 96 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 89 ราย และเดินทางจากต่างประเทศ 16 ราย ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ 24,104 ราย หายป่วยกลับบ้านได้แล้วเพิ่ม 885 ราย สะสม 19,799 ราย เหลือผู้ติดเชื้อ รักษาอยู่ในโรงพยาบาลและโรงพยาบาลสนามเพียง 4,225 ราย ในสัปดาห์นี้ภาพรวมผู้ติดเชื้อในประเทศมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย พบผู้ติดเชื้อต่ำกว่า 500 รายต่อเนื่องกันมา 5 วันแล้ว และพบผู้ติดเชื้อลดลงเหลือ 10 จังหวัดจากทั้งหมด 63 จังหวัดที่เคยพบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ โดยปัจจัยสำคัญมาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน

สำหรับพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก พบผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงจากผู้ป่วยรายเก่า สัญชาติเมียนมาติดเชื้อภายในครอบครัว เนื่องจากการค้นหาเชิงรุกเมื่อพบผู้ป่วย 1 รายจะลงพื้นที่สอบสวนค้นหาผู้สัมผัสโดยเร็ว เพื่อควบคุมจำกัดวงการระบาด ทำให้ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อทั้งหมด 43 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 230 ราย และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำอยู่ในระหว่างการสอบสวน ทั้งนี้ พบอัตราการติดเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวถึงร้อยละ 8 และพบในตลาดร้อยละ 1.3 จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของกระทรวงสาธารณสุข “สวมหน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ สแกนไทยชนะ และโหลดแอปหมอชนะ” เพื่อช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดและลดจำนวนผู้ติดเชื้อในพื้นที่

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า