Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในไทย วันนี้ป่วยเพิ่ม 11 ราย เป็นกลุ่มกลับจากต่างประเทศ ด้าน ผอ.ศบค.เผยหากสถานการณ์ดีขึ้นอาจยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินในระยะที่ 4 โดยใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อหรือกฎหมายอื่น ทดแทน

วันที่ 29 พ.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันและผลการประชุม ศบค. โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน สาระสำคัญคือ พบผู้ติดเชื้อ 11 ราย ซึ่งเป็นผู้ป่วยกลับจากประเทศคูเวตและอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,076 ราย หายป่วย 2,945 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทั้งนี้ ยังคงต้องดำเนินการในประเด็นสำคัญ ได้แก่

1. มาตรการคัดกรองไข้ ไอ หอบเหนื่อย จามหรือเป็นหวัด สำหรับพนักงานบริการและผู้ใช้บริการ กรณีพบผู้ที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรค ต้องรายงานหน่วยงานรับผิดชอบ

2. ทุกกิจการและกิจกรรมจัดให้มีการลงทะเบียนก่อนเข้า – ออกสถานที่และเพิ่มมาตรการการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือใช้มาตรการควบคุม ด้วยการบันทึกข้อมูลและรายงานทดแทน

3. ให้พิจารณาพัฒนานวัตกรรม เช่น ลงทะเบียนเข้า – ออกสถานที่ ระบบการเรียนการสอน การจองคิวแบบออนไลน์ เพื่อให้บริการรูปแบบใหม่ในระยะยาว นำไปสู่การป้องกันควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพ

นพ.ทวีศิลป์  กล่าวว่า ผอ.ศบค. ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการขยายการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เพื่อให้การบริหารสถานการณ์ในภาพรวมของ ศบค. เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นเอกภาพ เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นอาจพิจาณายกเลิกในระยะที่ 4 ได้ โดยจะใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อหรือกฎหมายอื่น ๆ มาทดแทน

วาระสำคัญของการประชุม ศบค. ให้มีคงการเปิดภาคเรียนในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เช่นเดิม หากโรงเรียนใดมีความพร้อมในการเปิดภาคเรียน ก็สามารถเลื่อนวันเปิดภาคเรียนให้เร็วขึ้นได้ โดยมีหลักการดังนี้ 1. จะต้องเป็นโรงเรียนที่มีขนาดเล็ก อยู่ในพื้นที่ห่างไกล มีโอกาสที่จะติดเชื่อต่ำ และ 2. ให้เหลื่อมเวลาเรียน นักเรียนสามารถสลับเวลามาเรียน 3 วันต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้เกิดการแออัด เบื้องต้นเน้นการเรียนระดับเด็กโตก่อนกรณีเด็กเล็กยังไม่มีข้อสรุป พร้อมมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้ศึกษาเพิ่มเติมและหาข้อสรุปกรณีโรงเรียนนานาชาติต้องการให้มีการเปิดภาคเรียนเร็วขึ้น เพื่อให้ทันต่อมาตรฐานนานาชาติ โดยให้นำเสนอที่ประชุม ศบค. อีกครั้ง และเห็นชอบการปรับลดระยะเวลาห้ามออกนอกเคหสถานให้เป็นช่วงเวลา 23.00-3.00 น

การเสนอรายงานของศูนย์ปฏิบัติการต่าง ๆ ด้านความมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดรายงานผลชุดตรวจตามมาตรการหลัก ตั้งแต่ 17 – 28 พ.ค.63 ปฏิบัติตามมาตรการครบ 263,997 แห่ง ปฏิบัติไม่ครบ 416 แห่ง ไม่ปฏิบัติตามเพียง 5 แห่ง ช่วงเคอร์ฟิวพบว่ามีการละเมิดคดีลด โดยปลัดกระทรวงมหาดไทยสรุปผลการป้องกันการช่วยเหลือประชาชนพบว่า การเดินทางเข้าไทยผ่านด่านชายแดน 14,910 คน ส่งตัวกลับภูมิลำเนา 11,230 คน คงเหลือผู้กักตัว 3,680 คน ผู้ประกอบการ 3 อันดับแรกที่ให้ความร่วมมือต่อมาตรการการป้องกันโรคเป็นอย่างดี ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า สถานประกอบการดูแลเด็กและศูนย์การเรียนรู้และห้องสมุด การงดเครื่องดื่มสุรา ห้ามชุมนุม จุดบริการเจลล้างมือได้มีความร่วมมือดี การใช้แอปพลิเคชันไทยชนะและการสวมเฟสชีลไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก ปลัดกระทรวงดีอีรายงานการดำเนินการ “แพลตฟอร์มไทยชนะ” ว่า มีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 120,000 ร้าน ผู้ใช้งาน 15 ล้านคน และพัฒนา “แอปพลิเคชันไทยชนะ” เพื่อป้องกันการลืมเช็คอิน-เช็คเอ้าท์ กิจการ/กิจกรรมที่ได้มีคะแนนประเมินสูง ได้แก่ การถ่ายทำละคร บริการทางการแพทย์ สถานเสริมความงาม ขณะที่ตลาดนัดได้คะแนนต่ำ โฆษก ศบค. เผยก่อนการประชุม ผอ.ศบค. เยี่ยมชมนวัตกรรมต่าง ๆ ในการตรวจรักษาโรคโควิด-19 โดยเป็นเทคโนโลยีจากศูนย์นวัตกรรม ของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมแนะให้นำมาใช้งานได้จริงช่วยลดต้นทุนและอาจพัฒนาต่อยอดต่อไปในอนาคตได้

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า