Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ศาลรัฐธรรมนูญ มติเสียงข้างมาก มีคำวินิจฉัย สมาชิกสภาพ ส.ส. ‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ ไม่สิ้นสุด ปมยุบพรรคตัวเอง ย้ายไปเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ ของพรรคพลังประชารัฐ ทำได้ เพราะกฎหมายที่ระบุว่า ส.ส. บัญชีรายชื่อ ต้องเป็นผู้ที่เสนอในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง บังคับใช้ระหว่างจัดการเลือกตั้งและก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง

วันที่ 20 ต.ค. 2564 เวลา 15.22 น. ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาเพื่ออ่าน คำวินิจฉัย เรื่อง ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่า สมาชิกภาพของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่

โดย นายวิรุฬ แสงเทียน ตุลาศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย ว่า  ข้อเท็จจริงตามคำร้องคำชี้แจงข้อกล่าวหา คำชี้แจงที่เกี่ยวข้องและเอกสารประกอบ ปรากฏว่า ผู้ถูกร้องเป็น หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป ผู้ถูกร้อง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคประชาชนปฏิรูป

เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม2562 พรรคประชาชนปฏิรูปประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ครั้งที่ 10 /2562 และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิก พรรคประชาชนปฏิรูป และให้แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองต่อไป ผู้ถูกร้องมีหนังสือลงวันที่ 5 สิงหาคม 2562 แจ้งต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูป มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป พ.ศ. 2561 ข้อ 122

นายทะเบียนพรรคการเมือง ตรวจสอบข้อเท็จจริง เสนอต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการเลือกตั้ง พิจารณาแล้วประกาศการสิ้นสภาพ ความเป็นพรรคการเมือง ของพรรคประชาชนปฏิรูป ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562

ต่อมา วันที่ 9 กันยายน 2562 ผู้ถูกร้องสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แจ้งจำนวนสมาชิก ตามมาตรา 25 วรรคสอง ต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง และนายทะเบียนพรรคการเมืองมีหนังสือ ลงวันที่ 17 ตุลาคม 2562 แจ้งเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ว่า ผู้ถูกร้องเข้าเป็นสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ แล้ว

ข้อพิจารณาเบื้องต้นว่า การสิ้นสภาพการเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูป ชอบด้วยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ประกอบวรรคสี่ หรือไม่ เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริง ฟังได้ว่า คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชนปฏิรูป ได้ประชุมและมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป พ.ศ. 2561 ข้อ 122

โดยเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ ที่กำหนด ในข้อ 54 กล่าวคือ มีกรรมการบริหารพรรคการเมือง มาประชุมจำนวน 16 คน ซึ่งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองที่มีอยู่ในขณะนั้น 29 คน และกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่มาประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ทั้ง 16 คน ซึ่งเป็นเสียงข้างมาก ของกรรมการบริหารพรรคการเมือง ตามข้อ 55 มติของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง ที่ให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูป จึงเป็นไปโดยชอบ ตามข้อ 122 ประกอบกับข้อ 54 และข้อ 55  โดยมีเหตุผลให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปว่า เนื่องจาก กรรมการบริหารพรรคการเมือง หลายคนลาออก และอีกหลายคนกำลังจะลาออก รวมทั้งขาดบุคลากรสนับสนุน ทำให้ไม่สามารถดำเนินกิจการ พรรคประชาชนปฏิรูปต่อไปได้

เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองได้รับแจ้ง เรื่องการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูป นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงได้ตรวจสอบ กรณีดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 91 วรรคสอง และให้คณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองผู้เข้าประชุมลงมติครั้งนั้น ให้ถ้อยคำต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ปรากฏว่า คณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง 15 คน ให้ถ้อยคำยืนยันสอดคล้องกันว่า มีการประชุมลงมติให้เลิกพรรคประชาชนปฏิรูปด้วยเหตุผลดังกล่าวจริง ส่วนอีก 1 คน อยู่ระหว่างเดินทางไปต่างประเทศ

นายทะเบียนพรรคการเมืองจึงเสนอให้คณะกรรมการเลือกตั้งพิจารณา คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ประกาศการสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองของพรรคประชาชนปฏิรูป และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 การสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูป จึงเป็นไปโดยชอบ

ส่วนข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่าการเลิกพรรคประชาชนปฏิรูปตามข้อบังคับพรรค อันเป็นเหตุให้พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นการกระทำของผู้ถูกร้อง ที่มีเจตนาซ่อนเร้น อาศัยมติของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนเป็นหัวหน้าพรรค มีอำนาจเหนือกว่ากรรมการบริหารพรรค เห็นว่า ไม่มีข้อเท็จจริง หรือพยานหลักฐานใด แสดงให้เห็นศาลรัฐธรรมนูญ เห็นได้ว่า กรณีไปเป็นดังที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง

เมื่อพรรคประชาชนปฏิรูปเลิกตามข้อบังคับของพรรคประชาชนปฏิรูป พ.ศ. 2561 ข้อ 122 คณะกรรมการการเลือกตั้ง ประกาศการสิ้นสภาพของพรรคประชาชนปฏิรูป ในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2562 มีผลให้พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสุดลงตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 90 (1) ประกอบมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) ทำให้ สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง

เมื่อพรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพเป็นพรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรคประชาชนปฏิรูป พ.ศ. 2561 ข้อ 62 วรรคหนึ่ง (6) ตั้งแต่วันที่ 6 กันยายน 2562 แต่ผู้ถูกร้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งได้รับการคุ้มครอง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (10) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560  มาตรา 91 วรรคสี่ ที่บัญญัติให้ถือว่าการสิ้นสภาพของพรรคการเมืองตามมาตรานี้ เป็นการถูกยุบพรรคการเมือง โดยมีเจตนารมย์เพื่อคุ้มครองสมาชิก ที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะได้รับผลกระทบ จากสมาชิกพรรคการเมืองสิ้นสภาพนั้นไป อันเป็นหลักการเดียวกับการคุ้มครอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่สังกัดพรรคการเมือง ซึ่งถูกยุบพรรคการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) ดังนั้นสมาชิก พรรคการเมืองที่สิ้นสภาพ ตามมาตรา 91 สมาชิกที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเข้าไปเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองอื่นได้ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพ ผู้ถูกร้องจึงสมาชิกเข้าเป็นสมาชิก ของพรรคการเมืองอื่น ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีคำสั่งยุบพรรคการเมืองได้ ซึ่งในคดีนี้คือวันที่ 6 กันยายน 2562

ซึ่งเป็นวันที่พรรคประชาชนปฏิรูปสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ถูกร้อง สมัครเข้าไปเป็นสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2562 จึงเป็นระยะเวลา ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พรรคประชาชนปฏิรูป สิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง

สำหรับข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องเป็นหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค จนกว่าพรรคประชาชนปฏิรูปจะชำระบัญชีเสร็จ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 95 ที่บัญญัติว่า ในกรณีที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพ หรือ ยุบ ตามบทบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ให้หัวหน้าพรรคการเมือง ส่งบัญชีและงบแสดงสถานะทางการเงิน รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับจากวันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพหรือยุบ และวรรคสองให้หัวหน้าพรรคการเมือง ตามวรรคหนึ่ง ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ  แต่จะดำเนินกิจกรรมในนามพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพหรือยุบไม่ได้นั้น

เห็นว่า บทบัญญัติมาตราดังกล่าว เป็นการกำหนดหน้าที่ของหัวหน้าพรรคการเมืองที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพ หรือยุบพรรคการเมือง เข้าปฏิบัติหน้าที่จนกว่าการชำระบัญชีจะแล้วเสร็จ โดยมีหน้าที่ ให้ข้อมูล ส่งบัญชีและงบดุล  รวมทั้งเอกสารเกี่ยวกับการเงินของพรรคการเมืองภายใน 30 วัน นับแต่วันที่พรรคการเมืองสิ้นสภาพ หรือยุบ และห้ามหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น ไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในนามพรรคการเมืองที่สิ้นสภาพ หรือยุบ ไปแล้วเท่านั้น แต่ไม่ห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ในนามพรรคการเมืองอื่น

เป็นข้ออ้างของผู้ร้องที่ว่า ผู้ถูกร้องไม่ได้กำหนดคน ที่พรรคพลังประชารัฐ เสนอชื่อเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บัญชีรายชื่อต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก่อนการปิดการรับสมัครรับเลือกตั้ง ผู้ถูกร้องจึงไม่สามารถ เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคพลังประชารัฐได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 56 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 57 นั้น

เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 90 กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดทำบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5) กำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับ การได้มาซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคการเมือง โดยมีวัตถุประสงค์ ใช้บังคับกับกรณีที่อยู่ในระหว่างการจัดการเลือกตั้ง และก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง

ซึ่งเป็นคนละกรณี กับการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอื่น ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 91 วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 91 วรรคสี่ ที่เกิดขึ้นภายหลังจากมีการเลือกตั้ง และผู้ถูกร้อง ได้รับการประกาศผลการเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อแล้ว 

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก จึงวินิจฉัยว่า สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ของผู้ถูกร้องไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (10) ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (5)  

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า