3 ส.ส.เศรษฐกิจไทย ไม่แจงเหตุยกมือหนุน นายกฯ ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กก.บห.เตรียมประชุมบทลงโทษ

‘บุญสิงห์’ เผย 3 ส.ส.งูเห่า พรรคเศรษฐกิจไทย ไม่แจงเหตุหนุนโหวตอภิปรายฯ นายกรัฐมนตรี ตามกำหนด จ่อถก กก.บห. ก่อนลงโทษ

นายบุญสิงห์  วรินทรรักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจไทย  (ศท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวน  3  ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ได้แก่ นายณัฏฐพล จรัสรพีพงษ์ ส.ส.สุรินทร์ นายธนะสิทธิ์ โควสุรัตน์ ส.ส.อุบลราชธานี และนายธนัสถ์ ทวีเกื้อกูลกิจ ส.ส.ตาก ที่ฝ่าฝืนมติพรรคในการลงมติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ทั้ง 11 คน เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา  โดยให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า พรรคเปิดโอกาสให้มาชี้แจงแล้ว แต่ทั้ง 3  คน ไม่มีใครตอบกลับมา ถือว่าไม่ประสงค์จะชี้แจง 

ดังนั้นขั้นตอนต่อไป จะนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อประชุมพิจารณาบทลงโทษต่อไป โดยจะดูข้อมูลที่ปรากฎต่อสาธารณะว่าการลงมติ11 ครั้ง มีการโหวตสวนมติพรรคกี่ครั้ง และดูจากพฤติกรรมของส.ส.แต่ละคนประกอบด้วย จากนั้นจะนำมาสรุปเทียบเคียงกับข้อบังคับพรรคว่าเขาข่ายความผิดใด โดยฝ่ายกฎหมายจะพิจารณาตรงนี้ ทั้งนี้แต่ละคนอาจได้รับโทษไม่เหมือนกัน หากโทษแค่ภาคทัณฑ์ จะใช้เสียงกก.บห.ส่วนใหญ่รับรองได้ แต่หากโทษถึงขั้นขับพ้นพรรค ต้องใช้เสียงกก.บห.จำนวน 3ใน4 รับรอง ส่วนที่มีกระแสข่าว 3  ส.ส.อาจจะมองหาพรรคใหม่สังกัดนั้น ตนไม่ทราบ

      ส่วนกรณีเสียงวิจารณ์ว่าพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย จับมือทำให้สภาล่ม เพื่อยื้อไม่ให้พิจารณาร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ไม่ให้ทันใน 180 วัน หากไม่ทันวันที่ 15 ส.ค.นี้ นายบุญสิงห์ กล่าวว่า ต้องรอดูการประชุมร่วมรัฐสภาในวันที่ 10 ส.ค.นี้ อีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร เพราะเหลือพิจารณาอีกไม่กี่มาตรา และต้องดูว่าวิป 3 ฝ่ายหารือกันอย่างไร ส่วนจะพิจารณาทันหรือไม่ทัน อยู่ที่เป้าหมายของแต่ละพรรค และรัฐสภา ถ้าจะให้ทันก็ทัน ถ้าไม่ทันก็ไม่ทัน ส่วนจุดยืนของพรรคเศรษฐกิจไทย เห็นว่าควรยึดตามที่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นบัตรเลือกตั้ง2 ใบ ซึ่งได้แยกวิธีการคำนวณส.ส.เอาไว้แล้ว แต่ทั้งหมดนี้ต้องดูว่ารัฐสภา จะเอาอย่างไร ถ้าพิจารณาไม่ทันกรอบเวลา180 วัน ก็ต้องไปใช้ร่างของรัฐบาล และเชื่อว่าไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ก็มีทั้งเข้าทางคนกลุ่มหนึ่ง และตรงกับความต้องการของกลุ่มหนึ่ง แต่อาจไม่ถูกใจอีกกลุ่ม เรื่องนี้ไม่ว่าจะออกอย่างไร ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นอยู่แล้ว